ก.อุตฯ ยืนยันลอยตัวน้ำตาลราคาลดลงแน่

กรุงเทพฯ 16 ม.ค.-
ราคาน้ำตาลทรายหลังลอยตัวถูกแน่ แต่จะเริ่มหาซื้อในราคานี้ได้ในอีกประมาณ
2 สัปดาห์นับจากนี้ไป


หลังจากหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(คสช.) ออกคำสั่ง ที่
1/2561 เรื่อง
การแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
โดยที่รัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบแผนการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
พ.ศ.
2559 – 2564
ซึ่งต้องมีการปรับปรุงแก้ไขกฎและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นสากล
และสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศนั้น ในวันนี้ (
16 ม.ค.)
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายสมชาย หาญหิรัญ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรงอุตสาหกรรม นายพสุ โลหารชุน
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันแถลงข่าว

นายสมชาย กล่าวว่า
การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ตามประกาศ หัวหน้าคณะ
คสช.ที่ออกมานั้น
จะส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำตาลทรายในประเทศที่บริโภคปีละประมาณ 
2.6 ล้านตัน
ปรับเปลี่ยนไปเป็นระบบราคาแบบลอยตัวโดยอ้างอิงกลไกราคาตลาดโลกทันที
ซึ่งเบื้องต้นราคาในประเทศ จะปรับลดลงแน่นอน คาดว่า ผู้บริโภคจะเริ่มได้ซื้อน้ำตาล
ราคาใหม่นี้ในช่วงจากนี้ไปประมาณ
2 สัปดาห์
เนื่องจากปัจจุบัน ยังคงมีน้ำตาลทรายที่คำนวณราคาตามระบบเดิมอยู่ในตลาดที่จะค่อยๆ
หมดไป พร้อม ๆ กับการทยอยออกมาของน้ำตาลที่ราคาลอยตัว 


สำหรับราคาขายน้ำตาลในประเทศหลังลอยตัวตามกลไกตลาดจะเป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาซื้อขายน้ำตาลทรายตลาดลอนดอนนับเบอร์ 5
บวกด้วยไทยพรีเมี่ยมทุกวัน และบวกด้วยค่าบริหารจัดการ ค่าบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)เป็นผู้ติดตามราคาและแจ้งทางเว็บไซด์
และสำรวจราคาซื้อขายน้ำตาลทรายหน้าโรงงานในประเทศไทยทุกวัน

ทั้งนี้
ราคาขายน้ำตาลทรายไม่มีประเทศไหนในโลกต่ำกว่าราคาตลาดโลก เช่น บราซิล
ราคาจำหน่ายในประเทศสูงกว่าตลาดโลกมากกว่า
2 เท่า และสูงกว่าราคาในประเทศไทย
เพราะราคาไม่ถูกกำหนดด้วยต้นทุน แต่ถูกกำหนดโดยการผลิตและความต้องการในตลาดโลก
สำหรับน้ำตาลทรายซึ่งเป็นสินค้าควบคุมกระทรวงพาณิชย์จะดูแลราคาไม่ให้สูงผิดปกติ
สำหรับรายได้จากการจำหน่ายน้ำตาลทรายทั้งหมดในประเทศจะแบ่งตามสัดส่วนชาวไร่อ้อยร้อยละ
70 โรงงานร้อยละ 30 ตามเดิม
โดยที่กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ยังคงทำหน้าที่ดูแลอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป

นายพสุ กล่าวว่า
กองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ตามระบบโครงสร้างอุตสาหกรรมน้ำตาลใหม่ยังคงทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย  โดยจะมีเม็ดเงินมาจากส่วนต่างราคาน้ำตาลทรายตลาดลอนดอนนับเบอร์
5
กับส่วนต่างที่ได้จากการสำรวจราคาขายหน้าโรงงานในน้ำตาล
50
กิโลกรัมจัดเก็บเข้ากองทุน หากต่ำกว่าโรงงานจะต้องชดเชย
จากเดิมที่มีเงินจากการขึ้นราคาน้ำตาลทรายเข้ากองทุนกิโลกรัมละ
5 บาท ระบบนี้ยกเลิกไป


นายอุตตม กล่าวว่า
แนวทางการบริหารจัดการอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลใหม่แทนรูปแบบเดิมที่ใช้มากว่า
30 ปีเป็นแนวทางที่ผ่านการหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องแล้ว และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีต้ังแต่ วันที่ 4 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา  โดยแนวทางใหม่นี้สอดรับแนวทางการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลไทย
และสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ กติกาของการค้าขายภายใต้องค์การการค้าโลกหรือ(
WTO) ขณะเดียวกันยังมีการดูแลผู้บริโภคในประเทศทั้งเรื่องราคาและปริมาณน้ำตาลทรายให้มีเพียงพอ
หลักการสำคัญคือ ภาครัฐจะไม่อุดหนุนโดยตรงกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายอีกต่อไป
ขณะเดียวกันยังเพิ่มเสถียรภาพให้กับกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย
ให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เพราะกองทุนฯ
เป็นกลไกหลักในการดูแลอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย

การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมครั้งนี้
ราคาน้ำตาลทรายในประเทศ จะไม่ถูกกำหนดโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอีกต่อไป
แต่จะปรับเปลี่ยนตามกลไกตลาด
จะเกิดประโยชน์ภาพรวมทั้งผู้บริโภคขณะที่ชาวไร่อ้อยยังได้ประโยชน์
ซึ่งประเทศบราซิลรับทราบแนวทางการดำเนินการนี้ของประเทศไทย 
ดังนั้นจึงเชื่อว่าการหารือระหว่างประเทศไทยและประเทศบราซิลเรื่องอุตสาหกรรมน้ำตาลทรายของไทยจะได้ข้อยุติเป็นอย่างดี

นอกจากนี้
ยังปรับปรุงพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ.
2527
เพื่อให้สอดรับกับการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้หารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์รวมถึงประสานกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ซึ่งมีคณะทำงานในเรื่องนี้ที่ทำงานครบ
90 วันแล้วและได้ข้อยุติส่วนใหญ่ไปแล้วซึ่งจะนำไปสู่การนำร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. ….
เข้าสู่การพิจารณาของสนช.ต่อไป

สำหรับการใช้ ม.44 ของหัวหน้า คสช.นั้นเกิดจากกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาและนำเสนอว่า การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายกำลังไปได้ดี และต้องการความต่อเนื่อง
ประกอบกับการเจรจากับประเทศบราซิลก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง จึงต้องการให้ออก ม.
44 เพื่อให้สามารถออกมาตรการได้อย่างรวดเร็ว
ไม่ต้องรอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. …. ผ่านการพิจารณาเสร็จ

นายอุตตม กล่าวว่า ตามที่
คำสั่งหัวหน้าคสช. ม.
44 ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบ
พ.ศ.
2559-2564 มีผลตั้งแต่วันที่ 15
ม.ค.
2561 กระทรวงอุตสาหกรรม
จึงมีชุดมาตรการออกมาที่มีประสิทธิภาพและไม่กระทบทุกฝ่ายผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ร่วมหารือกันมาโดยตลอด

นายอุตตม กล่าวว่า ไม่ต้องห่วงว่า
น้ำตาลในประเทศจะขาดตลาด
เพราะมีน้ำตาลสำรองหรือบัฟเฟอร์สตอกที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)จะร่วมดูแล
โดยโรงงานจะต้องมีสำรองไว้เพื่อการบริโภคภายในประเทศอย่างน้อย
1 เดือนตลอดปี
ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะดูแลราคา
ด้านผลประโยชน์มีการปรับกฎหมายเพื่ออนาคตที่สินค้าเกษตรหลักของประเทศสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจชีวภาพหรือไบโออีโคโนมี่
เช่น อ้อยสู่บรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเฉพาะทาง ที่ผลประโยชน์จะได้ทั้งชาวไร่และโรงงาน
ขณะที่ผู้บริโภคใช้สินค้าเพิ่มมากขึ้น การส่งออกเพิ่มมากขึ้นย่อมได้ผลดีตามมา

นายสมชาย  กล่าวว่า ม.44 ที่ออกมานั้น
สำนักงานอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)จะไม่กำหนดราคาน้ำตาลทราย
และจะมีการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย ดังนี้  ยกเลิกระบบโควตาน้ำตาล มีการดูแลผู้บริโภคภายในประเทศอย่างเป็นธรรมและไม่เกิดภาวะขาดแคลนในช่วงที่ราคาน้ำตาลผิดปกติ
ซึ่งรัฐมนตรีทั้ง
3 กระทรวงคือ กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามร่วมกันมาแล้ว นอกจากนี้
จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตโดยเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถของเกษตรกร
มีกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเข้าไปดูแลช่วยเหลือเรื่องเครื่องมือ เครื่องจักรตัดอ้อย
โดยสนับสนุนดอกเบี้ยบ้าง และสินเชื่อบางส่วน
และมีการปรับให้มีการนำเข้าน้ำตาลทรายอาเซียนที่ภาษีนำเข้าเป็นร้อยละ
0 อยู่แล้ว และรูปแบบกำหนดราคาในประเทศเป็นความร่วมมือเอกชนทั้งหมด
เพื่อให้เกิดความสามารถการแข่งขันและปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศด้วยระบบราคาที่นำเข้ามามีราคาใกล้เคียงกันได้
มีการเพิ่มสาขาการผลิตอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น อุตสาหกรรมชีวภาพ
จะเป็นการเพิ่มการใช้ประโยชน์จากอ้อยนอกเหนือจากการผลิตน้ำตาล
ลดความเสี่ยงที่ชาวไร่อ้อยที่เดิมพึ่งพิงเฉพาะน้ำตาลทรายเท่านั้น
ขณะที่ชาวไร่อ้อยและโรงงาน จะมีการตกลงทำสัญญาซื้อขายกับบริษัท อ้อยและน้ำตาลไทย
จำกัด ในการส่งออกและเก็บราคาไว้เป็นราคาอ้างอิงเอง ภายใต้กรรมการ
3 ฝ่ายดูแล รัฐจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป

นายพสุ กล่าวว่า
จากการพบและหารือกับตัวแทนประเทศบราซิลที่กรุงลอนดอนประเทศสหราชอาณาจักรล่าสุด
ได้แจ้งความคืบหน้าการแก้ไข
พรบ.อ้อยและน้ำตาลทรายและการลอยตัวราคาน้ำตาลทรายในประเทศ
ซึ่งทางบราซิลพอใจกับสิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการ

นางวรวรรณ ชิตอรุณ
รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.) คาดว่า
ราคาน้ำตาลทรายหลังลอยตัว ราคาหน้าโรงงาน จะลดลงประมาณ
1- 2 บาท จากเดิม 18 – 19
บาทต่อกิโลกรัม เป็นราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 17 – 18 บาท แต่ราคาขายปลีกในประเทศสัปดาห์นี้ยังไม่ลดลง เนื่องจากมีน้ำตาลระบบราคาเดิมขนส่งออกจากโรงงานไปแล้ว
300,000 ตัน คาดว่า น้ำตาลจำนวนนี้
จะขายหมดปลายสัปดาห์นี้ 
ดังนั้นราคาขายปลีกหลังลอยตัวราคา มีแนวโน้มปรับลดลงภายในสัปดาห์หน้า
ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ต้องออกสำรวจว่า
ราคาขายน้ำตาลขายปลีกจะปรับลดลงตามหน้าโรงงานหรือไม่   ส่วนราคาขายปลีกจะลดลงเท่าใด
ก็อยู่ที่ต้นทุนของผู้ค้าแต่ละรายเป็นสำคัญจึงเป็นหน้าที่กระทรวงพาณิชย์จะไปติดตาม.
สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่น้ำท่วมหลายชุมชน ปิดน้ำตก 3 แห่ง

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม-ระวังน้ำท่วมฉับพลัน

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กว่า 130 ชม. ภารกิจสำเร็จ! กู้ร่างคนงานตกหลุมเสาเข็ม

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

“บังยา บองหลาคิงส์” รุดจับแม่งูจงอาง ไล่ฉกชาวบ้านวิ่งป่าราบ

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ

รวบเจ้าของหอพักโหดย่านรังสิต ข้อหากรรโชกทรัพย์

ปทุมธานี 28 พ.ค. – ตำรวจปทุมธานี บุกรวบเจ้าของหอพักย่านรังสิต พร้อมครอบครัว ข้อหากรรโชกทรัพย์ หลังมีนักศึกษาแจ้งความร้องทุกข์ว่า เจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกาย ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน พล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผู้บังคับการตำรวจปทุมธานี นำหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานี ลงวันที่ 27 พ.ค. ในข้อหากรรโชกทรัพย์ เข้าจับกุม พ.ต.อ.พูลศักดิ์ อายุ 64 ปี นางพัชรียา อายุ 56 ปี และนางสาวพูลชนก อายุ 28 ปี ที่หอพักใน 7 ต.หลักหก อ.เมือง จ.ปทุมธานี จากกรณีมีนักศึกษากว่า 20 ราย เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่ สคบ. ว่าเจ้าของหอพักแห่งนี้ทำร้ายร่างกายนักศึกษา ยึดเอกสารหลักฐานทางราชการ ยึดทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้เช่าโดยไม่ยอมคืน บางจังหวะการจับกุมจะเห็นได้ว่ามีการโต้เถียงกันและมีการขัดขืน แต่สุดท้ายต้องยอมจำนนต่อหมายจับ พล.ต.ต.ยุทธนา เปิดเผยว่า ตำรวจขอหมายจับจากศาลไป 3 […]

คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสี อบต.เกาะสะท้อน อส.-ครู เจ็บ 4

