คลังเตรียมกฎหมายรองรับภาษีที่ดินฉบับใหม่

รร.ดิเอ็มเมอรัล 12 ก.พ. – คลังร่วมกับหลายหน่วยงานเตรียมกฎหมายรองรับภาษีที่ดินฉบับใหม่  ขณะที่เอกชน-นักวิชาการหวั่นเกิดพฤติกรรมการเปลี่ยนแปลงใช้ประโยชน์ที่ดินครั้งใหญ่  ยอมรับชาวบ้านยังกังวล อปท.จัดเก็บภาษี คลังยืนยันยื่นอุทธรณ์มีขั้นตอนคานอำนาจ อปท. 


นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา “ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเตรียมเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาวาระ 2,3 ช่วงเดือนมีนาคมนี้ ยืนยันว่าอัตราการจัดเก็บจริงไม่เปลี่ยนแปลงตามที่หารือในระดับกรรมาธิการ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ปี 2562 ตามกำหนด และขณะนี้หลายหน่วยงานเร่งเตรียมความพร้อมยกร่างกฎหมายรองอีกหลายฉบับ เพื่อรองรับการจัดเก็บจริง  ซึ่งกำหนดแนวทางปฏิบัติแต่ละหน่วยงาน เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และหน่วยงานอื่น เรื่องค่าเสื่อมราคา ดังนั้น ในช่วงระยะเวลา 120 วัน หลังกฎหมายบังคับใช้จะดำเนินการได้ทันตามกำหนด  ยอมรับว่าเดิมรัฐบาลจัดเก็บภาษีโรงเรือนประมาณ 30,000 ล้านบาทต่อปี ภาษีฉบับใหม่รายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,500 ล้านบาท นับว่ารายย่อยแทบไม่มีผลกระทบ เพราะส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม สำหรับการยกเว้นภาษีเกษตรไม่เกิน 50 ล้านบาท ในแต่ละพื้นที่ของ อปท. เพราะเป็นการจัดเก็บแต่ละพื้นที่ ไม่ได้นับรวมว่าใครมีที่ดินจังหวัดใดบ้าง  

นายชินภัทร วิทธิแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีอากร บริษัท สำนักกฎหมาย สยามซิตี้ กำจัด กล่าวว่า เมื่อกฎหมายที่ดินฯ มีผลบังคับใช้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากต่อการใช้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น เจ้าของบ้านที่นิยมสร้างบ้านหลายหลัง หลายพื้นที่ จะรวมมาเป็นบ้านหลังใหญ่แทนการสร้างบ้านหลายหลัง  ตลาดบ้านมือสองจะเติบโตขึ้น การปล่อยที่ดินว่างเปล่าไม่ได้ทำประโยชน์จะถูกเก็บภาษีสูงขึ้นร้อยละ 3   ภาระสูงสุดถึง 150,000  บาทต่อปี บางครั้งอาจเปิดให้ภาครัฐนำไปใช้ประโยชน์ เช่น สนามกีฬา สนามเด็กเล่น ถนน ลานคอนกรีต บ่อบัดน้ำเสีย เพราะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ต้องกำหนดระยะเวลา การใช้ประโยชน์ไม่โอนกรรมสิทธิ์


ทั้งนี้ ยอมรับว่าที่ดินเกษตรฯ และที่ดินรกร้างมีสัดส่วนถึงร้อยละ 45 ที่ดินของรัฐ เช่น แม่น้ำ ลำคลอง สัดส่วนร้อยละ 50 จึงมองเห็นภาพว่าที่ดินเกษตรฯ และที่ดินรกร้างต้องบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด หากมูลค่าสูงต้องเสียภาษี และหากต้องให้เช่าที่ดินทำนาระวังเวลาขายที่ดินต้องแจ้งชาวนาผู้เช่าให้สิทธิ์ได้ซื้อก่อนราคาตลาด เพราะมีกฎหมายรองรับไม่เช่นนั้นผิดกฎหมายการเช่านา เจ้าของที่ดินควรทำนาเองในรูปแบบการจ้างทำนา เจ้าของที่ดินบางรายอาจเปลี่ยนที่ดินโยกไปอยู่ในรูปหุ้นของบริษัท เพราะที่ดินชำระมูลค่าหุ้นได้ เพื่อเปลี่ยนไปถือในรูปหุ้นของบริษัทแทนการถือครองที่ดิน 

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า  อปท.ต้องสำรวจที่ดินว่าชาวบ้านใช้ประโยน์จากที่ดินอย่างไรบ้าง และติดประกาศไว้เพื่อให้เจ้าของมายืนยันการใช้ประโยชน์ที่ดิน เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวในตึกแถว หากใช้ประโยชน์เปิดร้านค้าแค่ชั้นล่างต้องเสียภาษีเชิงพาณิชย์เพียงชั้นเดียว ส่วนชั้น 2, 3 ใช้อยู่อาศัย ประเมินเป็นที่อยู่อาศัย หากเจ้าของไม่พอใจยื่นอุทธรณ์การประเมินภาษีประจำจังหวัดได้  ส่วนกรณี อปท.ประเมินภาษีได้เองนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการเข้ามาคานอำนาจไม่ให้ อปท.คิดภาษีตามอำเภอใจกับผู้เสียภาษีรายใดรายหนึ่งได้  เพื่อคานอำนาจ ทั้งการประชาคมในท้องถิ่น สภาท้องถิ่นอนุมัติและเสนอคณะกรรมการในระดับจังหวัด  

สำหรับอัตราภาษีเสนอโดย กมธ. กรณีที่ดินเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นบุคคลธรรมดา มูลค่าที่ดินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี , มูลค่า  50-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.01 , 75-100 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 100-500 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.05 , 500-1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.07 ส่วนที่ดินเกษตรกรรมที่เจ้าของเป็นนิติบุคคล มูลค่าที่ดินระหว่าง 0-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.01 , 75-100 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 100-500 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.05 , 500-1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.07 และเกิน 1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.10 คำนวณโดยมูลค่า 1 ล้านบาท หากอัตราร้อยละ 0.01 เสียภาษี 100 บาทต่อปี 


นายพรชัย กล่าวอีกว่า กรณีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก เจ้าของต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีชื่อในโฉนดและทะเบียนบ้านตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีภาษี หากมูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 20 ล้านบาท ได้รับยกเว้นภาษี (ถ้าเป็นเจ้าของสิ่งปลูกสร้าง แต่ไม่เป็นเจ้าของที่ดินจะได้รับยกเว้นภาษีในกรณีมูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท), 20-50 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.02 , 50-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 75-100 ล้านบาท จัดเก็บร้อยละ 0.05 และมากกว่า 100 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.10  ส่วนที่อยู่อาศัยหลังอื่น ๆ หากราคาไม่เกิน 50 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.02 , 50-75 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.03 , 75-100 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.05  และมากกว่า 100 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.1 

ส่วนที่ดินประเภทอื่น ๆ ทั้งเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรม รวมถึงที่รกร้างว่างเปล่าที่ไม่ได้ทำประโยชน์ ถ้ามูลค่า 0-50 ล้านบาท จะเก็บร้อยละ 0.3 , 50-200 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.4 , 200-1,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.5 , 1,000-5,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ 0.6  และมากกว่า 5,000 ล้านบาท เก็บร้อยละ  0.7 โดยในกรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่าจะมีการปรับเพิ่มร้อยละ 0.3  ทุก 3 ปี แต่ไม่เกินร้อยละ 3 

นายอธิป พีชานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  ยอมรับว่า  ภาคเอกชนเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดจากการใช้กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะจากผลการสำรวจความเข้าใจกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งจะบังคับใช้ต้นปี 2562 ส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจและไม่มีความพร้อมกับภาระภาษีที่จะเพิ่มขึ้น  โดยเฉพาะอัตราจัดเก็บจริงต้องเสีย ยังมีความซับซ้อนในการจัดเก็บและวิธีการจัดเก็บ มีการกำหนดเพดานอัตราจัดเก็บจริง ทำให้ทั้งเอกชน ประชาชน เกษตรไม่เข้าใจ  จึงมองว่า  อัตราการจัดเก็บควรเป็นอัตราเดียว แต่เป็นอัตราที่ยอมรับได้และไม่เป็นภาระกับทุกฝ่าย

นอกจากนี้ ยังเป็นห่วงกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะต้องรับภาระอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันต้องรับภาระจากต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้น ซึ่งบางรายอาจจะรับภาระไม่ไหวและความไม่โปร่งใส่ในการประเมินในการใช้ประโยชน์ของที่ดินที่ยังต้องใช้ดุลพินิจของ อปท.เข้ามาพิจารณา โดยเฉพาะที่ดินการเกษตรและรกร้าง วิธีการกำหนดเส้นแบ่งว่าจะเป็นที่ดินรกร้าง หรือ ที่ดินการเกษตร ถ้าไม่หากไม่โปร่งใสก็จะมีการหลบเลี่ยงภาษี รวมถึงสิ่งปลูกสร้างสำหรับการเช่า เช่น อพาร์ทเม้น หอพัก เพราะหากจะจดทะเบียนกับกรมที่ดิน จะต้องมีการเช่าอย่างน้อย 3 ปี ขัดกับความจริง ซึ่งถูกตีความว่าเป็นการให้เช่าเพื่อการพาณิชย์ ทำให้ต้องเสียภาษีสูงขึ้น และจะต้องผลักภาระไปยังผู้เช่าแทน 

ขณะเดียวกันยังกังวลผลกระทบต่อเกษตรกร เพราะหากบังคับใช้กฎหมายอาจทำให้นายทุนที่มีที่ดินจำนวนมากหันมาทำการเกษตร หรือก่อสร้างเชิงพาณิชย์ จนกระทบต่อสาธารณูปโภค เช่น แย่งกันใช้น้ำจากเกษตรกรในพื้นที่ และทำให้เกิดผลผลิตส่วนเกินทางการเกษตร เป็นการกระตุ้นเพื่อหลบเลี่ยงภาษี แต่ไม่เกิดจากการความต้องการของตลาด ส่วนการจัดเก็บภาษีบ้านหลังที่ 2 เชื่อว่าจะกระทบธุรกิจการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้านพักตากอากาศ ที่อยู่อาศัยให้เช่าต้องมีภาระภาษีเพิ่มขึ้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]