กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – กรมการค้าภายใน (DIT) เดินหน้ารณรงค์สร้างการรับรู้และผลักดันการบริโภค “เนื้อโคไทย” เปิดเวทีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจในรูปแบบ Pitching ภายใต้แนวคิด “รักแรก รสเนื้อไทย” ชวนคนไทยลิ้มลองรสชาติเนื้อคุณภาพจากเกษตรกรไทย หวังลดพึ่งพาเนื้อนำเข้าและสร้างรายได้ยั่งยืนให้ภาคเกษตร
นางสาวญาณี ศรีมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจแบบนำเสนอจุดขาย (Pitching) ณ สยามเจริญนครคาเฟ่ ระบุว่า กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนรณรงค์บริโภคเนื้อโคไทย เพื่อยกระดับภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคเห็นถึงคุณภาพของเนื้อโคไทยซึ่งมีศักยภาพทัดเทียมเนื้อนำเข้า
“วันนี้เป็นไฮไลต์สำคัญ เพราะเราเปิดโอกาสให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโคเนื้อทั้ง 8 กลุ่ม มานำเสนอจุดเด่นของเนื้อคุณภาพต่อผู้ซื้อชั้นนำทั้ง 9 กลุ่ม เช่น ร้านจำหน่ายเนื้อ โรงแรม ภัตตาคาร ห้างค้าปลีก และสายการบิน ถือเป็นการสร้างเครือข่ายธุรกิจและเพิ่มโอกาสนำเนื้อไทยเข้าสู่ช่องทางตลาดคุณภาพ” รองอธิบดีฯ กล่าว


ปัจจุบันประเทศไทยมีโคเนื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ กว่า 1 ล้านตัวทั่วประเทศ การผลักดันให้เนื้อไทยเข้าสู่ตลาดระดับบนผ่านความร่วมมือระหว่างเกษตรกรและผู้ประกอบการจะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการสร้างการรับรู้ รสชาติ เอกลักษณ์ และมูลค่าเพิ่มของเนื้อโคไทย
ด้านนายอรรควัฒน์ วิริยะขจรเกียรติ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้เลี้ยงโคเนื้อลำตะคอง (NVK Beef) กล่าวขอบคุณกรมการค้าภายในที่เปิดเวทีให้เกษตรกรได้พบปะและเจรจาโดยตรงกับผู้ซื้อ
“เนื้อไทยของเรามีลักษณะเฉพาะ ทั้งเรื่องรสชาติที่เข้ม กลิ่นหอม รสสัมผัสแน่นนุ่ม เพราะเลี้ยงด้วยธัญพืชและใส่ใจในกระบวนการ เราไม่ด้อยกว่าเนื้อนอก ขอแค่ผู้บริโภคเปิดใจลองเพียงครั้งเดียว แล้วจะติดใจในรสชาติของเนื้อไทยแน่นอน” นายอรรควัฒน์ กล่าว
กรมการค้าภายในยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภคต่อเนื่อง ผ่านงานจำหน่ายเนื้อโคไทย ระหว่างวันที่ 14 ส.ค. – 14 ก.ย.68 ณ เซ็นทรัลพระราม 3, พระราม 9, ปิ่นเกล้า และ Food Truck หน้าตึกแดงบางซื่อ โดยมีสินค้าหลากหลาย อาทิ เนื้อแดดเดียว เนื้อเสียบไม้ สเต็ก และสินค้าแช่แข็งจากเกษตรกรโดยตรง
นางสาวญาณี กล่าวเพิ่มเติมว่า การบริโภคเนื้อไทยเป็นทางเลือกที่ดีของผู้บริโภคที่ต้องการเนื้อสดใหม่ คุณภาพดี และมีเอกลักษณ์เฉพาะในราคาที่เหมาะสม พร้อมเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและร้านอาหารหันมาใช้เนื้อโคไทยมากขึ้น
“การเปิดใจบริโภคเนื้อไทย ไม่เพียงช่วยลดการนำเข้า แต่ยังสร้างรายได้แก่เกษตรกร สร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน และเป็นการยกระดับเนื้อโคไทยให้พร้อมแข่งขันในระดับสากลได้” รองอธิบดีกล่าวสรุป. -512 – สำนักข่าวไทย