คลังเตรียมกฎหมายรองรับภาษีที่ดินฉบับใหม่

รร.ดิเอ็มเมอรัล 12 ก.พ. – คลังร่วมกับหลายหน่วยงานเตรียมกฎหมายรองรับภาษีที่ดินฉบับใหม่  ขณะที่เอกชน-นักวิชาการหวั่นเกิดพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงใช้ประโยชน์ที่ดินครั้งใหญ่  ยอมรับชาวบ้านยังกังวล อปท.จัดเก็บภาษี คลังยืนยันยื่นอุทธรณ์มีขั้นตอนคานอำนาจ อปท. 


นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเตรียมเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระ 2,3 ช่วงเดือนมีนาคมนี้ ยืนยันว่าอัตราการจัดเก็บจริงไม่เปลี่ยนแปลงตามที่หารือในระดับกรรมาธิการ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปี 2562 ตามกำหนด และขณะนี้หลายหน่วยงานเร่งเตรียมความพร้อมยกร่างกฎหมายรองอีกหลายฉบับ เพื่อรองรับการจัดเก็บจริง  ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติแต่ละหน่วยงาน เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานอื่น เรื่องค่าเสื่อมราคา ดังนั้น ในช่วงระยะเวลา 120 วัน หลังกฎหมายบังคับใช้จะดำเนินการได้ทันตามกำหนด  ยอมรับว่าเดิมรัฐบาลจัดเก็บภาษีโรงเรือนประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ภาษีฉบับใหม่รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,500 ล้านบาท นับว่ารายย่อยแทบไม่มีผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม สำหรับการยกเว้นภาษีเกษตรไม่เกิน 50 ล้านบาท ในแต่ละพื้นที่ของ อปท. เพราะเป็นการจัดเก็บแต่ละพื้นที่ ไม่ได้นับรวมว่าใครมีที่ดินจังหวัดใดบ้าง  

นายชินภัทร วิทธิแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากร บริษัท สำนักกฎหมาย สยามซิตี้ กำจัด กล่าวว่า เมื่อกฎหมายที่ดินฯ มีผลบังคับใช้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อการใช้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น เจ้าของบ้านที่นิยมสร้างบ้านหลายหลัง หลายพื้นที่ จะรวมมาเป็นบ้านหลังใหญ่แทนการสร้างบ้านหลายหลัง  ตลาดบ้านมือสองจะเติบโตขึ้น การปล่อยที่ดินว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์จะถูกเก็บภาษีสูงขึ้นร้อยละ 3   ภาระสูงสุดถึง 150,000  บาทต่อปี บางครั้งอาจเปิดให้ภาครัฐนำไปใช้ประโยชน์ เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น ถนน ลานคอนกรีต บ่อบัดน้ำเสีย เพราะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ต้องกำหนดระยะเวลา การใช้ประโยชน์ไม่โอนกรรมสิทธิ์


ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ดินเกษตรฯ และที่ดินรกร้างมีสัดส่วนถึงร้อยละ 45 ที่ดินของรัฐ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง สัดส่วนร้อยละ 50 จึงมองเห็นภาพว่าที่ดินเกษตรฯ และที่ดินรกร้างต้องบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด หากมูลค่าสูงต้องเสียภาษี และหากต้องให้เช่าที่ดินทำนาระวังเวลาขายที่ดินต้องแจ้งชาวนาผู้เช่าให้สิทธิ์ได้ซื้อก่อนราคาตลาด เพราะมีกฎหมายรองรับไม่เช่นนั้นผิดกฎหมายการเช่านา เจ้าของที่ดินควรทำนาเองในรูปแบบการจ้างทำนา เจ้าของที่ดินบางรายอาจเปลี่ยนที่ดินโยกไปอยู่ในรูปหุ้นของบริษัท เพราะที่ดินชำระมูลค่าหุ้นได้ เพื่อเปลี่ยนไปถือในรูปหุ้นของบริษัทแทนการถือครองที่ดิน 

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า  อปท.ต้องสำรวจที่ดินว่าชาวบ้านใช้ประโยน์จากที่ดินอย่างไรบ้าง และติดประกาศไว้เพื่อให้เจ้าของมายืนยันการใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวในตึกแถว หากใช้ประโยชน์เปิดร้านค้าแค่ชั้นล่างต้องเสียภาษีเชิงพาณิชย์เพียงชั้นเดียว ส่วนชั้น 2, 3 ใช้อยู่อาศัย ประเมินเป็นที่อยู่อาศัย หากเจ้าของไม่พอใจยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดได้  ส่วนกรณี อปท.ประเมินภาษีได้เองนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาคานอำนาจไม่ให้ อปท.คิดภาษีตามอำเภอใจกับผู้เสียภาษีรายใดรายหนึ่งได้  เพื่อคานอำนาจ ทั้งการประชาคมในท้องถิ่น สภาท้องถิ่นอนุมัติและเสนอคณะกรรมการในระดับจังหวัด  

สำหรับอัตราภาษีเสนอโดย กมธ. กรณีที่ดินเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา มูลค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี , มูลค่า  50-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.01 , 75-100 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 100-500 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.05 , 500-1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.07 ส่วนที่ดินเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นนิติบุคคล มูลค่าที่ดินระหว่าง 0-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.01 , 75-100 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 100-500 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.05 , 500-1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.07 และเกิน 1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.10 คำนวณโดยมูลค่า 1 ล้านบาท หากอัตราร้อยละ 0.01 เสียภาษี 100 บาทต่อปี 


นายพรชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก เจ้าของต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีชื่อในโฉนดและทะเบียนบ้านตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีภาษี หากมูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 20 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี (ถ้าเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง แต่ไม่เป็นเจ้าของที่ดินจะได้รับยกเว้นภาษีในกรณีมูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท), 20-50 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.02 , 50-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 75-100 ล้านบาท จัดเก็บร้อยละ 0.05 และมากกว่า 100 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.10  ส่วนที่อยู่อาศัยหลังอื่น ๆ หากราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.02 , 50-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 75-100 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.05  และมากกว่า 100 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.1 

ส่วนที่ดินประเภทอื่น ๆ ทั้งเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม รวมถึงที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์ ถ้ามูลค่า 0-50 ล้านบาท จะเก็บร้อยละ 0.3 , 50-200 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.4 , 200-1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.5 , 1,000-5,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.6  และมากกว่า 5,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.7 โดยในกรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะมีการปรับเพิ่มร้อยละ 0.3  ทุก 3 ปี แต่ไม่เกินร้อยละ 3 

นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  ยอมรับว่า  ภาคเอกชนเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดจากการใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะจากผลการสำรวจความเข้าใจกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะบังคับใช้ต้นปี 2562 ส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจและไม่มีความพร้อมกับภาระภาษีที่จะเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะอัตราจัดเก็บจริงต้องเสีย ยังมีความซับซ้อนในการจัดเก็บและวิธีการจัดเก็บ มีการกำหนดเพดานอัตราจัดเก็บจริง ทำให้ทั้งเอกชน ประชาชน เกษตรไม่เข้าใจ  จึงมองว่า  อัตราการจัดเก็บควรเป็นอัตราเดียว แต่เป็นอัตราที่ยอมรับได้และไม่เป็นภาระกับทุกฝ่าย

นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะต้องรับภาระอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันต้องรับภาระจากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น ซึ่งบางรายอาจจะรับภาระไม่ไหวและความไม่โปร่งใส่ในการประเมินในการใช้ประโยชน์ของที่ดินที่ยังต้องใช้ดุลพินิจของ อปท.เข้ามาพิจารณา โดยเฉพาะที่ดินการเกษตรและรกร้าง วิธีการกำหนดเส้นแบ่งว่าจะเป็นที่ดินรกร้าง หรือ ที่ดินการเกษตร ถ้าไม่หากไม่โปร่งใสก็จะมีการหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงสิ่งปลูกสร้างสำหรับการเช่า เช่น อพาร์ทเม้น หอพัก เพราะหากจะจดทะเบียนกับกรมที่ดิน จะต้องมีการเช่าอย่างน้อย 3 ปี ขัดกับความจริง ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ ทำให้ต้องเสียภาษีสูงขึ้น และจะต้องผลักภาระไปยังผู้เช่าแทน 

ขณะเดียวกันยังกังวลผลกระทบต่อเกษตรกร เพราะหากบังคับใช้กฎหมายอาจทำให้นายทุนที่มีที่ดินจำนวนมากหันมาทำการเกษตร หรือก่อสร้างเชิงพาณิชย์ จนกระทบต่อสาธารณูปโภค เช่น แย่งกันใช้น้ำจากเกษตรกรในพื้นที่ และทำให้เกิดผลผลิตส่วนเกินทางการเกษตร เป็นการกระตุ้นเพื่อหลบเลี่ยงภาษี แต่ไม่เกิดจากการความต้องการของตลาด ส่วนการจัดเก็บภาษีบ้านหลังที่ 2 เชื่อว่าจะกระทบธุรกิจการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านพักตากอากาศ ที่อยู่อาศัยให้เช่าต้องมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย