กรุงเทพ 7 ต.ค.- รองนายกฯ เยี่ยมชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝังแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมมอบบ้านหลังใหม่แฟลต ขส.ทบ.ให้กับชาวบ้านกว่า 60 ครัวเรือน
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่ พร้อมมอบของช่วยเหลือให้ชาวบ้านในชุมชนเขียวไข่กา หนึ่งในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จากนั้นเป็นประธานในพิธีมอบกุญแจและทะเบียนบ้านหลังใหม่ ที่แฟลตขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.)ย่านเกียกกาย ให้ชาวบ้านใน 3 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดเขียวไข่กา วัดสร้อยทอง และปากคลองบางเขนใหม่ และอีก 2 ชุมชน ที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างรัฐสภาอาคารใหม่ ได้แก่ ชุมชนองค์การทอผ้า และริมไทร รวม 64 ครัวเรือน โดยชาวบ้านที่ย้ายเข้าอยู่แฟลต ขส.ทบ. จะต้องจ่ายค่าเช่า เดือนละ 1 พันบาทเพื่อเงินไปชำระให้กรมธนารักษ์เจ้าของแฟลต
พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในการจัดทำโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเป็นแลนด์มาร์คของไทย เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ทุกคนสามารถใช้ประโยชน์พักผ่อนหย่อนใจได้ ส่วนผลกระทบต่อประชาชน ที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกว่า 200 ครัวเรือน ที่ต้องย้ายออกนั้น รัฐบาลพยายามจัดหาที่อยู่อาศัยรองรับให้อย่างเต็มที่ ภายใต้การดูแลของกระทรวง พม.ด้วยงบที่รัฐจัดสรรให้กว่า 14,000 ล้านบาท การเปิดตัวแฟลตภายใต้โครงการบ้านมั่นคงชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาประชารัฐนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นให้ประชาชนมีความมั่นใจว่ารัฐมีความตั้งใจในการแก้ปัญหา ส่วนบางกลุ่มที่ไม่เข้าใจ ก็จะเดินหน้าชี้แจงสร้างความเข้าใจต่อไป ว่าสิ่งที่ทำเอื้อประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ
ทั้งนี้ ชุนชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการนี้ มีทั้งหมด 10 ชุมชน รวม 285 ครัวเรือน ซึ่งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช.จะหาที่ใหม่ให้ ตาม 3 แนว คือ 1.ย้ายเข้าอยู่ แฟลต ขส.ทบ. 2 .เข้าอยู่โครงการบ้านเอื้ออาทร ท่าตำหนัก จ.นครปฐม 3. จัดหาที่ดินสร้างบ้านใหม่ นอกจากนี้ยังได้มอบเงินช่วยเหลือครั้งเรือนละไม่เกิน 8 หมื่นบาท แบ่งเป็น อุดหนุนที่อยู่อาศัยครั้งเรือนละ 2 หมื่น 5 พันบาท เงินพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ครัวเรือนละ 5 หมื่นบาท และงบบริหารจัดการครัวเรือนละ 5 พันบาท.-สำนักข่าวไทย