สมชัย มั่นใจเลือกตั้งปี 2561

กกต.1 ม.ค.- สมชัย ชี้ ปี 61 เลือกตั้งแน่  มั่นใจ สนช.ไม่มีเหตุให้คว่ำกฎหมายลูกเพื่อยื้อเลือกตั้ง แนะ พลเอกประยุทธ์ อย่าหลงภาพความนิยมเพื่อสืบทอดอำนาจ หวั่นเป็นกระแสต้าน ซ้ำรอย ทักษิณ


นายสมชัย  ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในปี 2561 ว่า   หากมีการปลดล็อกการเมืองในช่วงเดือนเมษายน   สิ่งที่อัดอั้นมานาน ก็จะพรั่งพรูออกมาในช่วงนั้น   ทุกพรรคจะใช้ความพยายามสร้างคะแนนนิยม  สร้างความได้เปรียบให้ไปถึงการเลือกตั้งให้ได้    ดูจากปฎิกิริยาของพรรคการเมืองพร้อมทำงานหนัก ต่อสู้กับอุปสรรค  เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส  โดยเฉพาะพรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่พร้อมจะระดมสรรพกำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง   ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ  จากที่ถูกกดดดันให้กลายเป็นพลัง   ต้องจับตาดูว่าตั้งแต่เดือนเมษายนพรรคการเมืองจะใช้วิธีการอะไร ซึ่งพรรคใหญ่ก็คงจะไม่ยอมกัน  ที่เป็นห่วงคือห่วงพรรคที่จะเกิดใหม่มากกว่า   เพราะต้องสร้างการยอมรับ  การสร้างความคุ้นเคย เพื่อจะให้มีกำลังเพียงพอไปแข่งขันในการเลือกตั้ง  ซึ่งคิดว่าไม่ง่าย แม้จะมีผู้สนับสนุนดีก็ตาม   ต้องใช้เวลาพอสมควร 

ส่วนที่มีการมองกันว่า เดือนเมษายนจะมีการย้ายพรรคของ ส.ส. นายสมชัยกล่าวว่า ตนไม่มองเช่นนั้น  เชื่อว่าคนที่จะย้ายพรรคจะตัดสินใจในช่วง  90 วันก่อนการเลือกตั้ง   เพราะกฎหมายกำหนดไว้เป็นคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยตอนนั้นจะรู้ว่าใครได้เปรียบ เสียเปรียบ ใครจะได้เป็นรัฐบาล  ดังนั้นที่มีการโชว์ก่อนหน้านั้นวัดอะไรไม่ได้เลย 


นายสมชัย ยังมองว่าเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง  ตนยังมองไม่ออกว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดแน่   ซึ่งการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นมี 2 ปัจจัย คือ กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง 4  ฉบับประกาศใช้เมื่อใด  คาดว่าเร็วสุด   คือเดือนมีนาคม  ก็จะมีการเลือกตั้งในเดือนสิงหาคม  แต่หากประกาศช้าสุดคือเดือนมิถุนายน ก็จะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน เป็นไปตามโรดแมปของรัฐบาล แต่ปัญหาคือ หากกฎหมายลูกประกาศใช้เร็วพรรคการเมืองก็จะเตรียมตัวไม่ทัน    และปัจจัย 2  คือ หากฎหมายลูกบังคับใช้แล้ว การที่พรรคการเมืองจะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ไปขัดแจ้งกับคำสั่ง สคช.ที่ 53/2560 ที่กำหนดหลายเรื่องที่จะต้องทำให้เสร็จใน 180 วัน    ซึ่งก็คือ  1 ตุลาคม  ปัญหาคือถ้าเลือกตั้งมาเร็ว พรรคต้องมีการประชุมกัน และในท้ายคำสั่ง คสช.ได้มีการกำหนดว่า  หากกฎหมายเลือกตั้งมีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าแนวการปฎิบัติของพรรคการเมืองตามคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ไปขัดหรือเป็นปัญหาอุปสรรค  ก็ให้มีการหารือร่วมกันระหว่าง คสช. กรธ. กกต. และพรรคการเมือง   เพื่อกำหนดไทม์ไลน์ที่เหมาะสมสำหรับการเลือกตั้ง ฉะนั้นหากเลือกตั้งมาเร็ว ก็จะมีเสียงที่น่าจะมาจากพรรคเล็กว่าทำไม่ทัน  ดังนั้นการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นเมื่อใดยังไม่สามารถคาดเดาได้ แต่มีแนวโน้มเป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่รัฐบาลประกาศไว้    

นายสมชัย ยังกล่าวถึง หน้าตาของการเลือกตั้ง   ว่าถ้าหาก เป็นไปตามกฎหมาย พรรคการเมืองแต่ละพรรคชูหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรี   แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการหาเสียง  แต่คงไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ไม่แตกต่างจากที่ผ่านมา แต่หากมีคนกลุ่มหนึ่ง  หรือพรรคการเมืองหนึ่งออกมาบอกว่าจะชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แล้วเกิดกระแสอีกพรรคชูไม่เอาคนนอกเป็นนายกฯ  ก็จะกลายเป็นความขัดแย้งรอบใหม่ในสังคม   

“เกิดการปะทะกันในเชิงความคิดอย่างรุนแรง  เกิดการเมืองแบ่งฝ่ายชัดเจน  จะเกิดกระแส  เอาและไม่เอา พล.อ.ประยุทธ    อย่างเช่นในอดีตที่มีกระแส   เอาและไม่เอาทักษิณ    ฉะนั้นการวางตัวของผู้นำรัฐบาลในขณะนี้ต้องวางตัวให้ดี   อย่าทำตัวให้เป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ในสังคม   ถ้ามาจังหวะแรกจะกลายเป็นประเด็นต่อสู้กัน  และบอบช้ำมากจบไม่สวย    ควรจะมาในในจังหวะหลัง ที่พรรคการเมืองหาทางออกไม่ได้ในกระบวนการเลือกนายกฯ   มาในฐานะวีระบุรุษกอบกู้สถานกาารณ์   ฉะนั้นท่าทีของผู้นำต้องชัดเจน   วางตัวเป็นกลาง ไม่เป็นประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง”  นายสมชัยกล่าว


นายสมชัย  ยังกล่าวอีกว่า ถ้าเอาประสบการณ์สมัยนายทักษิณ ชินวัตร มาเปรียบเทียบดู   ทั้งการลงพื้นที่   ประชุม  ครม.สัญจร   อนุมัติงบฯเพื่อพัฒนาในพื้นที่นั้นๆ  พบประประชาชน ผูกผ้าขาวม้า  นอกกลางดินกินกลางทราย   ซึ่งก็ได้รับความนิยมชมชอบมาก ไม่แตกต่างจากที่พล.อ.ประยุทธทำและได้รับความชื่นชม  แต่อยากให้พิจารณาให้ดีว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง   นายทักษิณถูกโจมตีแรงขนาดไหนกับกระแสการเอา หรือไม่เอาทักษิณ  ฉะนั้นอย่างไปมองแค่ภาพ   ว่ามีประชาชนมายมากให้การต้อนรับ  แล้วเป็นแรงขับเคลื่อนเข้าสู่การเมือง  ถ้าจะกลับมาก็ควรเป็นอย่างธรรมชาติ ไม่อยากให้แบ่งฝ่าย  เพราะจะเป็นเกมส์ที่อันตรายเกินไป  

