ก.อุตฯ ยืนยันลอยตัวน้ำตาลราคาลดลงแน่

กรุงเทพฯ 16 ม.ค.-
ราคาน้ำตาลทรายหลังลอยตัวถูกแน่ แต่จะเริ่มหาซื้อในราคานี้ได้ในอีกประมาณ
2 สัปดาห์นับจากนี้ไป


หลังจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(คสช.) ออกคำสั่ง ที่
1/2561 เรื่อง
การแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
โดยที่รัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
พ.ศ.
2559 – 2564
ซึ่งต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นสากล
และสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศนั้น ในวันนี้ (
16 ม.ค.)
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายสมชาย หาญหิรัญ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงอุตสาหกรรม นายพสุ โลหารชุน
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันแถลงข่าว

นายสมชาย กล่าวว่า
การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ตามประกาศ หัวหน้าคณะ
คสช.ที่ออกมานั้น
จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำตาลทรายในประเทศที่บริโภคปีละประมาณ 
2.6 ล้านตัน
ปรับเปลี่ยนไปเป็นระบบราคาแบบลอยตัวโดยอ้างอิงกลไกราคาตลาดโลกทันที
ซึ่งเบื้องต้นราคาในประเทศ จะปรับลดลงแน่นอน คาดว่า ผู้บริโภคจะเริ่มได้ซื้อน้ำตาล
ราคาใหม่นี้ในช่วงจากนี้ไปประมาณ
2 สัปดาห์
เนื่องจากปัจจุบัน ยังคงมีน้ำตาลทรายที่คำนวณราคาตามระบบเดิมอยู่ในตลาดที่จะค่อยๆ
หมดไป พร้อม ๆ กับการทยอยออกมาของน้ำตาลที่ราคาลอยตัว 


สำหรับราคาขายน้ำตาลในประเทศหลังลอยตัวตามกลไกตลาดจะเป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาซื้อขายน้ำตาลทรายตลาดลอนดอนนับเบอร์ 5
บวกด้วยไทยพรีเมี่ยมทุกวัน และบวกด้วยค่าบริหารจัดการ ค่าบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)เป็นผู้ติดตามราคาและแจ้งทางเว็บไซด์
และสำรวจราคาซื้อขายน้ำตาลทรายหน้าโรงงานในประเทศไทยทุกวัน

ทั้งนี้
ราคาขายน้ำตาลทรายไม่มีประเทศไหนในโลกต่ำกว่าราคาตลาดโลก เช่น บราซิล
ราคาจำหน่ายในประเทศสูงกว่าตลาดโลกมากกว่า
2 เท่า และสูงกว่าราคาในประเทศไทย
เพราะราคาไม่ถูกกำหนดด้วยต้นทุน แต่ถูกกำหนดโดยการผลิตและความต้องการในตลาดโลก
สำหรับน้ำตาลทรายซึ่งเป็นสินค้าควบคุมกระทรวงพาณิชย์จะดูแลราคาไม่ให้สูงผิดปกติ
สำหรับรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งหมดในประเทศจะแบ่งตามสัดส่วนชาวไร่อ้อยร้อยละ
70 โรงงานร้อยละ 30 ตามเดิม
โดยที่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ยังคงทำหน้าที่ดูแลอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป

นายพสุ กล่าวว่า
กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ตามระบบโครงสร้างอุตสาหกรรมน้ำตาลใหม่ยังคงทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย  โดยจะมีเม็ดเงินมาจากส่วนต่างราคาน้ำตาลทรายตลาดลอนดอนนับเบอร์
5
กับส่วนต่างที่ได้จากการสำรวจราคาขายหน้าโรงงานในน้ำตาล
50
กิโลกรัมจัดเก็บเข้ากองทุน หากต่ำกว่าโรงงานจะต้องชดเชย
จากเดิมที่มีเงินจากการขึ้นราคาน้ำตาลทรายเข้ากองทุนกิโลกรัมละ
5 บาท ระบบนี้ยกเลิกไป


นายอุตตม กล่าวว่า
แนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลใหม่แทนรูปแบบเดิมที่ใช้มากว่า
30 ปีเป็นแนวทางที่ผ่านการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต้ังแต่ วันที่ 4 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา  โดยแนวทางใหม่นี้สอดรับแนวทางการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย
และสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ กติกาของการค้าขายภายใต้องค์การการค้าโลกหรือ(
WTO) ขณะเดียวกันยังมีการดูแลผู้บริโภคในประเทศทั้งเรื่องราคาและปริมาณน้ำตาลทรายให้มีเพียงพอ
หลักการสำคัญคือ ภาครัฐจะไม่อุดหนุนโดยตรงกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายอีกต่อไป
ขณะเดียวกันยังเพิ่มเสถียรภาพให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพราะกองทุนฯ
เป็นกลไกหลักในการดูแลอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย

การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมครั้งนี้
ราคาน้ำตาลทรายในประเทศ จะไม่ถูกกำหนดโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอีกต่อไป
แต่จะปรับเปลี่ยนตามกลไกตลาด
จะเกิดประโยชน์ภาพรวมทั้งผู้บริโภคขณะที่ชาวไร่อ้อยยังได้ประโยชน์
ซึ่งประเทศบราซิลรับทราบแนวทางการดำเนินการนี้ของประเทศไทย 
ดังนั้นจึงเชื่อว่าการหารือระหว่างประเทศไทยและประเทศบราซิลเรื่องอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายของไทยจะได้ข้อยุติเป็นอย่างดี

นอกจากนี้
ยังปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.
2527
เพื่อให้สอดรับกับการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์รวมถึงประสานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ซึ่งมีคณะทำงานในเรื่องนี้ที่ทำงานครบ
90 วันแล้วและได้ข้อยุติส่วนใหญ่ไปแล้วซึ่งจะนำไปสู่การนำร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ….
เข้าสู่การพิจารณาของสนช.ต่อไป

สำหรับการใช้ ม.44 ของหัวหน้า คสช.นั้นเกิดจากกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและนำเสนอว่า การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายกำลังไปได้ดี และต้องการความต่อเนื่อง
ประกอบกับการเจรจากับประเทศบราซิลก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงต้องการให้ออก ม.
44 เพื่อให้สามารถออกมาตรการได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องรอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. …. ผ่านการพิจารณาเสร็จ

นายอุตตม กล่าวว่า ตามที่
คำสั่งหัวหน้าคสช. ม.
44 ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
พ.ศ.
2559-2564 มีผลตั้งแต่วันที่ 15
ม.ค.
2561 กระทรวงอุตสาหกรรม
จึงมีชุดมาตรการออกมาที่มีประสิทธิภาพและไม่กระทบทุกฝ่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ร่วมหารือกันมาโดยตลอด

นายอุตตม กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงว่า
น้ำตาลในประเทศจะขาดตลาด
เพราะมีน้ำตาลสำรองหรือบัฟเฟอร์สตอกที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)จะร่วมดูแล
โดยโรงงานจะต้องมีสำรองไว้เพื่อการบริโภคภายในประเทศอย่างน้อย
1 เดือนตลอดปี
ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะดูแลราคา
ด้านผลประโยชน์มีการปรับกฎหมายเพื่ออนาคตที่สินค้าเกษตรหลักของประเทศสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพหรือไบโออีโคโนมี่
เช่น อ้อยสู่บรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเฉพาะทาง ที่ผลประโยชน์จะได้ทั้งชาวไร่และโรงงาน
ขณะที่ผู้บริโภคใช้สินค้าเพิ่มมากขึ้น การส่งออกเพิ่มมากขึ้นย่อมได้ผลดีตามมา

