ข้อมูลย้อนหลังอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

กทม. 18 ม.ค.-สำนักข่าวไทยรวบรวมข้อมูลย้อนหลังอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเปรียบเทียบให้เห็นแนวโน้ม ตั้งแต่นโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ จนถึงปัจจุบัน 3 จังหวัด EEC ดูจะได้อานิสงส์มากที่สุด ขณะที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อัตราค่าจ้างยังต่ำที่สุดในประเทศ


ย้อนดูการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ อย่างเมื่อปี 2555 ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นำร่อง 7 จังหวัด ด้วยอัตรา 300 บาทต่อวัน คือ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และภูเก็ต ก่อนที่จะประกาศค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ เริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.2556  

โดยบอร์ดค่าจ้างมีมติคงอัตรานี้เป็นเวลา 3 ปี จนถึงปี 2558 หากดูตัวเลขย้อนหลัง พื้นที่นำร่อง 300 บาท 7 จังหวัด ได้รับการปรับขึ้นอีก 10 บาท เริ่มใช้เมื่อ 1 ม.ค.2560 ก่อนจะปรับขึ้นเป็น 325 บาท หรือเพิ่มขึ้น 15 บาท มีผล 1 เม.ย.นี้


ยกเว้นภูเก็ตที่ล่าสุดเตรียมปรับเป็น 330 บาท ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดของประเทศ เช่นเดียวกับระยองและชลบุรี ก่อนหน้านี้ปี 2560 ทั้งคู่มีค่าจ้างขั้นต่ำอยู่ที่ 308 บาท ล่าสุดเตรียมปรับขึ้น 22 บาท เป็น 330 บาท แซงหน้ากรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้ง 3 จังหวัดที่รัฐบาลหลายสมัยพยายามจะผลักดันสู่ฮับการค้าการลงทุน อย่างฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง

ปัจจุบันถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่ตามโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC  ซึ่งมีศักยภาพ ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว นิคมอุตสาหกรรม และโลจิสติกส์ ที่ขยายตัวต่อเนื่อง จะเห็นว่าในระยะเวลา 5-6 ปีมานี้ ค่าจ้างขั้นต่ำของ 3 จังหวัดนี้ เพิ่มขึ้นกว่า 50 บาท รวมทั้งบอร์ดค่าจ้างฯ ยังเตรียมนำร่องในพื้นที่ 3 จังหวัดนี้ ในการกำหนด “อัตราค่าจ้างลอยตัว” ในอนาคตอีกด้วย

หากดูกลุ่มจังหวัดที่มีค่าแรงขั้นต่ำน้อยที่สุดในอดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่าปี 2555 กลุ่มจังหวัดค่าจ้างน้อยที่สุด อยู่ที่ 222 บาท คือ พะเยา รองลงมาคือ ศรีสะเกษ 223 บาท และน่าน 225 บาท ซึ่งภายหลังปรับเป็น 300 บาททั่วประเทศแล้ว กลุ่มจังหวัดที่ยังคงอัตรา 300 บาทมาจนถึงปีที่แล้ว คือ สิงห์บุรี ชุมพร ระนอง ตรัง นครศรีธรรมราช รวมทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระทั่งค่าจ้างอัตราใหม่ที่จะปรับในรอบหน้าก็ยังเป็น 3 จังหวัดค่าจ้างต่ำสุดรั้งท้ายที่ 308 บาทต่อวัน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง