น่าน 10 ม.ค.- เสียงวิจารณ์ปรับปรุง 3 ปี อาคารเก่าแก่พิพิธภัณฑสถานฯ น่าน ไม่สอดคล้องความเป็นเมืองเก่า ด้าน หน.พิพิธภัณฑสถานฯ เร่งแจงดำเนินงานโดยส่วนกลางได้ออกแบบและสืบค้นข้อมูลทุกขั้นตอนให้ตรงกับของเดิมที่สุด
น.ส.ชลลดา สังวร หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ชี้แจงกรณีมีผู้แสดงความเห็นในโซเชียลเกี่ยวกับการปรับปรุงพิพิธภัณฑสถานฯ ไม่สอดคล้องกับความเป็นโบราณสถานและพื้นที่เมืองเก่าน่านว่าว่า อาคารพิพิธภัณฑสถานฯ มีความชำรุดทรุดโทรมตามกาลเวลาจำเป็นต้องปิดปรับปรุง โดยสำนักสถาปัตยกรรม และกลุ่มเทคนิคศิลปกรรม สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งได้ปิดมาตั้งแต่ปี 2558 ใช้งบประมาณซ่อมแซมทั้งสิ้น 34,810,000 ล้านบาท (สามสิบสี่ล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นบาท) ทั้งนี้ การออกแบบได้สืบค้นประวัติจากภาพถ่ายและหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์เพื่อให้คงความดั้งเดิมที่สุด ส่วนการเปลี่ยนราวไม้ระเบียงหน้ามุข และลวดลายหน้าบัน ที่เปลี่ยนไปจากอาคารเดิมก่อนหน้านี้นั้น ตามที่สืบค้นพบภาพถ่ายในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นภาพเก่าแก่ที่สุดและสืบค้นได้ จึงได้นำมาออกแบบให้ตรงตามภาพ
น.ส.ชลลดา กล่าวอีกว่า การเปลี่ยนสีตัวอาคารจากเดิมเป็นสีขาวกลายเป็นสีเหลืองอ่อน เนื่องจากการขูดชั้นสีของตัวอาคารจนลึกสุดปรากฏว่าเป็นสีเหลืองอ่อน จึงได้ทาสีตัวอาคารเป็นสีดังอาคารในปัจจุบัน ขณะที่ประตูอะลูมิเนียม ซึ่งอาคารเดิมก็เป็นอะลูมิเนียมเช่นกัน และสีอาจดูกลมกลืนกับตัวอาคารทำให้ไม่ขัดสายตา อย่างไรก็ตาม ข้อวิจารณ์หรือข้อแสดงความคิดเห็นนั้นจะนำเข้าหารือกับหน่วยงานกลาง เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เพราะการออกแบบและปรับปรุงเป็นการดำเนินงานจากส่วนกลางทั้งหมด
สำหรับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมเป็นที่ประทับของพระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ พระเจ้าน่าน ทรงสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2446 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น มีมุขด้านหน้า หลังคามุงด้วยไม้แป้นเกล็ด บนเนื้อที่ 14 ไร่ 2 งาน 32 ตารางวา ครั้นเมื่อเจ้ามหาพรหมสุรธาดา เจ้าผู้ครองนครน่านองค์สุดท้ายถึงพิราลัย เจ้านายบุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครน่านจึงได้มอบหอคำหลังนี้พร้อมที่ดินให้แก่รัฐบาล เพื่อใช้เป็นอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน ต่อมาเมื่อกระทรวงมหาดไทยได้ก่อสร้างอาคารศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ขึ้น กรมศิลปากรจึงได้ขอรับมอบอาคารเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ขึ้นในปี พ.ศ. 2517 และประกาศจัดตั้งอย่างเป็นทางการขึ้นในปี พ.ศ. 2528 โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานประกอบพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2530 โดยภายในจัดแสดง ศิลปะ โบราณวัตถุ ต่างๆ ประวัติศาสตร์ และชีวิตความเป็นอยู่ ของชาวพื้นเมืองภาคเหนือ และชาวเขาเผ่าต่าง ๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “งาช้างดำ” และด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช ผู้เป็นเจ้าของหอคำแห่งนี้.-สำนักข่าวไทย