กก.ปฏิรูปด้าน ศก. แถลงแผนปฏิรูป หวังยกระดับการพัฒนา-ลดความเหลื่อมล้ำ

ทำเนียบฯ 16 ก.พ.-คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ แถลงแผนปฏิรูป หวังยกระดับการพัฒนาทุกมิติ ลดความเหลื่อมล้ำ ขณะที่แผนปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติฯ เน้นเพิ่มพื้นที่ป่า สร้างการรับรู้ปัญหาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง


นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ และ นายรอยล จิตรดอน ประธานกรรมการ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมแถลงความคืบหน้าการปฏิรูปประเทศไทย หัวข้อ “ทรัพยากรมีคุณค่า กับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน” 

โดยนายประสาร กล่าวว่า ขณะนี้ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาด้านโครงสร้าง เช่น ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหากลไกและบทบาทภาครัฐที่ไม่เอื้อต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ปัญหากฎหมายและกฎระเบียบที่มีจำนวนมากล้าสมัย มีช่องโหว่จากการใช้ดุลพินิจ เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ขณะเดียวกันบริบททางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี กติกาสากลที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ 


“นี่จึงเป็นเป้าหมายที่ต้องการปฏิรูป โดยสาระสำคัญของแผนปฏิรูปแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านแรก ว่าด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับบุคคล ระดับภาคธุรกิจ และภาครัฐ ด้วยการเพิ่มผลิตภาพ จากสิ่งที่ไทยมีความชำนาญในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักเพื่อต่อยอดสร้างอุตสาหกรรมใหม่  ด้วยการพัฒนาทักษะบุคลากร เพิ่มประสิทธิภาพเทคโนโลยีนวัตกรรม ใช้ประโยชน์จากข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data analytics) รวมถึงปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน สร้างฐานการลงทุนในกลุ่ม CLMV บังกลาเทศ และตอนเหนือของอินเดีย” นายประสาร กล่าว

นายประสาร กล่าวอีกว่า ด้านที่สอง คือ การสร้างความเท่าเทียมและเติบโตอย่างมีส่วนร่วมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ กระจายประโยชน์จากการพัฒนาไปสู่ประชาชนให้ทั่วถึง ด้วยการจัดตั้งสำนักงานบูรณาการแก้ไขปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ ผลักดันให้เกิดผลจริง โดยจะมุ่งสร้างรายได้ให้กับประชาชน กลุ่มเกษตรกร กลุ่มแรงงานไร้ฝีมือ สร้างชุมชนให้เข้มแข็ง และด้านที่สาม คือ การปรับกลไกและบทบาทภาครัฐให้เท่าทันกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง โดยต้องกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นตัดสินใจมากขึ้น ช่วยแก้ปัญหาให้มีเจ้าภาพที่ชัดเจน

นายประสาร กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญคือต้องยกระดับกระบวนการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพและบูรณาการ (Plan-Do-Check-Act) ใน 3 มิติ โดยมิติแรก ต้องปฏิรูปหน่วยงาน นโยบาย ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติให้ทำงานมีประสิทธิภาพ รวดเร็วทันต่อการเปลี่ยนแปลง ส่วนสำนักงานสถิติแห่งชาติ ต้องพัฒนาระบบข้อมูลให้หลากหลายเรียกใช้ได้รวดเร็ว มิติที่สอง ปฎิรูปหน่วยงานการคลังและงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ เพื่อรองรับการดูแลผู้สูงอายุ ด้วยการปฎิรูประบบประกันสุขภาพ เสนอให้มีองค์กรจัดเก็บภาษีกึ่งภาษีอิสระเพื่อเพิ่มรายได้ให้รัฐบาลและขยายฐานการจัดเก็บภาษีรูปแบบต่างๆ รวมถึงปฎิรูปหน่วยบริหารสินทรัพย์ของรัฐ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจต้องเพิ่มมูลค่าตามศักยภาพ และมิติที่สาม ปฎิรูปหน่วยงานดำเนินการและประเมินผล เช่น สถาบันด้านการส่งเสริมเอสเอ็มอีเพื่อยกระดับความสามารถเอสเอ็มอี


