เตรียมพร้อมเกษตรกรโคนมไทยรับมือการค้าเสรี

เชียงใหม่ 24 ธ.ค. – พาณิชย์จับมือเกษตรลงพื้นที่เชียงใหม่ เตรียมความพร้อมเกษตรกรโคนมไทย รับมือค้าเสรีเอฟทีเอ-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มองไกลขยายตลาดนมไทยไปจีน และ CLMV



นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21-22 ธันวาคมกรมฯ ร่วมกับกรมปศุสัตว์และชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ประชุมหารือกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมเขตภาคเหนือ เรื่องการเปิดเสรีเอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ที่ไทยต้องลดภาษีนำเข้าสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมเป็นศูนย์ในปี 2564 และปี 2568


สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้เยี่ยมฟาร์มและประชุมหารือกับเกษตรกร สหกรณ์โคนมและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลเรื่องเอฟทีเอ รับฟังความเห็นและความต้องการของเกษตรกร ทำให้เห็นว่าเกษตรกรผู้ผลิตโคนมในภาคเหนือมีศักยภาพและน่าจะสามารถพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศและอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้โคนมที่เลี้ยงผลิตน้ำนมที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม เกษตรกรต้องการวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม จึงเห็นว่าหากกรมปศุสัตว์เข้ามาช่วยพัฒนาเกษตรกรไทยในเรื่องการลดต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ พัฒนาสายพันธุ์และโภชนาการอาหารสัตว์ การบริหารจัดการฟาร์ม การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ช่วยเรื่องการสร้างแบรนด์และขยายตลาดสินค้านมไทยไปต่างประเทศ เช่น เมียนมาร์ จีน กัมพูชา ซึ่งมีความต้องการนมคุณภาพน่าจะช่วยเสริมสร้างขีดความสามารถของสินค้านมไทยให้แข่งขันในยุคการค้าเสรีได้ 

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ความตกลงเอฟทีไทย-ออสเตรเลีย และไทย-นิวซีแลนด์ ถือเป็นความตกลงเอฟทีเอลำดับต้น ๆ ของไทยที่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2548 ปัจจุบันออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ลดภาษีสินค้าทุกรายการให้กับไทยเหลือศูนย์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ส่วนไทยลดภาษีสินค้าเกือบทั้งหมดให้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เหลือศูนย์เช่นกัน แต่ยังคงเหลือสินค้าเกษตรบางรายการ รวมถึงสินค้านมและผลิตภัณฑ์นมที่ไทยยังใช้มาตรการโควตาภาษีและมาตรการปกป้องพิเศษ เพื่อให้ภาคการผลิตและอุตสาหกรรมโคนมของไทยมีเวลาปรับตัว ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์นมไทยที่เปิดตลาดลดภาษีเหลือศูนย์ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 คือ นมและครีมข้นไม่หวาน และบัตเตอร์มิลล์ แต่ยังคงเหลือสินค้าที่ไทยจะต้องทยอยเปิดตลาดให้กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ได้แก่ สินค้านมผงที่มีไขมันเกิน 1.5% (ไม่ใช้เลี้ยงทารก) ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม หางนม (เวย์) เนย ไขมันเนย (AMF) และกลุ่มสินค้าเนยแข็ง จะต้องไม่มีการจำกัดโควตาและลดภาษีเป็นศูนย์ในปี 2564 และสินค้านมและครีม เครื่องดื่มประเภทนมปรุงแต่ง นมผงขาดมันเนย ที่จะต้องไม่มีโควตาและลดภาษีเป็นศูนย์ปี 2568 


ทั้งนี้ ไทยส่งออกสินค้านมและผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น นมปรุงแต่งยูเอชที โยเกิร์ตและนมข้นหวาน โดยปี 2559 มีมูลค่าส่งออก 1,263.50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยละ 50 ของการส่งออกไปตลาดสำคัญ เช่น กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม และเมียนมาร์ (CLMV) ที่เหลือไปฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และจีน ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ทำให้เห็นโอกาสที่จะขยายการส่งออกนมและผลิตภัณฑ์นมของไทยในต่างประเทศ ซึ่งภายใต้เอฟทีเออาเซียน-จีน จีนลดภาษีสินค้านมและผลิตภัณฑ์ให้ไทยเป็นศูนย์แล้ว และภายใต้เอฟทีเออาเซียน กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมาร์ ก็จะต้องลดภาษีนมและผลิตภัณฑ์นมให้ไทยเป็นศูนย์ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง