กรุงเทพฯ 27 ก.พ. – “ศุภวุฒิ” Live Video Call มองเศรษฐกิจโตร้อยละ 3.8 ห่วงภาคเกษตรรายได้ต่ำ การลงทุนเอกชนยังฟื้นช้า ด้านเกียรตินาคินเปิดตัวนวัตกรรมการบริการที่ปรึกษาการเงินแบบใหม่
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน ) กล่าวผ่านการ Live Video Call ในงานเปิดตัวนวัตกรรมการบริการ KK Magic Mirror ของธนาคารเกียรตินาคิน ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2561 ดีกว่าปีที่แล้ว คาดว่าขยายตัวร้อยละ 3.8 ซึ่งอาจจะต่ำกว่าการประมาณการของหน่วยงานอื่น เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังมีจุดอ่อนที่ภาคการเกษตรโดยรายได้ภาคการเกษตรยังต่ำ การลงทุนภาคเอกชนยังฟื้นตัวไม่ชัดเจน แม้ว่าการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวดี
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การค้าต่างประเทศที่ยังไม่ชัดเจน ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการที่สหรัฐอเมริกาและหลายประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ยุติมาตรการอัดฉีดสภาพคล่อง (คิวอี)
นายอนุชิต อนุชิตานุกูล ประธานสายพัฒนาระบบงาน ช่องทางขายและผลิตภัณฑ์ ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผู้บริโภคหันมาทำธุรกรรมออนไลน์มากขึ้น ทุกธนาคารต้องปรับกลยุทธ์เพื่อให้สามารถแข่งขันได้และตอบสนองไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ธนาคารเกียรตินาคินได้พัฒนาเทคโนโลยีมาช่วยสร้างโอกาสในการเข้าถึงสาขาและจุดบริการสำหรับลูกค้า ตอบโจทย์ด้านการเงินและการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพัฒนานวัตกรรมการบริการที่เรียกว่า “KK Magic Mirror” กระจกวิเศษที่ช่วยให้การเงินเป็นเรื่องง่ายเป็นการให้บริการที่ปรึกษาทางการเงินผ่านจอ LED แบบ Interactive ครั้งแรกของประเทศไทย โดยเป็นการบริการโต้ตอบกับพนักงานเสมือนจริง เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนอย่างเต็มที่ และพูดคุยกับกูรูทางการเงินจากกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทรในรูปแบบ Live Video Call เพื่อตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการวางแผนทางการเงินที่เหมาะสม โดยเบื้องต้นจะติดตั้ง 6 เครื่อง ใน 5 พื้นที่นำร่อง ได้แก่ ธนาคารเกียรตินาคิน สาขาอโศก ศูนย์การค้าสยามพารากอน ศูนย์การค้าเค วิลเลจ ศูนย์การค้าซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์ และอาคารซีพี ทาวเวอร์ 1 สีลม ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2561 เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าจะเพิ่มฐานลูกค้าอีกร้อยละ 20 จากฐานลูกค้าทั้งหมด 2.3 ล้านราย
“ต้นทุนของ KK Magic Mirror อยู่ในหลักแสนบาท ถูกกว่าการเปิดสาขาที่เฉลี่ยต้นทุนสูงหลักล้านบาทต่อสาขา จึงเชื่อว่าจะสามารถลดต้นทุนการให้บริการ และตอบโจทย์ของธนาคารที่เน้นลูกค้ากลุ่มเวลธ์ได้” นายอนุชิต กล่าว
ส่วนการมีตัวแทนธนาคาร หรือแบงก์กิ้ง เอเย่น นั้น มองว่าเป็นสิ่งดีที่จะทำให้การบริการครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และความจำเป็นของแต่ละธนาคาร แต่ส่วนของธนาคารเกียรตินาคินนั้น ใช้แบงก์กิ้ง เอเย่น เพื่อรับชำระค่างวดต่าง ๆ เท่านั้น เพราะแบงก์กิ้ง เอเย่น ไม่สามารถตอบโจทย์การเป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้าได้. – สำนักข่าวไทย