สำนักข่าวไทย 23 ก.พ.-พบกระเเสวิจารณ์คำสั่งมูลนิธิเซนต์คาเบรียลผ่านสังคมออนไลน์ กำกวม ไม่ระบุชัด ให้ภราดาวินัยยุติบทบาท ผอ.รร.เซนต์คาเบรียล ขณะที่ตัวแทนผู้ปกครองไม่กังวล จะติดตามเรื่องตั้งคกก.สอบข้อเท็จจริงมากกว่า โดยวันพรุ่งนี้นัดหารือผู้ปกครอง ส่วนวันจันทร์งดเดินขบวนไปมูลนิธิเซนต์คาเบรียลฯแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ค “กู้เซนต์” ได้เผยแพร่ภาพหนังสือคำสั่งมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย 2 ฉบับที่มีการระบุว่าคือหนังสือคำสั่งให้ภราดาวินัย วิริยวิทยาวงศ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเซนตคาเบรียล ยุติบทบาทตามการแสดงเจตจำนงค์ และแต่งตั้งภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย ประธานคณะมูลนิธิฯ เป็นรักษาการผู้อำนวยการแทน จนทำให้เกิดกระเเสวิพากษ์วิจารณ์ว่าหนังสือดังกล่าวมีความกำกวม เนื่องจากไม่ได้มีการอนุมัติให้ภราดาวินัยยุติบทบาทอย่างชัดเจน หมายความว่า ภราดาวินัยยังคงดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการบริหารสถานศึกษา ผู้ลงนามแทนผู้รับใบอนุญาต และเป็นผู้จัดการได้ใช่หรือไม่
ส่วนที่ภราดาสุรสิทธิ์ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการนั้น มีการวิจารณ์ว่าในฐานะผู้รับใบอนุญาตสถานศึกษาแค่ลงมาบริหารเองเท่านั้น โดยตำแหน่งยังคงเป็นของภราดาวินัยแต่หน้าที่ผู้อำนวยการเป็นภราดาสุรสิทธิ์ เนื่องจากในหนังสือไม่มีการระบุถึงมาตรา 40 ที่ระบุถึงหน้าที่ของผู้จัดการที่ดูแลเรื่องงบประมาณ
สำหรับหนังสือฉบับที่ 1 คือ เรื่องแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรประจำโรงเรียนเซนต์คาเบรียล มีใจความว่า ตามที่ได้มีคณะบุคลากรครูและนักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียลได้มีการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการบริหารสถานศึกษา เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2561 นั้น ทางมูลนิธิฯ ได้รับทราบและตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวข้างต้น และทางมูลนิธิฯ จะดำเนินการหาข้อเท็จจริง รวมถึงแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยพ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 และเกิดความยุติธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดังนั้น เพื่อมิให้เกิดความสับสนวุ่นวายภายในโรงเรียน อาศัยอำนาจแห่ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 จึงมีคำสั่งให้ผู้บริหาร อาจารย์ ครู เจ้าหน้าที่ และบุคลากร รวมถึงนักเรียนของโรงเรียนเซนต์คาเบรียลเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามปกติต่อไปจนกว่าจะมีำคำสั่งจากมูลนิธิฯในฐานะผู้รับใบอนุญาตเป็นอย่างอื่น ลงนามโดยภราดาสุรสิทธิ์ สุขชัย ประธานมูลนิธิฯ และผู้รับใบอนุญาต ร.ร.เซนต์คาเบรียล
เเละฉบับที่ 2 เรื่องการทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของผู้รับใบอนุญาต ระบุว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 37 วรรค 3 แห่ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ผู้รับใบอนุญาตจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโดยเป็นผู้บังคับบัญชา และรับผิดชอบการบริหารงานของ ร.ร.เซนต์คาเบรียล ตามมาตรา 38 แห่ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 และให้มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 ตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. 2561 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามมาตรา 37 พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 คือ ให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้อำนวยการคนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการโรงเรียนในระบบ โดยวรรคสามของมาตรานี้คือ ผู้รับใบอนุญาตทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการโดยไม่แต่งตั้งผู้อำนวยการตามวรรคหนึ่งก็ได้ ส่วนการทำหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้อำนวยการตามมาตรา 39 คือ
1.ดูแลรับผิดชอบงานด้านวิชาการของโรงเรียนในระบบ
2.แต่งตั้งและถอดถอนครู บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนในระบบตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด
3.ควบคุมปกครองครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียรของโรงเรียนในระบบ
4.จัดทำทะเบียนครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่ นักเรียน และเอกสารอื่นที่เกี่ยกับการให้การศึกษาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด 5.จัดทำหลักฐานเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการศึกษาตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
และ 6.ปฏิบัติหน้าที่อื่นอันเกี่ยวกับวิชาการตามระเบียบและข้อบังคับของทางราชการ รวมทั้งตรราสารจัดตั้ง นโยบาย ระเบียบ และข้อบังคับของโรงเรียน และหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้
สำหรับมาตรา 40 ระบุว่า ให้ผู้รับใบอนุญาตแต่งตั้งผู้จัดการคนหนึ่ง มีหน้าที่และความรับผิดชอบดังต่อไปนี้
1.ดูแลรับผิดชอบงานด้านงบประมาณของโรงเรียนในระบบ
2.ดูแลรับผิดชอบการบริหารงานทั่วไปของโรงเรียนในระบบ
3.ปฏิบัติหน้าที่อื่นอันเกี่ยวกับการบริหารงานตามสารตราจัดตั้ง นโยบาย ระเบียบ และข้อบังคับของโรงเรีบยในระบบ และหน้าที่อื่นตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ฉบับนี้ ผู้รับใบอนุญาตจะทำหน้าที่ผู้จัดการโดยไม่แต่งตั้งผู้จัดการตามวรรคหนึ่งก็ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาภราดาวินัย ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทำหน้าที่บริหารงบประมาณของโรงเรียนด้วย จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่าภราดาวินัยยังมีอำนาจในการบริหารงบประมาณอยู่หรือไม่
ด้านนายเกษม แจ่มนิลกุล ตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน รร.เซนต์คาเบรียล กล่าวว่า ตนไม่กังวลกับเนื้อความในหนังสือทั้ง 2ฉบับเพราะมองว่ามีความชัดเจน เเต่ก็เข้าใจถึงความกังวลของนักเรียนเเละผู้ปกครองท่านอื่นๆ เเต่สิ่งที่จะตามต่อคือการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงมากกว่า ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ.)จะหารือร่วมกับเครือข่ายผู้ปกครองที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียลด้วย เเละคาดว่าจะไม่มีการเดินขบวนไปที่มูลนิธิเซนต์คาเบรียลเเห่งประเทศไทยเเล้วในวันจันทร์นี้ .-สำนักข่าวไทย