เมืองทองธานี 9 ก.พ. – “วิษณุ” มอบนโยบายโครงการไทยนิยมยั่งยืน ระบุ ต้องการรับรู้ความต้องการของประชาชน เพื่อวางรากฐานพัฒนาประเทศ ด้าน “พล.อ.ฉัตรชัย” เชื่อทีมขับเคลื่อนระดับตำบลจะสร้างการรับรู้ นำข้อมูลมาปรับแผนให้สมบูรณ์
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมตรี กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า การตั้งชื่อโครงการไทยนิยม หมายถึงการพัฒนาประเทศแบบบูรณาการ โดยนำองค์ความรู้ทุกด้านมาแก้ปัญหาให้เข้าถึงทุกตำบล หมู่บ้าน ในประเทศ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องทำ เอารหัสที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้ทรงตรัสไว้แล้วมาทำให้ได้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โครงการไทยนิยม มีกรอบความคิด 10 เรื่อง คือ 1.สัญญาประชาคมผูกใจเป็นหนึ่ง เป็นการลงไปทำในเรื่องของไทยนิยม การสร้างความสามัคคีปรองดอง ความไม่ขัดแย้ง ค่านิยมเก่าของไทยที่ดีงาม 2.คนไทยไม่ทิ้งกัน 3.ชุมชนอยู่ดีมีสุข 4.วิถีไทยวิถีพอเพียง 5.รู้สิทธิ รู้หน้าที่ รู้กฎหมาย 6.รู้กลไกการบริหารราชการ 7.รู้รักประชาธิปไตยไทยนิยม 8.รู้เท่าทันเทคโนโลยี 9.ร่วมแก้ไขปัญหายาเสพติด และ 10.งานตามภารกิจของทุกหน่วยงาน ดังนั้น การตั้งคณะกรรมการในระดับพื้นที่ขึ้นมาครั้งนี้ เพื่อทำให้รัฐบาลได้ทราบความต้องการของประชาชนทุกพื้นที่ เพื่อนำข้อมูลมาจัดทำเป็นองค์ความรู้ สำหรับการวางแนวทางการพัฒนาและแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยวางกรอบการทำงานคือ การลงไปรับข้อมูล การนำเสนอแนวทางและการสรุปผลการทำงานร่วมกัน
นายวิษณุ กล่าวว่า สมัยก่อนมีคำติดปาก คำว่า นิยมไทย ซึ่งเป็นคำที่รัฐบาลเมื่อ 30 ปีที่แล้วรณรงค์ให้คนไทยแต่งชุดไทย นิยมในไทย ซึ่งยังคงรณรงค์อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันกลับคำใหม่ เป็นไทยนิยม ซึ่งไม่ใช่การรณรงค์ให้คนไทยทำอะไรที่เป็นไทย แต่เป็นสิ่งที่ดี ที่คนไทยทุกคนมีอยู่แล้ว ให้นำออกมาแสดงให้คนอื่นได้รับรู้ เป็นแนวทางของประเทศ โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ทำขึ้นเพื่อให้เกิดความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน เชื่อว่า รัฐบาลจะประสบความสำเร็จ ในการดำเนินโครงการนี้ โดยไว้ใจคณะทำงานทุกคน
ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า งานด้านพัฒนาสังคมที่เกี่ยวกับไทยนิยม อาทิ โครงการเตรียมความพร้อมรับผู้สูงอายุซึ่งดำเนินการแล้ว 878 แห่ง และจะมีแผนเพิ่มอีก 400 แห่ง โครงการดูแลพัฒนาชีวิตเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ปีสำหรับผู้ยากไร้ 600 บาทต่อเดือนซึ่งจะดำเนินการโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) โดยใช้ทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐมาเป็นฐานข้อมูล
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับไทยนิยมของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มี 3 แนวทางคือ 1.คนไทยไม่ทิ้งกัน 2.ชุมชนอยู่ดีมีสุข 3.การแก้ปัญหายาเสพติดร่วมกับทุกภาคส่วน 8,781 แห่งทั่วประเทศดำเนินการ ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางด้านการพัฒนาสังคม ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าเรื่องไทยนิยมให้มี อสม 4.0 เพื่อพัฒนาให้มีความรู้และดูแลประชาชน นอกจากนี้ยังมีโครงการมหัศจรรย์พัลวัล เน้นดูแลเด็กซึ่งเป็นอนาคตของประเทศเพื่อให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ รวมถึงจะส่งเสริมโครงการสำหรับผู้มีรายได้น้อยในโครงการนวดไทยเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ โครงการติดตามผู้เสพยาเสพติด โดยหวังว่าทั้งหมดจะพาประเทศมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้
พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่า ในด้านการบริหารจัดการน้ำจะสร้างความมั่นคงให้ผู้บริโภค อุปโภค รวมถึงเกษตรอุตสาหกรรม ดูแลการป้องกันภัยพิบัติและลดความเสียหายให้น้อยที่สุด ซึ่งการขับเคลื่อนของรัฐบาลนี้ได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์บริหารจัดการน้ำ 10 ปีและขยายระยะเวลาเป็น 20 ปี โดยจัดตั้งหน่วยงานแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์น้ำ (กนช.) เพื่อให้สามารถจัดการน้ำได้ทั้งระบบ มีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำซึ่งเป็นฉบับแรกของประเทศไทยที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสนช.และคาดว่าจะประกาศใช้ได้ในปี 61 อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าทีมขับเคลื่อนระดับตำบลจะสร้างการรับรู้ สร้างความสำเร็จร่วมกัน และภาคราชการจะได้รับทราบข้อมูลความต้องการของประชาชนเพื่อนำมาปรับแผนให้สมบูรณ์ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอให้ทุกกระทรวงจัดทำเวปไซต์ข้อมูลของรัฐบาลเพื่อที่จะใช้เป็นฐานในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชน โดยทีมไทยนิยมจะต้องนำส่วนนี้ไปใช้ และให้อธิบายง่าย ๆ ส่วนเรื่องประชาธิปไตยถือว่ามีความสำคัญ เพราะที่ผ่านมาปีที่แล้วประเทศไทยจะเกิดวิกฤติจากคำนี้มาแล้วจากความไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ยึดติดกับคำว่าเปลือกประชาธิปไตยและการเลือกตั้ง ยืนยันว่าอนาคตประเทศจะเป็นประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งแน่นนอน รัฐบาลจะต้องมาจากการเลือกตั้ง แต่การจะได้รัฐบาลที่ดีต้องมาจากการเลือกตั้งที่ดีก่อน ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับประชาชน .-สำนักข่าวไทย
