กรุงเทพฯ 18 ม.ค. – ปตท.เตรียมพร้อมแยกบัญชีท่อก๊าซฯ ให้เสร็จภายในปลายปี โดยแยกบัญชีไม่ได้แยกบริษัท โดยพร้อมให้บุคคลที่สามเข้ามาใช้ท่อ พร้อมปรับตัวรับมือเทรนด์โลกที่จะใช้น้ำมันลดลงในอนาคต ส่วนธุรกิจถ่านหินคาดปีนี้ผลิตเพิ่มอีก 2 ล้านตัน
นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. กล่าวว่า จากนโยบายการเปิดให้เอกชนเข้ามาแข่งขันธุรกิจพลังงานมากยิ่งขึ้น ปตท.พร้อมสนับสนุนและปรับตัวเพื่อการแข่งขันทุกด้าน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของธุรกิจท่อก๊าซธรรมชาติซึ่งมีเงินลงทุนสูงและเกี่ยวเนื่องความมั่นคงทางภาครัฐให้ ปตท.ดำเนินการดูแล โดยจะไม่มีการแยกเป็นบริษัทแต่จะแยกบัญชีการบริหารทรัพย์สินที่ชัดเจนดำเนินการเสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2561 ส่วนคลังก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปัจจุบันแยกเป็นบริษัทอยู่แล้ว โดย PTTLNG โดยทั้ง 2 ส่วนนี้พร้อมเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการตามข้อกำหนด Third party access หรือทีพีเอ ที่กำกับดูแลโดยคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
“ปตท.ไม่ได้แยกบริษัทท่อก๊าซออกมา เพราะจะมีปัญหาเรื่องภาษีการโอนที่มีมูลค่าสูง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะตั้งบริษัท หรือแยกบัญชีภายใต้ ปตท. การดำเนินการทุกอย่างก็โปร่งใสภายใต้ การกำกับดูแลของ กกพ.” นายเทวินทร์ กล่าว
สำหรับวงเงินลงทุนของปตท.ในช่วง 5 ปี (ปี 2561-2565) มีวงเงินรวมทั้งสิ้น 340,000 ล้านบาท ในส่วนนี้จะเป็นเงินที่ใช้เพิ่มทุนในบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เพื่อรองรับการโอนทรัพย์สินที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ และจะนำ PTTOR เข้าตลาดหุ้นภายในปี 2562 นอกจากนี้ ปตท.ยังได้จัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (provisional) อีก 245,000 ล้านบาท รองรับการลงทุนใหม่และที่จะเป็น New S-Curve ของ ปตท. ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า
ส่วนแผนงานปีนี้ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะเพิ่ม Productivity Improvement และนำ Digitization มาช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มในการให้บริการเชิงธุรกิจ, การซื้อก๊าซฯ จากแหล่งใหม่ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ บริหารความสมดุลการเรียกรับก๊าซฯ สนับสนุนนโยบายรัฐบาลในการเปิดการแข่งขันเสรีธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) โครงการส่งก๊าซฯ บนบก เส้นที่ 5 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง และจะเสร็จภายในปี 2564 ส่วนการก่อสร้างและขยายคลัง LNG จะเสร็จภายในปี 2562
ด้านหน่วยธุรกิจน้ำมันจะเพิ่ม Productivity Improvement ขยาย PTT Compact model บนถนนสายรองที่เชื่อมระหว่างจังหวัดกับตัวอำเภอ รวมถึง Truck station บริหารจัดการต้นทุนและระบบคลังสินค้าด้วยการลงทุนสร้าง Intelligent Automated Warehouse ตลอดจนขยายสาขาร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน รวม 2,300 แห่ง และขยายด้วยรูปแบบมาสเตอร์แฟรนไชส์ ในโอมานและภูมิภาคตะวันออก โดยปี 2560 หน่วยธุรกิจน้ำมันมีปริมาณขายน้ำมันรวม 25,984 ล้านลิตร ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
นายเทวินทร์ กล่าวด้วยว่า เพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ที่มีบทบาทมากขึ้นและการบริโภคน้ำมันน้อยลง ทางปตท.ได้ดำเนินโครงการ ExpresSo ตอบสนองโอกาสทิศทาง S-Cure 5+5 ของประเทศ โดยลงทุนในบริษัทเทคโลยีที่มีศักยภาพการเติบโตสูง 4-6 บริษัทต่อปี และกองทุน Venture Capital (VC) ที่มีศักยภาพสูง 1 กองทุนต่อ 2 ปี เช่น Robotics & Automation (R&A) ,Material Science
ด้านนายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวถึงการผลิตถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซียปีนี้จะกลับอยู่ในระดับ 10 ล้านตัน จากปีก่อนที่ผลิตได้ 8 ล้านตัน และราคาขายปีนี้คาดว่าทรงตัวจากปีก่อนที่มีราคาเฉลี่ยประมาณ 70 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน โดยราคาถ่านหินรีบาวด์ขึ้นมาเป็นแค่ช่วงสั้น แต่คงปรับขึ้นไปได้ไม่มาก เพราะจีนซึ่งเป็นผู้บริโภครายใหญ่พยายามที่จะสร้างสมดุลกันระหว่างการนำเข้าและการผลิตถ่านหินของประเทศ สำหรับลูกค้าหลักของ ปตท.ได้แก่ เกาหลี ญี่ปุ่น โดยมีการขายล่วงหน้าแล้วร้อยละ 50. – สำนักข่าวไทย