เมื่อถามว่า จะมีการคว่ำกฎหมายลูก เพื่อยื้อเลือกตั้งได้หรือไม่     นายสมชัย เห็นว่าสามารถทำได้  แต่ถ้า สนช.ผ่านกฎหมายแล้ว  มีการโต้แย้งไปสู่การตั้งกรรมาธิการร่วม  ก็จะไม่ทำให้ระยะเวลาของการเลือกตั้งเลื่อนออกไปมากนัก    แต่ถ้า สนช.ไม่รับรองหรือคว่ำกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งกระบวนการเลือกตั้งก็น่าจะเลื่อนไปประมาณ 6 เดือน   เพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการร่างฎหมายใหม่    อย่างไรก็ตามการจะคว่ำร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ  เหตุผลต้องปรากฎชัด สังคมจึงจะยอมรับได้   ซึ่งที่ผ่านมาแม้ในตัวร่างกฎหมายจะมีการแก้ไขในหลายๆเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ว่าจะไม่เอา   เป็นลักษณะที่ว่าให้ลองไปทำดูก่อน  ฉะนั้นจากสภาพดังกล่าวจึงมองว่า  เนื้อหาที่ปรากฎต่อสังคมไม่น่าจะถึงขั้นรุ่นแรงที่จะคว่ำหรือล้มกฎหมายนั้น

“วันนี้ถ้าไม่มีคลื่น ไม่มีลม แล้วไปถึงขั้นลงมติของ สนช. เกิดการคว่ำ   ผมว่ามันเป็นพายุที่เกิดจากการกดปุ่ม   หรือสร้างจากผู้มีอำนาจให้เป็นอย่างนั้น  ซึ่งก็ต้องรับผิดชอบ   ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอารมคนในสังคมเวลานั้นจะเป็นอย่างไร    เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองบ้านเมืองที่จะเป็นฝ่ายประเมินเอง  แต่ปลอดภัยที่สุดคือเดินความโรดแมป ระยะเวลาการเลือกตั้งจะเร็วหรือช้านิดหน่อยไม่เป็นไร  น่าจะยอมรับกันได้”นายสมชัยกล่าว

เมื่อถามโอกาสที่จะเกิดพรรคทหาร นายสมชัยกล่าวว่า   ก็มีมาตลอด ไม่ใช่ไม่เคยมี เช่นพรรคสามัคคีธรรม และพรรคมาตุภูมิ   ก็มีระดับอดีต ผบ.ทบ. มาตั้งพรรค   แต่อดีตที่ผ่านมาก็ชี้ได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ  เนื่องจากทหารไม่เคยอยู่ในจุดนั้น  การที่มาอยู่ในการเมือง ก็ประมาทนักการเมืองมากเกินไป   ซึ่งหากจะเกิดพรรคทหารขึ้นใหม่เขาก็อาจจะเอาประสบการณ์ที่เรียนรู้จากในอดีตแล้วมาปรับปรุงในการทำพรรคให้เกิดความรอบครอบมากขึ้น  

ส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มสีต่างๆหรือไม่ นายสมชัย   เห็นว่าจะที่ดูความเห็นในโซเชียลมีเดีย   อารมณ์ของคนในสังคมยังมีความรู้สึกตรงนี้อยู่   เพียงแต่ในแง่ของการปะทะกันโดยตรง 2 ซีก ยังไม่มี  เพราะเป้ากลายเป็น คสช.    แต่ในอนาคตต้องดูว่า คสช.จะยังเป็นเป้าหรือไม่    หาก คสช.ไม่ใช่เป้า สองฝ่ายก็อาจจะกลับมาตีกันก็ได้.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

Vietnam's Halong Bay boat disaster

พายุ “วิภา” ทำเรือท่องเที่ยวล่มในเวียดนาม

ฮานอย 20 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองหรือฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน และยังไม่พบตัวอีก 5 คน หนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามรายงานว่า เรือท่องเที่ยวชื่อวันเดอร์ซี (Wonder Sea) พลิกคว่ำในอ่าวฮาลองเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย เป็นช่วงที่พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) เคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้เข้าใกล้เวียดนาม มีรายงานกระแสลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุบนเรือมีชาวเวียดนามทั้งหมด 53 คน เป็นลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวฮาลองไปทางตะวันตกราว 165 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ 10 คน และพบศพใกล้จุดที่เรืออับปาง โดยพบศพเด็กแล้ว 8 คน และยังคงค้นหาผู้สูญหายอยู่ 5 คน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภารกิจค้นหาและกู้ภัย นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิงห์ […]