ครม. มอบหมาย ธ.ก.ส. ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย

ทำเนียบฯ 9 ม.ค.- ครม.มอบหมายให้ธ.ก.ส.ออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ผ่าน 3 มาตรการ   9 โครงการ  


ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบ มาตรการช่วยเหลือรายได้น้อยในส่วนของ ธ.ก.ส.   เตรียมวงเงินรองรับ 95,000 ล้านบาท  ผ่าน 3 มาตรการ 9 โครงการ ประกอบด้วย  มาตรการที่ 1 การพัฒนาตนเอง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ แนวทางที่ 1. โครงการให้ความรู้ทางการเงินแก่เกษตรกรลูกค้าผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 60  กลุ่มเป้าหมาย เกษตรกรผู้มีรายได้น้อย 1 ล้านราย   เพื่อให้วิเคราะห์ต้นทุนการผลิต การลดต้นทุนการผลิต และจัดทำแผนการผลิต แผนการตลาด และแผนการเงิน  โดย ธ.ก.ส. จัดทำสมุดความดี 1 เล่ม  เป็นเงิน 16 ล้านบาท    2. โครงการเงินฝากกองทุนทวีสุข และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)  ส่งเสริมการออมเมื่อเข้าสู่วัยชราสร้างภูมิคุ้มกัน ในวัยเกษียณ กลุ่มเป้าหมย  90,000 ราย   ให้เปิดบัญชีเงินฝากได้เพียงคนละ 1 บัญชี เท่านั้น  ใช้เงินเปิดบัญชีครั้งแรกต้องครบเต็มจำนวนปีละ 600 บาท  1,200 บาท 6,000 บาท และ 12,000 บาท จากนั้นให้ฝากเงินต่อเนื่องทุกปี สามารถฝากเงินล่วงหน้าเต็มจำนวนได้ไม่เกิน 1 ปี   จากนั้นเมื่อออมปีถัดไปสามารถทยอยฝากเป็นรายเดือนได้จนครบเต็ม ในระยะเวลา 1 ปี  จึงจะได้รับสิทธิ์ในความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุ และได้รับสวัสดิการเพิ่มขึ้นเป็นแบบขั้นบันไดตามอายุของการออมของลูกค้า เช่น เงินรับขวัญบุตรแรกเกิด เงินช่วยเหลืองานศพ เงินชดเชยค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น

มาตรการที่ 2 การพัฒนาอาชีพเสริมเพิ่มรายได้   2 โครงการ  ได้แก่  โครงการสินเชื่อชุมชนปรับเปลี่ยนการผลิตเพื่อพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อย (XYZ)   เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายหมุนเวียนในการพัฒนาอาชี  ระหว่างผู้มีรายได้น้อย หรือเกษตรกรทั่วไปกับกลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร และ SMAEs ในพื้นที่ ทั่วประเทศ 77 จังหวัด     


เพื่อจ่ายเงินกู้ให้แก่กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน สหกรณ์การเกษตร และ SMAEs  เพื่อจ้างผู้มีรายได้น้อย 384,000 ราย ผลิตสินค้าเกษตรที่ตรงกับความต้องการของตลาดผ่านระบบการจ้างผลิตแบบเกษตรพันธะสัญญา (Contract Farming) และแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้มีรายได้น้อย  วงเงินสินเชื่อ 45,000 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี ปีที่ 1 วงเงินสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท จ านวน 100,000 ราย  ปีที่ 2 วงเงินสินเชื่อ 15,000 ล้านบาท จำนวน 200,000 ราย  วงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท จำนวน 384,000 ราย  คิดดอกเบี้ยตามโครงการในอัตราร้อยละ 3.51 ต่อปี คิดจากผู้กู้ร้อยละ 0.01 ต่อปี  รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี กำหนดชำระคืนไม่เกิน 12 เดือนนับแต่วันกู้ โดยกำหนดวงเงินกู้และหลักประกันเพิ่มเติมและให้ใช้เป็นกรณีพิเศษสำหรับโครงการนี้                

โดย ธ.ก.ส.ขอให้รัฐบาลช่วยรับภาระ กรณีเกิดความเสียหายจาก NPLs ตามโครงการนี้  และไม่นำมาคำนวณรวมเป็น NPLs เพื่อประเมินผล ด้วยการแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account : PSA)  วงเงินงบประมาณที่ใช้ในการด าเนินงานโครงการรวมทั้งสิ้น  4,875 ล้านบาท  รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส. ในอัตราร้อยละ 3.50 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันกู้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4,725 ล้านบาท  โดยให้ ธ.ก.ส.เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจ าปีตามค่าใช้จ่าย ที่เกิดขึ้นจริง   และขอสนับสนุนค่าใช้จ่ายฝึกอบรม จากงบประจำปีจากรัฐบาล ปีละ 50 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งหมด 150 ล้านบาท  ดำเนินการตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2566  ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้  ตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 – 31 ธันวาคม 2563 

โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาอาชีพของผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อสร้างอาชีพเป็นการยกระดับรายได้ก่อให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนในอาชีพให้กับ ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ  กลุ่มเป้าหมาย ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 400,000 ราย วงเงินสินเชื่อจำนวน  20,000 ล้านบาท  ให้สินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน วงเงินสินเชื่อต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท  คิดดอกเบี้ยเงินกู้ใน 6 เดือนแรก  ในอัตราร้อยละ 0 ต่อปี และตั้งแต่เดือนที่ 7 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 7 ต่อปี) ลดหย่อนหลักประกันเงินกู้ในกรณีใช้บุคคลค้ำประกันหรือบุคคลรับรองรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วม ให้กู้ได้ไม่เกินรายละ 50,000 บาท 


มาตรการที่ 3 ลดภาระหนี้สินทั้งในระบบและนอกระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาทางการเงิน และลดภาระหนี้ในระบบ  กลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. ที่มีหนี้เป็นภาระหนัก  535,137 ราย วงเงิน 126,798 ล้านบาท   โดยการพักชำระต้นเงิน 2 ปี ในระหว่างพักช าระหนี้คิดอัตราดอกเบี้ย MRR (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 7 ต่อปี)  ให้ทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยนำต้นเงินไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 มาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR  ชำระคืนไม่เกิน 7 ปี ปลอดการชำระต้นเงินไม่เกิน 2 ปีแรก  ส่วนต้นเงินอีกไม่เกินร้อยละ 50 ให้น ามาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ใหม่ และก าหนดช าระคืนตามแหล่งที่มาของรายได้  สัญญาพักชำระหนี้หรือปรับปรุงโครงสร้างหนี้ช าระต้นเงินร้อยละ 50 แรกได้เสร็จสิ้นภายใน 7 ปี ให้ลดดอกเบี้ยที่พักไว้ให้ครึ่งหนึ่ง     

ส่วนกรณีลูกค้ารายย่อยที่มีหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท จ านวน 383,157 ราย (คิดเป็นร้อยละ 71  ของจำนวนลูกค้าที่มีหนี้เป็นภาระหนักทั้งหมด มีต้นเงินคงเป็นหนี้  52,605 ล้านบาท โดยให้ลูกค้าพักการช าระดอกเบี้ยเป็นเวลา 2 ปี และขอให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แทนผู้มีรายได้น้อยในอัตราร้อยละ 3.00 ต่อปี  ธ.ก.ส. รับภาระดอกเบี้ยแทนผู้มีรายได้น้อยประมาณร้อยละ 4.00 ต่อปี  1.4 วงเงินงบประมาณ  ขอให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้แก่ ธ.ก.ส.แทนผู้มีรายได้น้อยที่มีหนี้ไม่เกิน 300,000 บาท  ใน 2 ปีแรก  ทั้งกลุ่มที่พักช าระหนี้และกลุ่มที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้  ในอัตราร้อยละ 3.00 ต่อปี ของต้นเงินกู้ รวม 52,605 ล้านบาท กรอบวงเงินชดเชย 2 ปี  ปีละ 1,579 ล้านบาท  รวมจ านวน 3,158 ล้านบาท  โดยขอรับการจัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจ าปี  และ ธ.ก.ส.รับภาระดอกเบี้ยแทนผู้มีรายได้น้อยประมาณ  3,847 ล้านบาท  โดยแยกบัญชีธุรกรรมนโยบายรัฐ (Public Service Account: PSA) .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดใหม่ ดึง นทท.เข้าไทย

ลอนดอน 22 พ.ค. – นายกฯ หารือภาคท่องเที่ยวอังกฤษ เปิดตลาดท่องเที่ยวใหม่ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย ตั้งเป้าปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้เป็น Tourism Hub ระดับโลก ชี้ 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวยุโรปเข้าไทยแล้วกว่า 3.5 ล้านคน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บริษัทท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร ผู้บริหารสายบิน เป็นต้น เพื่อผลักดันการท่องเที่ยวของไทย จากนั้น น.ส.แพทองธาร โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียว่า ปีนี้ไทยตั้งเป้าเป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ทำให้ไทยเป็น Tourism Hub ระดับโลก ที่ผ่านมารัฐบาลทำแคมเปญหลายอย่าง โดยเฉพาะการมุ่งเป้าทำให้การใช้จ่ายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อคนต่อทริป (Spending […]

ปลาติดเชื้อจากสารเคมีปนเปื้อนในแม่น้ำกก

เชียงราย 22 พ.ค. – วิกฤติน้ำกก หลังพบสารหนู-สารเคมีปนเปื้อนจากการทำเหมืองแร่ ลุกลามไปแม่น้ำสายและแม่น้ำโขงแล้ว ล่าสุดตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ส่วนช้างอาบน้ำในน้ำกกมีผื่นและตุ่มใส ติดเชื้อจนเกิดแผล หลังจากมีการตรวจสอบหาสารหนู และสารเคมีอื่นๆ ในแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง ทำให้พบว่ามีปริมาณเกินกว่ามาตรฐานหมายเท่าตัว จากการทำเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา และตรวจพบปลาในแม่น้ำมีอาการผิดปกติที่ผิวหนัง ซึ่งทางกรมประมงได้ติดตามการติดเชื้อของปลาในแม่น้ำทั้ง 3 สาย โดยนำปลาที่ชาวประมงพื้นบ้านจับได้จากแม่น้ำกก แม่น้ำสาย และแม่น้ำโขง นำมาตวรจสอบหาสารตกค้าง และเชื้อโรคที่ปลาได้รับ เพื่อป้องกันการติดเชื้อสู่มนุษย์ หากนำไปบริโภค นายสมเกียรติ เขื่อนเชียงสา นายกสมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต เปิดเผยว่าสมาคมพยายามจะมอนิเตอร์ปลาในแม่น้ำกก แม่น้ำรวก แม่น้ำโขง เพื่อติดตามว่ามีการติดเชื้อแพร่กระจายไปถึงไหนบ้าง เพื่อจะเก็บตัวอย่างรีบส่งให้กับทางกรมประมง ในการตรวจหาสาเหตุภายในของปลาว่ามีเชื้ออะไรบ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ ป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำ ซึ่งขณะนี้เกิดความวิตก และกังวลใจของชาวประมงที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ที่ต้องหาปลาในแมน้ำ เมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นการค้าขายปลาเกิดผลกระทบ ทางเศรษฐกิจในชุมชน คนไม่นิยมปลาจากแม่น้ำ ทำให้ขาดรายได้เลี้ยงชีพ นอกจากนี้ที่บ้านรวมมิตร ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย พบว่าน้ำในแม่น้ำกกมีลักษณะขุ่นจัด เมื่อเทียบกับลำห้วยสาขาที่ไหลลงสู่แม่น้ำ ซึ่งมีน้ำใสกว่ามาก เทศบาลตำบลแม่ยาวได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนประชาชน […]

“ยิ่งลักษณ์” โพสต์ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ

กรุงเทพฯ 22 พ.ค.-“ยิ่งลักษณ์” โพสต์หลังศาลปกครองสูงสุด สั่งชดใช้ 10,028 ล้านคดีจำนำข้าว ตัดพ้อ ต้องชดใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อ รับภาระหนี้จากฝ่ายปฏิบัติ ลั่นหนี้หมื่นล้านชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็ไม่มีวันหมด ทำเพื่อชาวนากลับมีบทสรุปที่เจ็บปวด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความภายหลัง ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตฐานะประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติต้องชดใช้ค่าเสียหายส่วนระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี 10,028 ล้านบาท ว่า “เรียน พี่น้องประชาชนที่เคารพ วันที่ 22 พฤษภาคมปีนี้ เป็นวันครบรอบ 11 ปี รัฐประหาร ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจอธิปไตยของประชาชนทั้งประเทศ และเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำวินิจฉัยให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้กว่า 10,000 ล้านบาท จากคดีระบายข้าว ทั้งที่ดิฉันไม่ได้เป็นจำเลยในคดีนี้ และศาลปกครองกลางได้เคยวินิจฉัยว่าดิฉันไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายในกรณีดังกล่าวมาแล้ว จากคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดในวันนี้ ทำให้ดิฉันต้องชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ความเป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารที่ต้องมารับภาระหนี้ที่เกิดจากการระบายข้าวของฝ่ายปฏิบัติ โดยที่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเหล่านั้นแต่อย่างใด และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็พิพากษาในคดีของดิฉันว่า ปล่อยปละละเลยในการบริหารโครงการรับจำนำข้าวเท่านั้น นโยบายรับจำนำข้าว เป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และเป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องปฏิบัติ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศจากฐานราก […]

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]