“ส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นข้อเสนอที่ผู้เกี่ยวข้องได้ปูทางไว้ ทั้งนักวิชาการ สมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ (สปท.) ทั้งนี้คณะกรรมการฯ เห็นว่าสถานการณ์ปัจจุบันเอื้อต่อการปฎิรูป ซึ่งรัฐบาลและประชาชนส่วนใหญ่เห็นความสำคัญและสนับสนุน ประกอบกับเศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มดี การได้รับการสนับสนุนจากประชาชนถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการปฎิรูปประเทศ เป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง” นายประสาร กล่าว

ด้านนายรอยล กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้การบริหารงานแบบรวมศูนย์ แต่การบริหารงานในเชิงพื้นที่แบบแนวราบก็มีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงเน้นการลงพื้นที่เพื่อเข้าถึงปัญหาให้ตรงจุด เช่น ปัญหาชายฝั่ง ปัญหาน้ำ รวมถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยการปฎิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แบ่งเป็น 6 เรื่อง คือ 1.ทรัพยากรทางบก 2.ทรัพยากรทางน้ำ 3.ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง 4.ความหลากหลายทางชีวภาพ  5.สิ่งแวดล้อม และ 6.ระบบบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเร่งรัดให้เกิดแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดิน ป่าไม้ แผนที่ศักยภาพแร่ มีระบบผังเมืองรวมจังหวัด ผังเส้นทางน้ำ พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลสภาพภูมิอากาศด้วยการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพิ่มพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ ป่าชุมชน และระบบบริหารจัดการและกฎหมายต้องผลักดัน เพื่อจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EIA/EHIA) เป็นต้น ทั้งนี้คณะกรรมการฯ หวังว่าจะได้รับความร่วมมือและการตอบรับจากประชาชนทุกภาคส่วน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีต ผกก.ขับรถปาดหน้า-ชัก M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง

สงขลา 11 พ.ค. – การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล และนายกเทศมนตรี เดือด ลูกชาย สส.สงขลา ทำร้ายตำรวจคุมหน่วย ส่วน จ.นครศรีธรรมราช อดีตผู้กำกับขับรถปาดหน้าและชักปืน M16 ขู่อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง การเลือกตั้งนายกเทศมนตรีที่วัง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เดือด นายชวลิต เจริญพงษ์ อดีตนายกเทศมนตรีที่วัง และปัจจุบันเป็นผู้สมัครรองนายกเทศมนตรีที่วัง เบอร์ 2 เข้าแจ้งความที่ สภ.กะปาง ว่าถูก พ.ต.อ.พิรุณ อดีต ผกก.ที่ปรึกษาผู้สมัครนายกเทศมนตรีอีกทีม ขับรถไล่ตามและใช้ปืน M16 ข่มขู่ โดยก่อนเกิดเหตุได้ไปกินข้าวที่ร้านอาหารกับผู้ใหญ่บ้าน ม.1 ต.ที่วัง ได้เจ้อกับลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก เข้ามาพูดจาข่มขู่ พวกตนจึงหนีขึ้นรถเพื่อตัดปัญหา แต่ปรากฏว่าเมื่ออกจากร้านได้เพียง 10 เมตร พ.ต.อ.พิรุณ ได้ขับรถแวนเชฟโรเลตสีขาวปาดหน้า และลงจากรถพร้อมปืน M16 วิ่งมาที่รถของตน เห็นท่าไม่ดี จึงหักพวงมาลัยขับรถหนีและเข้ามาแจ้งความ ระหว่างนั้น พ.ต.อ.พิรุณ พร้อมพวก […]

เร่งล่ามือฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์ม

ตรัง 11 พ.ค. – เร่งล่าคนร้ายโหดฆ่าเผานั่งยาง 4 ศพ กลางสวนปาล์มใน อ.สิเกา จ.ตรัง ล่าสุดตำรวจรู้ตัวผู้ก่อเหตุแล้ว วันนี้ (11 พ.ค. 68) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง เข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมันแห่งหนึ่ง พื้นที่หมู่ 1 หลังได้รับแจ้งมีเหตุฆ่าเผานั่งยาง ที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มน้ำมัน สภาพรกทึบ ห่างจากถนนสายตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. พบเศษยางรถยนต์นับสิบเส้น และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะของมนุษย์ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัย เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่าน 3 ร่าง จึงส่งชันสูตรหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้อง หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่กองปราบฯ เจ้าหน้าที่ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน และฝ่ายปกครอง ร่วมตรวจพื้นที่คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐาน โดยในที่เกิดเหตุเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง ซึ่งเจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดด แต่ไม่มีผู้พักอาศัย พบร่องรอยกองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบ […]

ผบ.ตร. สั่งกองวินัยเตรียมสอบ ปมมติแพทยสภาลงโทษหมอ

ผบ.ตร. รับทราบกรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษ 3 แพทย์ เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14

คณะกรรมการแพทยสภา มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน เซ่นปม “ทักษิณ” รักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 ท่าน พักใช้ใบประกอบวิชาชีพ 2 ท่าน เผยมติที่ประชุมมีความเห็น “เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก มาก มาก”

ข่าวแนะนำ

โป๊ปองค์ใหม่เริ่มใช้งานโซเชียลมีเดีย

วาติกัน 14 พ.ค. – สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงเริ่มใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้หลังทรงได้รับเลือกเป็นพระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาเลโอที่ 14 ทรงโพสต์ข้อความลงบนสื่อโซเชียลครั้งแรกเมื่อวานนี้ หลังจากทรงได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เนื้อหาที่โพสต์มาจากพระดำรัสของพระองค์ที่ทรงปราศรัยต่อสาธารณชนครั้งแรก และมีรูปถ่ายบางส่วนซึ่งเป็นภาพในวันแรกที่ทรงเข้ารับตำแหน่งของพระองค์ เนื้อหาข้อความที่โพสต์มีใจความว่า “ขอให้สันติสุขอยู่กับพวกท่านทุกคน นี่คือคำทักทายแรกที่พระคริสต์ผู้ทรงฟื้นคืนพระชนม์ ข้าพเจ้าอยากให้คำทักทายแห่งสันติสุขนี้ก้องอยู่ในใจของพวกท่าน ในครอบครัวของท่าน และในหมู่ผู้คนทุกคน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใดในทุกประเทศ และทั่วโลก” โป๊ปเลโอที่ 14 ทรงเลือกใช้บัญชีแพลตฟอร๋มเอ็กซ์ ที่เป็นบัญชีเดิมที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสผู้ล่วงลับ และสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงเคยใช้งานมาก่อนซึ่งบัญชีดังกล่าวมีผู้ติดตามมากถึง 52 ล้านคนจากบัญชีทั้ง 9 ภาษา ส่วนแพล็ตฟอร์มอินสตาแกรมทรงใช้ชื่อบัญชีใหม่ของพระองค์เอง คือ Pontifex – Pope Leo XIV ซึ่งจะเป็นบัญชีอย่างเป็นทางการเพียงบัญชีเดียวบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ที่เป็นของบริษัทเมตา ล่าสุดมียอดผู้ติดตามแล้ว 3.2 ล้านคน.-816.-สำนักข่าวไทย

กมธ.ป.ป.ช. จ่อเชิญอดีตผู้ว่าฯ สตง.แจงข้อสงสัยตึก สตง. ถล่ม

รัฐสภา 14 พ.ค.-กมธ.ป.ป.ช. เชิญกรมบัญชีกลาง-กรมสรรพกร-ผู้ออกแบบตึก สตง. ชี้แจงข้อข้องใจเหตุตึกถล่ม ส่อทุจริต เหล็ก-ปูน ขาดความน่าเชื่อถือในบริษัทที่ก่อสร้าง เตรียมเชิญอดีตผู้ว่าฯ สตง.แจงข้อสงสัย เหตุเป็นผู้บริหารสัญญาตั้งแต่แรก นายฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวก่อนการประชุมถึงการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)แห่งใหม่ถล่ม จากเหตุแผ่นดินไหว ว่า เป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว โดยวันนี้ (14 พ.ค.) ได้มีการเชิญกรมบัญชีกลาง ที่มีหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้าง ถูกต้องเป็นธรรมและเป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นการฮั้วกัน และได้เชิญกรมสรรพากรมาชี้แจงเกี่ยวกับการต่อภาษี ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องว่าเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ รวมทั้งเชิญ นายพิมล เจริญยิ่ง อายุ 85 ปี ผู้รับรองแบบอาคาร สตง. และวิศวกรผู้ควบคุมงาน โดยกรรมาธิการจะหาข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร เพราะทราบจากเจ้าหน้าที่ สตง.ว่าบุคคลเหล่านี้ยังทำงานอยู่ที่บริษัทเดิมอยู่ ซึ่งจะมาให้ข้อเท็จจริงกับกรรมาธิการเพื่อประกอบการพิจารณา สำหรับเรื่องเหล็กเป็นเรื่องกระบวนการของกระทรวงอุตสาหกรรม เบื้องต้น การนำเหล็กและปูนไปทดสอบนั้น ขณะทดสอบผ่านแน่นอน เพราะเอาวัสดุที่มีคุณภาพ แต่ขณะก่อสร้าง ไม่แน่ใจว่าเอาเหล็กกลุ่มที่ผ่านการทดสอบไปก่อสร้างหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ส่อว่า มีการลดราคา 300 ล้านบาท มีการควบคุมงานและเอาจริงเอาจังหรือไม่ […]

พ่อ “สจ.กอล์ฟ” โพสต์ขอโทษ-ขอโอกาส

กทม. 14 พ.ค.-สส.สมยศ พ่อ สจ.กอล์ฟ โพสต์เฟซบุ๊ก เสียใจ ขอยืนหยัดในอุดมการณ์ทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องเหมือนเดิม ขอสังคมยึดหลักกฎหมาย ด้าน กกต. เตรียมเป็นผู้เสียหายร่วมกับ ตชด.ที่ถูกรุมทำร้าย เสนอ อบจ.สงขลา สอบสวนจริยธรรม สมาชิก อบจ.ที่ก่อเหตุ นายสมยศ พลายด้วง สส.เขต3 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ บิดาของ สจ.กอล์ฟ หรือนายสิรดนัย สั่งลูกน้องไปรุมทำร้าย ตชด.ที่ดูแลหน่วยเลือกตั้งจนได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่พอใจที่ถูกห้ามถ่ายรูปขณะไปลงคะแนนเลือกตั้ง ออกมาโพสต์ผ่านเพจเฟซบุ๊ก สส.สมยศ พลายด้วง เนื้อหาระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนได้ทำหน้าที่และปฏิบัติตนเพื่อสังคมมาโดยตลอด ทั้งในพื้นที่ เขต 3 และพื้นที่ใกล้เคียง วันนี้ยังขอยืนหยัดในอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อพ่อแม่ พี่น้องเหมือนเดิม เพราะเจ้านายของตนคือประชาชน จากเหตุที่เกิดขึ้นขอแสดงเสียใจกับเหตุการณ์เกิดขึ้น แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ และขอให้ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขอให้สังคมให้โอกาสการทำงานของกระบวนการยุติธรรม และยึดหลักของกฎหมาย ขณะที่ กกต.อยู่ระหว่างพิจารณาเป็นผู้เสียหายร่วมกับ ตชด.ที่ถูกรุมทำร้ายหรือไม่ และพร้อมพิจารณาเสนอให้ อบจ.สงขลา สอบสวนประมวลจริยธรรมของ สมาชิก อบจ.ที่ก่อเหตุในครั้งนี้ […]

พบสารก่อมะเร็ง จากเหตุไฟไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ฉลองกรุง

กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – พบสารพิษบางตัวเป็นสารก่อมะเร็ง จากเหตุเพลิงไหม้โกดังเฟอร์นิเจอร์ ย่านฉลองกรุง 55 แนะผู้สูดดมไปตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะ.-สำนักข่าวไทย