อัคราฯ คาดน้ำเน่านาข้าวจากตอซังข้าว-ทิ้งขยะ-สิ่งปฏิกูล

กรุงเทพฯ  3 ม.ค. – อัคราฯ แจงกรณีน้ำเน่าในพื้นที่นาข้าวข้างเหมือง เบื้องต้นไม่พบสารไซยาไนด์ คาดตอซังข้าวแช่น้ำนาน-ทิ้งขยะ-สิ่งปฏิกูล


จากกรณีที่มีการรายงานข่าวว่าประชาชนกลุ่มหนึ่งร้องเรียนเรื่องพบน้ำเน่าเสียในพื้นที่นาใกล้กับบริเวณบ่อกักเก็บกากแร่ของเหมืองแร่ทองคำชาตรี ต่อกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และกรมควบคุมมลพิษ เพื่อขอให้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณดังกล่าวนั้น หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ขณะนี้บริษัทฯ ได้รับคำสั่งให้ระงับการประกอบการ จึงไม่มีการดำเนินการผลิตใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฎกติกากับทางภาครัฐอย่างเคร่งครัดและจริงใจในทันที 

อย่างไรก็ตาม อ้างถึงเอกสารข่าวเรื่อง “กพร.ย้ำไม่มีเจตนาปิดบังข้อมูล พร้อมเผยแพร่ผลศึกษา” ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2560 จาก กพร. ที่ระบุชัดเจนว่ายังไม่มีการเผยแพร่ผลการศึกษาวิจัยการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เนื่องจากต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จากการทำเหมืองแร่ทองคำของบริษัทอัคราฯ พิจารณาก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการจัดทำรูปเล่มรายงานฉบับสมบูรณ์ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการฯ แต่กลับมีกลุ่มบุคคลที่มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงให้สังคมเข้าใจว่าบริษัทฯ เป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสียที่พบในที่นา บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้อง


ทั้งนี้ ทันทีที่ทราบเรื่องดังกล่าววันที่ 14 พฤศจิกายน 2560 บริษัทฯ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐอย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา โดยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์และสุขภาพลงพื้นที่ พร้อมทั้งช่วยประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการเข้าสำรวจจุดที่ได้รับแจ้งอย่างเร่งด่วนวันเดียวกัน วันที่ 16 พฤศจิกายน 2560  ตัวแทนจากบริษัทฯ พร้อมด้วยส่วนราชการ ตัวแทนชาวบ้าน และสื่อมวลชน ร่วมเก็บตัวอย่างทั้งหมด 6 จุด มหาวิทยาลัยนเรศวร เก็บตัวอย่าง 8 ตัวอย่าง, กรมควบคุมมลพิษ 4 ตัวอย่าง และบริษัทฯ เก็บ 7 ตัวอย่าง โดย 7 ตัวอย่างของทางบริษัทฯ เก็บสำรองอีกชุดที่สำนักสิ่งแวดล้อมภาคที่ 4 เพื่อส่งตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงพร้อมกับวัดคุณภาพของน้ำที่เก็บไปว่ามีคุณลักษณะทางเคมีและกายภาพที่มีสารปนเปื้อนจากการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ของหมืองแร่ทองคำชาตรีหรือไม่ 

เบื้องต้นผลวิเคราะห์จากทั้ง 3 หน่วยงาน คือ กรมควบคุมมลพิษ มหาวิทยาลัยนเรศวร และบริษัทฯ ไม่พบสารไซยาไนด์ หรือสารใด ๆ ที่ใช้ในโรงงาน แต่พบสารอื่นที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ธาตุเหล็ก แมงกานีส สารหนู ไทโอไซยาเนต และซัลเฟตเป็นต้น อย่างไรก็ตาม แม้ค่าทางเคมีจะไม่แสดงว่ามีไซยาไนด์หรือสารเคมีอันตรายใด ๆ ที่ใช้ในโรงงานสกัดแร่ทองคำของบริษัทอัคราฯ แล้วน้ำเน่าเสียในนาข้าวเกิดจากสาเหตุใด คำตอบที่น่าจะถูกต้องตามข้อเท็จจริงมากที่สุด คือ เกิดจากการหมักหมมของตอซังข้าวที่แช่น้ำเป็นเวลานาน และเมื่อไหลไปตามลำรางสาธารณะซึ่งมีใบยูคาลิปตัสล่วงลงมาสะสมตัวอยู่ด้านล่างในลำรางเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้น้ำเกิดการเน่าเสียได้ในระดับที่สูงขึ้น

จากคำบอกเล่าจากประชาชนในพื้นที่ที่เดินทางผ่านเส้นทางข้างเหมืองเป็นประจำพบว่า มีการนำสิ่งปฏิกูลมาลอบทิ้งในบริเวณข้างทางซึ่งเป็นต้นน้ำของป่าบัวและนาข้าวร้องเรียนดังกล่าวเป็นประจำ อีกทั้งยังพบว่ามีการทิ้งขยะหลายพื้นที่ ซึ่งทุกจุดเป็นพื้นที่ต้นน้ำของป่าบัวและนาข้าวร้องเรียนด้วย ซึ่งสิ่งปฏิกูลและขยะดังกล่าวอาจเป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสียได้เช่นกัน สอดคล้องกับผลการตรวจหาปริมาณแบคทีเรียของน้ำในจุดต่าง ๆ พบว่าน้ำในนาข้าวร้องเรียนมีค่าแบคทีเรียสูงกว่าจุดควบคุมมาก ทำให้ข้อสันนิษฐานดังกล่าวเป็นไปได้มากขึ้น


นอกจากนี้ บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บ่อกักเก็บกากแร่ที่มีผู้ร้องเรียนว่าอาจจะเกิดการรั่วไหลนั้น ไม่ได้มีการใช้งานแล้ว อย่างไรก็ตาม การตรวจวิเคราะห์ต้องกระทำในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ที่ได้มาตรฐาน โดยผู้เชี่ยวชาญจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยมี กพร.เป็นผู้กำกับดูแล ซึ่งบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าเมื่อมีผลการพิสูจน์เสร็จสิ้นจะมีการแจ้งผลให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและสังคมรับทราบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายต่อไป บริษัทฯ ขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 15 ปี ที่เปิดดำเนินกิจกรเหมืองแร่ทองคำชาตรีในพื้นที่รอยต่อจังหวัด พิจิตรและเพชรบูรณ์ นั้น บริษัทฯ ประกอบกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชนและประเทศชาติเสมอมา ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดตลอดด้วยสำนึกของการเป็นสมาชิกที่ดีในชุมชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย