ศาลฎีกายืนจำคุกกลุ่มนักรบศรีวิชัย –การ์ด พธม.

ศาลฎีกา 21 ก.พ.- ศาลฎีกาพิพากษายืนจำคุกระนาว 3 – 9 เดือน “กลุ่มนักรบศรีวิชัย” การ์ด พธม. บุกเอ็นบีทีไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ปี 51 เยาวชน 6 รายโชคดี ศาลให้กลับตัวเป็นคนดี โทษจำรอลงอาญา ออกหมายจับ 5 คน เบี้ยวนัด


ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 21 ก.พ. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 4 คดีบุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ในการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 หมายเลขดำที่ อ.4486/2551 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธเนศร์ คำชุม กับพวกรวม 85 คน ซึ่งเป็นกลุ่มนักรบศรีวิชัย การ์ดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานสมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง, ร่วมกันไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไปหรือซ่อนตัวในเคหสถาน หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธ, ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92, 210, 215, 309, 358, 364, 365 และ 371 พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2545 และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2535

โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 22 – 26 ส.ค. 2551 จำเลย 85 คน ร่วมกันประชุมวางแผนนัดแนะระดมพลจากสะพานมัฆวานรังสรรค์และสถานที่อื่น ตกลงกันไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันบุกรุกอาคารสำนักงานสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย จำเลยทั้งหมดพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุน มีดดาบ มีดพก ร่วมกันไปทำลายทรัพย์สินกว่า 15 รายการรวมความเสียหายกว่า 6 แสนบาท และบุกรุกสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที โดยไม่ได้รับอนุญาต   ทั้งจำเลยยังร่วมข่มขืนใจ น.ส.ตวงพร อัศววิไล และ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้ประกาศข่าวของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที และพนักงานคนอื่นๆ ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ไม่ให้จัดรายการออกอากาศ และขับไล่ให้ออกจากที่สำนักงาน 


คดีนี้จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี ซึ่งระหว่างพิจารณาคดีปรากฏว่า นายมานิต อรรถรัฐ จำเลยที่ 42 หลบหนีคดี ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราวคงเหลือจำเลยรวม 84 ราย

โดยวันนี้จำเลยที่ได้รับการประกันตัวคนละ 2 แสน บาทระหว่างฎีกา ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาทั้งสิ้น 79 คน ขาด 5 คน ประกอบด้วยนายจีรวัฒน์ คงหนู จำเลยที่ 31, นายประเสริฐ ด้วงทิพย์ จำเลยที่ 37, นายวีระศักดิ์ บรรจงช่วย จำเลยที่ 59, นายวันชัย รักษายศ จำเลยที่ 78 และนายวิธวัช สืบกระพันธ์ จำเลยที่ 84 โดยจำเลยที่ 31 ยื่นขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกา อ้างว่า ท้องเสียต้องให้น้ำเกลืออยู่ที่รพ.ใน จ.พัทลุง โดยมีใบรับรองแพทย์มาแสดง แต่ศาลเห็นว่าอาการป่วยของจำเลยไม่ถึงขั้นไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ จึงเป็นการประวิงเวลา  ส่วนจำเลยที่ 37 ก่อนหน้านี้ได้แจ้งอาการป่วยเส้นเลือดในสมอง ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้นั้น ศาลได้เคยออกหมายจับให้มาฟังคำพิพากษาไว้แล้ว เนื่องจากยังไม่เชื่อว่าจำเลยมีอาการป่วยถึงขั้นที่ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ โดยศาลเห็นว่าจำเลยทั้งห้ามีพฤติการณ์หลบเลี่ยงที่จะไม่มาศาล ศาลจึงให้อ่านคำพิพากษาของจำเลยทั้งหมดในวันนี้ทันที

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าก่อนเกิดเหตุนั้น กลุ่ม พธม.ชุมนุมขับไล่รัฐบาลโดยแกนนำปราศรัยว่าจะไปปิดล้อมและยึดสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีในวันที่ 26 ส.ค. 2551 จึงนำกำลังไปดูแลรักษาความปลอดภัย ต่อมาในเวลา 04.30 น. พวกจำเลยใส่ชุดดำไปรวมตัวกันและบุกเข้าไปภายในอาคารสถานีเวลา 05.00 น. พร้อมพกพาอาวุธไม้แหลม กระจายกำลังไปตามชั้นต่างๆ ตำรวจจึงเข้าจับกุมได้พร้อมอาวุธ ต่อมาเวลา 8.00 น. ก็มีผู้ชุมนุม พธม.กว่า 1 หมื่นคน บุกเข้าไปในสถานี และออกจากสถานีในเวลา 18.00 น.


ทั้งนี้อัยการโจทก์ยื่นฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาซ่องโจร เนื่องจากจำเลยมีการรวมตัวกันเปิดเผย แบ่งหน้าที่กันทำ แต่งกายชุดดำและถืออาวุธ เป็นการรวมตัวกันโดยสมัครใจบุกเข้าไปในสถานี กระจายกำลังค้นหาเจ้าหน้าที่ของสถานีให้ยุติการปฏิบัติงาน เป็นการวางแผนเตรียมไว้

ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 นาย เบิกความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ทราบว่า  จำเลยได้ประชุมปรึกษาหารือวางแผนร่วมกันที่ไหนอย่างไร อาจเป็นการทำตามคำสั่งแกนนำ จำเลยทั้ง 85 รายบุกรุกโดยไม่มีผู้นำ แม้จะมีการแสดงออกเปิดเผยแต่งกายลักษณะเดียวกัน อาจเกิดจากการแนะนำกันโดยไม่ได้ร่วมปรึกษาหารือ เป็นการปฏิบัติตามคำสั่ง ทำโดยสถานการณ์บีบบังคับ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาไม่มีน้ำหนักพอว่าจำเลยกระทำผิดฐานซ่องโจร ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยที่ 1-29, 31-41, 43-46, 48-80 และ 82 ยื่นฎีกา ขอให้รอการลงโทษหรือลงโทษสถานเบา โดยระบุว่า  พวกจำเลยไม่มีเจตนาก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ข่มขืนใจประทุษร้าย หลังจากเข้าไปในสถานีแล้วเจ้าหน้าที่ของสถานียังสามารถทำงานได้ตามปกติ   ส่วนจำเลยที่ 1 ระบุว่าพกปืนติดตัวไปเฉยๆ ไม่ได้ใช้ในการก่อเหตุ ล้วนแต่เป็นการโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 บัญญัติไว้ ศาลฎีกาจึงไม่รับคำฎีกาของจำเลยไว้วินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว จึงพิพากษายืน

ให้จำคุกนายธเนศร์ คำชุม จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 8 เดือน, นายเมธี อู่ทอง จำเลยที่ 24 จำคุก 8 เดือน, นายนัสเซอร์ ยีหมะ อดีตหัวหน้าการ์ดเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จำเลยที่ 14 กับจำเลยที่ 2-13, 15-23, 25-29, 31-41, 43– 46, 48 – 80, 82 รวม 76 ราย จำคุกคนละ 6 เดือน แต่ศาลยังให้รวมโทษปรับนายชนินทร์ อินทร์พรหม จำเลยที่ 2, นายจรัส วีระพันธ์ จำเลยที่ 39 กับนายธนพล แก้วเชิด จำเลยที่ 80 ในความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นอีกคนละ 500 บาท

ส่วนนายอัมรินทร์ ยี่เฮง จำเลยที่ 48 ให้บวกโทษคดีนี้กับคดีอื่นอีก 3 เดือน จึงจำคุกรวม 9 เดือน และนายประดิษฐ์ คงช่วย จำเลยที่ 70 ก็เช่นกัน ให้บวกโทษกับคดีอื่นอีก 2 เดือน จึงจำคุกรวม 8 เดือน

สำหรับกลุ่มเยาวชนขณะกระทำความผิด ประกอบด้วยจำเลยที่ 30, 47, 81 นั้น ซึ่งระหว่างกระทำผิดอายุยังไม่เกิน 20 ปี ให้จำคุกคนละ 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 83 – 85 ระหว่างกระทำผิดยังเป็นเยาวชน ให้จำคุกคนละ 3 เดือน ศาลเห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกทั้ง 6 คนจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้รายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนด 1 ปี ส่วนความผิดฐานซ่องโจรนั้นให้ยกฟ้อง 

สำหรับจำเลย 5 คนที่ไม่มาศาลนั้น ประกอบด้วยจำเลยที่ 31, 37, 59, 78, 84 ศาลให้ออกหมายจับเพื่อนำตัวมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจำเลยทั้ง 79 คน ที่มาศาลได้ฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแล้ว ซึ่งจำนวนนี้ทีรอลงอาญา 6 คน   ดังนั้นจึงจำเลยจำนวร 73 ที่จะถูกคุมขังในเรือนจำ ซึ่งเป็นชาย 69 คน ถูกนำตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษ ส่วนจำเลยที่เป็นหญิง เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้ควบคุมตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง    

โดยระหว่างนี้กลุ่มญาติของจำเลยเกือบ 20 ราย ต่างมายืนรอให้กำลังใจระหว่างถูกส่งตัวขึ้นรถเรือนจำ บางรายตะโกนบอกว่าจะไปเยี่ยมในวันรุ่งขึ้น ส่วนจำเลยบางรายยังยิ้มให้และโบกมือทักทายกับกลุ่มญาติ ทั้งนี้ จำเลยที่เป็นเยาวชนอีก 6 ราย ซึ่งศาลให้รอลงอาญาไว้ก็ได้เดินทางกลับพร้อมญาติ

สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2553 ให้จำคุกนายธเนศร์ คำชุม จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี 18 เดือน, นายชนินทร์ อินทร์พรหม จำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี 6 เดือนและปรับ 500 บาท ส่วนจำเลยที่ 3-29, 31-38, 40-41, 43-46, 48-79, 82 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือน , นายเมธี อู่ทอง จำเลยที่ 24 จำคุก 1 ปี 12 เดือน และนายจรัส วีระพันธ์ จำเลยที่ 39 กับนายธนพล แก้วเชิด จำเลยที่ 80 จำคุกคนละ 1 ปี 6 เดือนและปรับ 500 บาท จำเลยที่ 30, 47, 81 จำคุกคนละ 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 83-85 จำคุกคนละ 9 เดือน ซึ่งระหว่างกระทำผิดจำเลยที่ 30, 47, 81 อายุยังไม่เกิน 20 ปี และจำเลยที่ 83-85 ยังเป็นเยาวชน และไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ศาลจึงเห็นควรให้โอกาสกลับตนเป็นพลเมืองดี โดยโทษจำคุกให้รอการลงโทษ จำเลย 30, 47, 81, 83, 84, 85 มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยรายงานตัวกับพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ภายในกำหนดเวลา 1 ปี แต่เมื่อโจทก์และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2557 ให้ลดโทษจำเลย 84 ราย โดยจำคุกคนละ 3-9 เดือน และส่วนที่เป็นเยาวชนให้รอการลงโทษไว้ดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]

วิป 2 ฝ่ายโยน “วันนอร์” เคาะวันโหวตนายกฯ

รัฐสภาพ 3 ก.ย.- ไร้ข้อสรุป วิป 2 ฝ่ายโยน “วันนอร์” เคาะวันโหวตเลือกนายกฯ เหตุ “ภูมิธรรม” ยื่นยุบสภา ต้องไม่ก้าวล่วงพระราชอำนาจ ปัดยื้อเวลา อ้างเดินตามกระบวนการข้อกฎหมาย ยันไทยต้องมี “นายกฯ” แบบสง่างาม-ไร้ครหา นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมวิป 2 ฝ่ายว่า หากมีมติวันนี้ก่อนเวลา 16.30 น. จะสามารถเสนอให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุระเบียบวาระโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ภายในวันที่ 5 กันยายนนี้ แต่เนื่องจากฝ่ายรัฐบาลเดิม ชี้แจงว่า ขณะนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ได้ยื่นเสนอพระราชกฤษฎีกาทูลเกล้าฯ เพื่อยุบสภา และอยู่ในกระบวนการ แต่เพื่อไม่ให้เป็นการก้าวล่วงพระราชอำนาจ ตนจึงขอที่ประชุมว่า อำนาจในการบรรจุระเบียบวาระเป็นของประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยในวันนี้นายวันมูหะมัดนอร์ จะลงจากการทำหน้าที่บนบัลลังก์ในเวลา 16.30 น. โดยตนได้หารือกับประธานสภาฯ ให้ลงจากการทำหน้าที่บนบัลลังก์ก่อน เพื่อที่จะได้เดินทางมาหารือกับวิป 2 […]

“ภท.” เปิดประวัติ-ผลงาน “อนุทิน” แคนดิเดตนายกฯ คนที่ 32

กทม. 3 ก.ย.- “พรรคภูมิใจไทย” โพสต์ประวัติ-ผลงาน “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แถลงจัดตั้งรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย ที่รัฐสภา โดยมีพรรคประชาชนประกาศสนับสนุน พร้อมรายชื่อ สส. 146 คน ร่วมสนับสนุนให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ล่าสุด เพจพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ภาพและประวัตินายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ทันที โดยระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 การศึกษา2527 : โรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ2528 : Worcester Academy, Massachusetts U.S.A.2532 : B.S. in Industrial Engineering, Hofstra […]