กทม.15 ก.พ.- นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ เก็บดีเอ็นเอจากงาช้าง 2 คู่ ที่อายัดจากบ้านนายเปรมชัย กรรณสูต เพื่อหาแหล่งกำเนิด หากผลชี้เป็นงาช้างแอฟริกา จะเข้าข่ายผิดอนุสัญญาไซเตรส
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า คดีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์จำกัด(มหาชน)กับพวกอีก 3 คนตกเป็นผู้ต้องหา ร่วมกันบุกรุกและล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ล่าสุด เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะทำการตรวจสอบหาดีเอ็นเอของงาช้างจำนวน 2 คู่ ที่อายัดจากบ้านของนายเปรมชัย พร้อมใบอนุญาตครอบครอง แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วไม่พบสติ๊กเกอร์ ที่ปกติแล้วจะต้องติดไว้ที่งาช้างเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่างาช้างผ่านการตรวจสอบแล้ว
นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่าได้รับการประสานจากตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. ให้ตรวจสอบงาช้างที่อายัดมาเป็นงาช้างเอเชียหรืองาช้างจากแอฟริกา ซึ่งกรมอุทยานฯได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ โดยดูจากลักษณะภายนอกหรือตรวจสอบดีเอ็นเอ ซึ่งงาช้างแอฟริกา จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติมาก หากไม่ใหญ่มาก ต้องตรวจสอบดีเอ็นเอ วันนี้จะเก็บดีเอ็นเอบริเวณโคนของงาช้าง เพื่อนำกลับไปตรวจสอบในห้องปฏิบัติการ จะทราบผลภายใน 3 สัปดาห์ ส่วนการขออนุญาตครอบครองงาช้าง ล่าสุดเปิดให้ผู้ครอบครองมาลงทะเบียนกว่า 40,000 ชิ้น มีกองคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชป่าตามอนุสัญญา กรมอุทยานฯ หรือ กองไซเตส รวบรวมข้อมูลไว้ โดยจะนำผลดีเอ็นเอที่ตรวจได้จาก 2 คู่นี้ไปเทียบเคียงกับข้อมูลของกองไซเตสเพื่อหาแหล่งกำเนิด หากพบว่าเป็นงาช้างแอฟริกา จะเข้าข่ายความผิดตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์หรือ ไซเตส.-สำนักข่าวไทย