นราธิวาส 28 พ.ค. – คนร้ายบุกยิงในงานกีฬาสีต้านยาเสพติด อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้อาสาสมัครรักษาดินแดนบาดเจ็บ 3 คน ครูบาดเจ็บ 1 คน ส่วนเหตุคนร้ายยิงใส่ป้อมหน้า สภ.จะแนะ ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย เจ็บ 1 นาย เจ้าหน้าที่เร่งไล่ล่าคนร้าย คนร้ายชุดสีดำเดินถือปืนเข้ามาในลานกีฬาเซปักตะกร้อ งานแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติด อบต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส จากนั้นรัวยิงชุดแรก 4 นัด คนที่ร่วมแข่งขันพากันวิ่งหลบหนี จากนั้นคนร้ายรัวยิงอีก 3 นัด ซึ่งภาพหลุดจากวิถีกล้องไปแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่นคงเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บ 4 คน ประกอบด้วย 1.นายสุกรี ครูโรงเรียนบ้านเกาะสะท้อน 2.อาสารักษาดินแดนฮัมดานุดดีน 3.อาสารักษาดินแดนมุสลิม และนายไซนุดดิน ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลตากใบ สอบสวนทราบว่าคนร้าย 6 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ 3 คัน ขี่เข้ามาโดยปะปนกับประชาชน และก่อเหตุยิงผู้เข้าร่วมแข่งขันกีฬาต้านยาเสพติดจนมีผู้บาดเจ็บ หลังเกิดเหตุนายอำเภอตากใบลงพื้นที่เยี่ยมผู้บาดเจ็บ […]

นายกฯ ยกหูคุย “ฮุน มาเนต” คลี่คลายเหตุปะทะชายแดน

รัฐสภา 28 พ.ค.- นายกฯ รับทราบเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เผยยกหูคุยตรง “นายกฯ ฮุน มาเนต” ให้สถานการณ์คลี่คลายเร็วที่สุด ปัดตอบกรณี “ทักษิณ” ประกาศสงครามกับว้าแดง-สถานการณ์ใต้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางออกจากอาคารรัฐสภา ในเวลา 17.40 น. ถึงสถานการณ์ชายแดนไทยไทย-กัมพูชา บริเวณด่านช่องบก จ.อุบลราชธานี ว่า ได้รับรายงานแล้ว และจะมีการพูดคุยกันของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ส่วนตนเองได้พูดคุยกับกระทรวงกลาโหมแล้ว ซึ่งเดี๋ยวก็คงมีข้อตกลงกันออกมา ขณะเดียวกัน ตนเองก็ได้มีการพูดคุยกับ พลเอกฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย ไม่มีอะไร ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันว่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็วที่สุด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์อีก ส่วนจะมีการใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีสองประเทศหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายกฯ กัมพูชา ก็เป็นไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ประกาศสงครามกับว้าแดง เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด รัฐบาลมีแนวทางการแก้ปัญหาอย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ ส่วนเหตุการณ์ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ในวันนี้ […]

ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคาม หลังพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดน

กองทัพอากาศ 28 พ.ค.- ทอ. ยันไม่มีภัยคุกคามต่อประเทศ หลังตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.03 น. กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง จากหน่วยบิน กองบิน 4 ปฏิบัติภารกิจการบินป้องกันทางอากาศ วิ่งขึ้นจากสนามบินตาคลี หลังหน่วยควบคุมอากาศยานและแจ้งเตือน ตรวจพบเครื่องบินต้องสงสัยใกล้ชายแดนไทย บริเวณตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เครื่องบินต้องสงสัยลำดังกล่าว เป็นอากาศยานสมรรถนะสูงแบบ YAK-130 มีทิศทางบินมุ่งเข้าสู่เขตแดนไทยในระยะใกล้ กองทัพอากาศ จึงสั่งการบินพิสูจน์ทราบและแสดงท่าทีป้องปราม ตามมาตรการปกติ เพื่อเฝ้าระวังและยืนยันสถานการณ์ จากการติดตามพบว่า เครื่องบินดังกล่าวได้เปลี่ยนทิศทางและออกจากเขตใกล้ชายแดนไทย ในเวลา 13.16 น. โดยไม่แสดงพฤติกรรมรุกราน หรือมีเจตนาเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศแต่อย่างใด “กองทัพอากาศ ขอยืนยันว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจปกติในการเฝ้าระวังป้องกันน่านฟ้า ซึ่งกองทัพอากาศดำเนินการอย่างเข้มแข็งและสม่ำเสมอ เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ สร้างความปลอดภัย และความมั่นใจให้แก่ประชาชน” โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว ทั้งนี้ […]