นายสมชาย  กล่าวว่า ม.44 ที่ออกมานั้น
สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)จะไม่กำหนดราคาน้ำตาลทราย
และจะมีการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ดังนี้  ยกเลิกระบบโควตาน้ำตาล มีการดูแลผู้บริโภคภายในประเทศอย่างเป็นธรรมและไม่เกิดภาวะขาดแคลนในช่วงที่ราคาน้ำตาลผิดปกติ
ซึ่งรัฐมนตรีทั้ง
3 กระทรวงคือ กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามร่วมกันมาแล้ว นอกจากนี้
จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกร
มีกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเข้าไปดูแลช่วยเหลือเรื่องเครื่องมือ เครื่องจักรตัดอ้อย
โดยสนับสนุนดอกเบี้ยบ้าง และสินเชื่อบางส่วน
และมีการปรับให้มีการนำเข้าน้ำตาลทรายอาเซียนที่ภาษีนำเข้าเป็นร้อยละ
0 อยู่แล้ว และรูปแบบกำหนดราคาในประเทศเป็นความร่วมมือเอกชนทั้งหมด
เพื่อให้เกิดความสามารถการแข่งขันและปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศด้วยระบบราคาที่นำเข้ามามีราคาใกล้เคียงกันได้
มีการเพิ่มสาขาการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ
จะเป็นการเพิ่มการใช้ประโยชน์จากอ้อยนอกเหนือจากการผลิตน้ำตาล
ลดความเสี่ยงที่ชาวไร่อ้อยที่เดิมพึ่งพิงเฉพาะน้ำตาลทรายเท่านั้น
ขณะที่ชาวไร่อ้อยและโรงงาน จะมีการตกลงทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย
จำกัด ในการส่งออกและเก็บราคาไว้เป็นราคาอ้างอิงเอง ภายใต้กรรมการ
3 ฝ่ายดูแล รัฐจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป

นายพสุ กล่าวว่า
จากการพบและหารือกับตัวแทนประเทศบราซิลที่กรุงลอนดอนประเทศสหราชอาณาจักรล่าสุด
ได้แจ้งความคืบหน้าการแก้ไข
พรบ.อ้อยและน้ำตาลทรายและการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายในประเทศ
ซึ่งทางบราซิลพอใจกับสิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการ

นางวรวรรณ ชิตอรุณ
รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) คาดว่า
ราคาน้ำตาลทรายหลังลอยตัว ราคาหน้าโรงงาน จะลดลงประมาณ
1- 2 บาท จากเดิม 18 – 19
บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 17 – 18 บาท แต่ราคาขายปลีกในประเทศสัปดาห์นี้ยังไม่ลดลง เนื่องจากมีน้ำตาลระบบราคาเดิมขนส่งออกจากโรงงานไปแล้ว
300,000 ตัน คาดว่า น้ำตาลจำนวนนี้
จะขายหมดปลายสัปดาห์นี้ 
ดังนั้นราคาขายปลีกหลังลอยตัวราคา มีแนวโน้มปรับลดลงภายในสัปดาห์หน้า
ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ต้องออกสำรวจว่า
ราคาขายน้ำตาลขายปลีกจะปรับลดลงตามหน้าโรงงานหรือไม่   ส่วนราคาขายปลีกจะลดลงเท่าใด
ก็อยู่ที่ต้นทุนของผู้ค้าแต่ละรายเป็นสำคัญจึงเป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์จะไปติดตาม.
สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่เสียหาย จ.สุรินทร์

สุรินทร์ 9 ส.ค.- “มาริษ” เผยเห็นภาพชัดขึ้น หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ สำรวจความเสียหายจากการโจมตีของกัมพูชา เตรียมใช้เป็นข้อชี้แจงนานาชาติ กัมพูชาใช้อาวุธระยะไกลโจมตีพื้นที่พลเรือน ยันพร้อมประสานให้ ICRC – UN มาดูพื้นที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่จังหวัดสุรินทร์ จากเหตุการณ์ปะทะกันตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ว่า เรื่องข้อมูลของการละเมิดสิทธิ และละเมิดกฎสหประชาชาติกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา เรามีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว เมื่อวันนี้ได้มาเห็นสภาพจริง และมาเก็บข้อมูลเพิ่มเติม ได้เห็นภาพนอกเหนือจากข้อมูล ก็เป็นภาพที่เห็นชัดเจน รวมถึงการบรรยายสรุปของผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่อธิบายให้เห็นการโจมตีเป้าหมายที่ห่างไกลออกจากเขตแดน ซึ่งตนเองใช้เป็นข้อชี้แจงกับนานาชาติ และองค์กรสหประชาชาติว่าการใช้ประเภทอาวุธระยะไกลของฝ่ายกัมพูชาจะทำให้เกิดปัญหา และจะทำให้ประชาชนพลเรือนได้รับผลกระทบโดยตรง ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายไปยังพลเรือน แต่ยังไม่สามารถเข้าไปดูพื้นที่กับระเบิด และวันนี้ทราบว่ามีทหารเหยียบกับระเบิดที่วางอยู่ตามแนวชายแดน โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจง และแสดงความผิดหวัง และไม่ปราถนาที่จะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงการเจรจา เพื่อแก้ไขปัญหาระหว่างกันให้สำเร็จอย่างยั่งยืน ส่วนนี้เราจะแสดงจุดยืนที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อาวุธ หรือทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา อย่างชัดเจน นายมาริษ กล่าวว่าการเดินทางมาครั้งนี้ ได้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นในสิ่งที่เราเรียกร้องมาโดยตลอด ว่าเราทำตนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว และได้แสดงตนให้ประชาคมโลก […]

ทหารเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน เจ็บ 3 นาย

ศรีสะเกษ 9 ส.ค. – กำลังพล ร้อย.ร.111 เหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวน บาดเจ็บ 3 นาย โดย “จ.ส.อ.ธานี” หัวหน้าชุด ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 แถลงสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ประจำวันที่วันที่ 9 สิงหาคม 2568 ถึงเวลา 11.00 น. โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 น. ร้อย.ร.111 ได้นำกำลังพลลาดตระเวนเส้นทาง เพื่อวางลวดหนามป้องกันพื้นที่ บริเวณรอยต่อ โดนเอาว์-กฤษณา จ.ศรีสะเกษ โดยมี จ.ส.อ.ธานี พาหา เป็นหัวหน้าชุด และกำลังพล 2 นาย โดยระหว่างตรวจสอบเส้นทางได้เหยียบกับระเบิด เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย (ส.1 […]

“ภูมิธรรม” เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานนำผู้อพยพกลับบ้าน

สุรินทร์ 9 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจชาวสุรินทร์ ประสานคมนาคม นำผู้อพยพกลับบ้านโดยเร็วที่สุด สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด ดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ให้ใช้งบเต็มที่ พร้อมประสานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการประปาส่วนภูมิภาค ละเว้นค่าไฟ ค่าน้ำ ในช่วงที่เกิดการปะทะ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนในพื้นที่ เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจุดแรกเดินทางไปที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โดยเมื่อเดินทางถึง นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พร้อมด้วย นายชูชัย มุ่งเจริญพร สส.เขต 2 พรรคเพื่อไทย มาให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรามาด้วยความห่วงใย และทราบดีว่าประชาชนทุกคนมีความยากลำบากในสิ่งที่ไม่ใช่ความผิดของเราเลย เป็นเรื่องที่ส่วนอื่นนอกประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นคู่ขัดแย้งของเราทำขึ้น สร้างขึ้น และทำให้ประชาชนเดือดร้อน ในขั้นต้น พวกเราทุกคนหน่วยหลัง ได้ทำการดูแลแผนพิทักษ์ส่วนหลังทั้งหมด พยายามดูแลทุกส่วนอย่างเต็มที่ […]

รถไฟด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ประจวบคีรีขันธ์ 9 ส.ค.-รถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ช่วงเช้ามืดวันนี้ จนท.นำผู้โดยสารที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ แต่ล่าช้า เฟซบุ๊กทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย รายงานวันนี้ (9 สิงหาคม 2568) เวลา 05.15 น. เกิดเหตุขบวนรถด่วนพิเศษ ขบวนที่ 38/46 (สุไหงโก-ลก – กรุงเทพอภิวัฒน์) คันที่ 10-12 ตกรางย่านสถานีกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ – เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บ นำตัวส่งโรงพยาบาล– ขนถ่ายผู้โดยสาร คันที่ 10-12 ทางรถยนต์– นำตู้โดยสารที่ไม่ได้ตกราง ทำขบวนต่อถึงสถานีปลายทาง ทั้งนี้ ขบวนรถสายใต้เดินขบวนรถได้ตามปกติ (ล่าช้า) การรถไฟฯ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1690 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุดังกล่าวมีผู้บาดเจ็บ 9 ราย เป็นพระภิกษุ 1 รูป เด็กหญิง […]