ก.พลังงานชี้แจงส่งเสริมบทบาทการแข่งขัน สร้างประโยชน์ต่อประชาชน

กรุงเทพฯ 5 ม.ค. – สร.ปตท.-กฟผ.เป็นงง เอกสารแจกใน ครม. 7 พ.ย. 60 กฟผ.เตรียมจัดสัมมนาใหญ่  17 ม.ค.รับมือการเปลี่ยนแปลง  ด้าน “มนูญ” ยืนยันไม่ใช่ข้อเสนอ คก.ปฎิรูปด้านพลังงาน ด้าน ก.พลังงานทำเอกสารแจงพีเอ็มดียู ทำนโยบายส่งเสริมการแข่งขันภาคพลังงานอยู่แล้ว สร้างประโยชน์ต่อประชาชน


นายมนูญ ศิริวรรณ กรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน กล่าวว่า ข้อเสนอการปฏิรูปด้านพลังงานมีเรื่องการบริหารที่จะส่งเสริมการแข่งขันด้านธุรกิจพลังงาน โดยแยกระบบสายส่งออกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และระบบท่อก๊าซธรรมชาติออกจาก บมจ.ปตท. เพื่อให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้ โดยรูปแบบจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กำกับดูแล แต่คณะกรรมการปฎิรูปไม่ได้มีข้อเสนอไม่ให้ กฟผ.สร้างโรงไฟฟ้าใหม่แต่อย่างใด 

ทั้งนี้ กรณีคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 มีการแจกเอกสารเกี่ยวกับพลังงานในที่ประชุม โดยมีเนื้อหาลดบทบาท บมจ.ปตท. และ กฟผ. โดยเฉพาะ กฟผ.ที่ระบุให้แยกสายส่งออกจาก กฟผ.และให้เอกชนเข้ามามีบทบาทการผลิตไฟฟ้ามากขึ้น รวมทั้งกำหนดให้ กกพ.ไม่ควรมาจาก 3 การไฟฟ้า และ บมจ.ปตท.นั้น 


 นายมนูญ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อเสนอของคณะกรรมการปฎิรูปฯ แต่อย่างใด โดยในส่วนตัวเห็นว่า การทำงานของคณะกรรมการ กกพ.ทำตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ดังนั้น หาก กพช.กำหนดนโยบายที่อาจจะเป็น ประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ ต่อรัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน กกพ.ก็ต้องดำเนินการตาม โดยกรรมการ กกพ.แม้เกษียณจะมาจาก รัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ก็ต้องดำเนินการตามนโยบาย กพช.เป็นหลัก 

“การแยกท่อก๊าซฯ และสายส่งออกมารูปแบบอาจเป็นแยกบัญชี หรือมีองค์กรใหม่ขึ้นมาดูแล เพื่อให้เกิดการแข่งขัน ลดการผูกขาดแบบธรรมชาติ เปิดทางให้บุคคลที่ 3 มาใช้ โดยในส่วนของ กฟผ.จะเป็นหน่วยงานโอเปอเรเตอร์หรือหน่วยงานด้านการทำงานเท่านั้น โดยทางคณะกรรมการฯ ไม่ได้เสนอให้ลดบทบาทการทำงานด้านอื่น ๆ ของ กฟผ.และ ปตท.แต่อย่างใด” นายมนูญ กล่าว 

นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวคงจะต้องเช็คว่ามีเรื่องนี้เข้า ครม.จริงหรือไม่ มีเหตุผลที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้เสนอ เพราะขณะนี้การผลิตไฟฟ้าและสายส่ง กฟผ.เป็นผู้ดูแลและเมื่อเอกชนผลิตจะเป็นระบบประมูลขายผ่านระบบ กฟผ. ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะแปรรูป กฟผ.เมื่อไม่สำเร็จก็พยายามจะมาอ้างเรื่องต้นทุนการผลิตแล้วให้เอกชนเข้ามามีบทบาท แยกสายส่ง กฟผ.ออก ซึ่งตลอดเวลา กฟผ.ทำหน้าที่ดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าให้กับรัฐมาอย่างมั่นคง จึงอยากให้รัฐตอบมาตรง ๆ ว่าจะยังคงให้มี กฟผ.หรือไม่ และการอ้างว่าผูกขาดก็ควรดูว่าต่างประเทศเองก็มีการกำหนดสัดส่วนที่จะไม่ให้เอกชนผูกขาดเช่นกัน อย่างไรก็ตาม  กฟผ.พร้อมปรับตัวตามเทคโนโลยีใหม่ ด้านพลังงานทดแทนที่มีบทบาทมากขึ้น โดยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา ปรับโครงสร้างกำลังคนที่มีอยู่ 22,000 คนทั่วประเทศว่าเพื่อให้สอดรับกับอนาคต


นายศิริชัย กล่าวด้วยว่า วันที่ 17 มกราคม 2561 เพื่อการเตรียมพร้อม กฟผ.จะมีการจัดเวทีสัมมนาภายในเรื่อง ฝ่าวิกฤติกิจการไฟฟ้า กฟผ.จะก้าวข้ามอย่างไร โดยจะเชิญอดีตผู้ว่าฯ กฟผ. ได้แก่ 1.นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์  2.นายไกรสีห์ กรรณสูต และ 3. นายกรศิษฎ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าฯ กฟผ.คนปัจจุบัน  ที่จะเป็นเวทีสำคัญที่จะชี้ถึงแนวทางการปรับบทบาทของ กฟผ. เพื่อรองรับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป

น.ส.อัปสร กฤษณะสมิต ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ สร.ปตท. กล่าวว่า ตามเอกสารที่ปรากฎใน ครม.ทำให้ สร.ปตท.รู้สึกแปลกใจกับข้อมูล เพราะทั้ง ปตท.และ กฟผ.เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐ ซึ่งไม่ว่าจะมีผลกำไรเกิดขึ้นผลประโยชน์ก็จะตกกับประเทศ ซึ่ง สร.ปตท.ไม่ได้เป็นห่วงว่าการเปิดเสรีจะทำให้ ปตท.ถูกลดบทบาทลง  แต่นโยบายดังกล่าวทำแล้วประเทศชาติจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่ โดยในส่วนของ ปตท.หลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้วได้วางรากฐานการสร้างความแข็งแกร่งให้องค์กรและทำธุรกิจที่หลายหลายมากขึ้น สร้างรายได้ที่สูงแก่ภาครัฐ มีการปรับตัวมาตลอด ขณะที่มีพนักงานประมาณ 4,000 คน ดังนั้น หากจะมีการลดบทบาทลงบ้างก็คงไม่มีผลกระทบมากนัก  

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเอกสารที่แจกใน ครม.วันที่ 7 พฤศจิกายน 2560 เป็นเอกสารที่มาจากที่ปรึกษาพิเศษ ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ได้เป็นมติ ครม.และทางกระทรวงพลังงานได้ทำหนังสือชี้แจงผ่านสำนักบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (พีเอ็มดียู) ที่มีนายอําพน กิตติอําพน เป็นผู้อำนวยการ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการรายงานเข้าสู่ ครม.แต่อย่างใด โดยกระทรวงพลังงานได้ชี้แจงถึงการทำงานที่ดูแลถึงความมั่นคงด้านพลังงานเป็นหลัก พร้อม ๆ กับการส่งเสริมพลังงานทดแทน และการส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนที่มีส่วนแบ่งด้านพลังงานทำให้เกิดการแข่งขันเป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชน  มีการเปิดให้บุคคลที่ 3 เข้ามาใช้คลังก๊าซฯ และท่อก๊าซ ปตท. ขณะที่โรงไฟฟ้าถ่านหินทั้งกระบี่และเทพานั้น แม้จะให้ กฟผ.เป็นผู้ก่อสร้าง แต่ทั้ง 2 โรงไฟฟ้าก็ยังไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.ในการก่อสร้างแต่อย่างใด จึงยังไม่ถือว่าเป็นภาระต่อค่าไฟฟ้าของภาคประชาชน 

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าหลังจากนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการ กฟผ. เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2560  ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการ กฟผ.เดือน ประมาณปลายเดือนมกราคมนี้จะมีการเลือกผู้รักษาการตำแหน่งประธานฯ  จากคณะกรรมการ 9 คนที่เหลือ ซึ่งคาดว่าจะเป็นนายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน โดยจะมีการแต่งตั้งประธานคนใหม่ก็ต่อเมื่อ ครม.มีการแต่งตั้งกรรมการ กฟผ.แทนนายอารีพงศ์ที่ลาออกไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

“ลุงพล” นอนคุกยาว ศาลไม่ให้ประกันตัว เกรงหลบหนี

14 ส.ค. – ศาลฎีกายกคำร้อง ไม่อนุญาตให้ประกันตัว “ลุงพล” คดีน้องชมพู่ ชี้เป็นคดีร้ายแรง เกรงจะหลบหนี ส่งผลให้ลุงพลต้องนอนคุกระหว่างฎีกา นายประยุทธ เพชรคุณ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลสูงภาค 4 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เพิ่มโทษ “ลุงพล” ในคดีฆ่าเด็กหญิงอรวรรณ หรือน้องชมพู่ อายุ 3 ปี รวมเป็น 26 ปี เมื่อวานนี้ ลุงพลยื่นประกันตัวและศาลจังหวัดมุกดาหารส่งให้ศาลฎีกาพิจารณา เรื่องการปล่อยชั่วคราว โดยวันนี้ศาลฎีกา ได้มีคำสั่งออกมาว่า พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อสังคมเป็นการลงโทษสถานหนัก ทั้งศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำคุก 26 ปี และเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยกคำร้องการประกันตัว ส่งผลให้จำเลยต้องคุมขังอยู่ในเรือนจำระหว่างฎีกา ทั้งนี้ มีรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จะนำตัวลุงพลไปคุมขังที่เรือนจำจังหวัดนครพนม เนื่องจากโทษจำคุกสูง.-สำนักข่าวไทย

บุกชิงทอง

ควงปืนชิงทองกลางห้างดังย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท ขี่ จยย.หนี

สมุทรปราการ 14 ส.ค. – คนร้ายสวมชุดไรเดอร์ควงปืนจี้ชิงทอง ร้านทองกลางห้าง ย่านบางบ่อ กวาดทอง 163 บาท มูลค่ากว่า 8 ล้านบาท ก่อนขี่จักรยานยนต์หลบหนี ตำรวจเร่งล่าตัว เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เกิดเหตุอุกอาจภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านบางบ่อ จ.สมุทรปราการ คนร้ายรูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดไรเดอร์ ใส่หมวกกันน็อกเต็มใบ สะพายกระเป๋าข้าง บุกเข้าไปในร้านทองพร้อมใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงาน กวาดสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำ น้ำหนักรวมราว 163 บาท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 8 ล้านบาท วิ่งขึ้นรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็นแม็ก ที่จอดอยู่ด้านหน้า ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว พนักงานรักษาความปลอดภัยของห้าง ให้ข้อมูลว่า เห็นคนร้ายเดินเข้ามา จึงบอกให้ถอดหมวกกันน็อก แต่คนร้ายไม่สนใจ ก่อนบุกเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง พนักงานชายร้านทอง เล่าว่า ผู้ก่อเหตุปีนเข้ามาแล้วพูดว่า ‘หยิบทองมา’ จึงสั่งให้น้องพนักงานหมอบลงเพื่อความปลอดภัย เพราะเห็นว่าคนร้ายมีอาวุธปืน และไม่เคยเห็นหน้าของคนร้ายมาก่อน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และตำรวจ สภ.บางบ่อ พร้อมผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ อยู่ระหว่างตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งไล่ล่าตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป. – […]

เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด

กทม.14 ส.ค.- เปิดคำร้อง 36 สว. ปมคลิปเสียง ยกละเอียดยิบผิดจริยธรรมข้อใด อ้างอิงเหตุการณ์คลิปเสียง และพฤติการณ์ที่นิ่งเฉย ไม่กำหนดมาตรการหรือความชัดเจนตอบโต้กัมพูชาในช่วงปะทะ ไล่เลียงตั้งแต่กัมพูชารุกล้ำพื้นที่อธิปไตยไทย 200 เมตร จนถึงวันปล่อยคลิปเสียง 18 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในคำร้องของ 36 สว. ต่อกรณีคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา ที่ศาลนัดวินิจฉัยคำร้องในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ ซึ่งในคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบกับมาตรา 160 (4)(5) ในเนื้อหาคำร้องอ้างอิงถึงคลิปสนทนาของนางสาวแพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ที่มีการเอ่ยพาดพิงแม่ทัพภาคที่ 2 แม้นายกรัฐมนตรีพยายามแถลงข่าวชี้แจงกรณีคลิปเสียง แต่สมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เพราะเมื่อมีการเผยแพร่คลิปเสียงเช่นนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีย่อมพยายามจะต้องหาข้อแก้ตัวอย่างไรก็ได้ โดยสมาชิกวุฒิสภาเห็นว่า หากนายกรัฐมนตรีมีเจตนาเจรจาเพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งและการสู้รบระหว่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติจริง นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการเจรจาทางการทูตตามหลักและมาตรฐานการดำเนินการที่ถูกต้องอย่างโปร่งใส ตามกระบวนการของกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ ประการสำคัญ […]

“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ชายแดนสันติ

จีน 15 ส.ค.-“มาริษ” ตอบรับคำเชิญ “หวังอี้” ร่วมถก 3 ฝ่าย จีน-ไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาชายแดนอย่างสันติ พร้อมขอบคุณที่เห็นความจำเป็นในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เห็นพ้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตอบรับคำเชิญของ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ในการเข้าร่วมจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย และกัมพูชา ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ กรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายมาริษ ได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียน พร้อมยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันถึงความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียล เนื่องจากเป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด และฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ นายมาริษ ยังได้กล่าวขอขอบคุณ นายหวัง อี้ […]