กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. – ของขวัญปีใหม่ ก.พลังงานร่วม ปตท.แจกข้าวในปั๊มน้ำมัน 0.5 กก./การเติมน้ำมัน 1 ครั้ง เริ่ม 1 ม.ค. คาดสร้างรายได้ชาวนา 2,275 บาท/ราย ส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้จะเกิดขึ้นหรือไม่ รอสรุปภายใน 31 มี.ค.61 ยืนยันไม่ถอดใจเรื่องถ่านหิน ส่วนประมูล “บงกช-เอราวัณ” ย้ำผู้ประมูลต้องกำหนดราคาพื้นฐานในเกณฑ์ราคาปัจจุบัน เน้นย้ำค่าไฟฟ้าพีดีพีใหม่ต้องต่ำที่สุด
นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แถลงข่าวประจำสัปดาห์เน้นย้ำว่าจะเร่งเปิดประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณ โดยล่าสุดกำหนดหลักเกณฑ์สำคัญ คือ ผู้ชนะประมูลจะต้องผลิตรวมจาก 2 แหล่ง 1,500 ล้านลูกบาศ์กฟุตต่อวัน อย่างน้อย 10 ปี จากปัจจุบันผลิต 2,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน บนพื้นฐานราคาปัจจุบัน ส่วนรายละเอียดจะมีความชัดเจนกลางเดือนหน้า
ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้าใหม่ในภาคใต้กำลังเร่งตัดสินใจโดยต้องยอมรับว่ากำลังผลิตในภาคใต้กับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่โตร้อยละ 3.4 ส่วนใหญ่เกิดจากการท่องเที่ยวนั้น มีความสุ่มเสี่ยงไฟฟ้าขาดแคลน เพราะโรงไฟฟ้าหลักมี 2 แห่งเท่านั้น คือ จะนะและขนอมที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิง มีกำลังผลิตรวม 2,406 เมกะวัตต์ เพียงร้อยละ 70 ของความต้องสูงสุด ที่ปีนี้อยู่ที่ที่ 2,624 เมกะวัตต์ ดังนั้น กระทรวงพลังงานจะเร่งสรุปว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าหลักเชื้อเพลิงอะไร กำลังผลิตเท่าใด โดยยืนยันว่าไม่ใช่ถอดใจเรื่องเชื้อเพลิงถ่านหินแต่อย่างใด
“โรงไฟฟ้าใหม่ในภาคใต้ ต้องดูว่าป้องกันไม่ให้สุ่มเสี่ยง แต่จะใช้เชื้อเพลิงใด สังคมต้องตัดสินร่วมกันบนพื้นฐานค่าไฟฟ้าที่ไม่แพงและมั่นคง จะเปลี่ยนจากถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงอื่น ๆ หรือไม่ ก็ต้องมาดูร่วมกัน ซึ่งทั้งหมดจะชัดเจนในการปรับปรุงแผนพัฒนากำลังไฟฟ้า (พีดีพี) ฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้เสร็จสิ้นวันที่ 31 มีนาคม 2561” รมว.พลังงาน กล่าว
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า ในส่วนตัวแล้วค่าไฟฟ้าสำหรับแผนพีดีพีฉบับใหม่ควรจะถูกกว่าแผนปัจจุบันที่ คาดว่าปลายปี 2579 ค่าไฟฟ้าจะสูงกว่า 5 บาทต่อหน่วย หากแพงระดับนี้เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ โดยค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปัจจุบันอยู่ที่ 3.80 บาทต่อหน่วย ส่วนเชื้อเพลิงนั้นก็มีทางเลือกหลากหลายพิจารณาถึงถ่านหิน พลังงานทดแทนและในส่วนของก๊าซแอลเอ็นจี ก็ต้องยอมรับว่ามีกำลังผลิตมากขึ้นคาดใน 5-10 ปีข้างหน้าจะมีกำลังผลิตถึง 500 ล้านตันต่อปี จากปี 2560 มีกำลังผลิตและการใช้ประมาณ 200-250 ล้านตันต่อปี ขณะที่ราคาแอลเอ็นจีเฉลี่ยนั้นจะทรงตัว ทั้งนี้ การใช้ไฟฟ้าของประเทศอยู่ที่ประมาณ 190,000 ล้านหน่วยต่อปี ดังนั้น หากค่าไฟฟ้าปรับขึ้น 1 สตางค์ ก็จะมีต้นทุนเพิ่มประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น ก็ต้องพิจารณาไม่ให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าขยับขึ้น
ส่วนของขวัญปีใหม่ กระทรวงพลังงานโดย ปตท.จะแจกข้าววันที่ 1 มกราคม 2561 สำหรับผู้ที่เข้ามาเติมน้ำมันที่สถานีบริการ ปตท. 1,500 แห่งทั่วประเทศ ชนิดใดก็ได้ จำนวนเท่าใดก็ได้ จะได้รับข้าวใหม่ 1 ถุง หนัก 0.5 กก. รวม 2 ล้านถุง หรือ 1 ล้าน กก. โดยเน้นย้ำการรับซื้อจากชาวนาในพื้นที่ ดังนั้น ชาวนารายใด อยู่ติดปั๊ม ปตท.จุดใด ก็ให้ติดต่อกับปั๊มนั้น โดย ปตท.ตั้งราคาซื้อ 35 บาทต่อ กก. ซึ่งคาดว่าจะซื้อจากชาวนาเฉลี่ยคนละ 65 กก. ดังนั้น จึงคาดว่าโครงการนี้จะสร้างรายได้แก่เกษตรกร 2,275 บาทต่อราย
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน ปตท. กล่าวว่า โครงการนี้คาดว่าจะซื้อจากชาวนาประมาณ 10 รายต่อปั๊ม จำนวน 650 กก.ต่อปั๊ม คาดว่าจะช่วยเหลือชาวนาได้ 15,000 ราย โดยจะแจกจนกว่าจะหมด ซึ่งหากคำนวณ 35 บาทต่อ กก. จำนวน 1 ล้าน กก. ก็จะเป็นเงินช่วยเหลือ ไม่ต่ำกว่า 35 ล้านบาท โดย ปตท.จะสรุปการจัดซื้อของแต่สถานี โดยมีรายชื่อเกษตรกรและจำนวนเงินชัดเจนส่งให้กระทรวงพลังงาน เพื่อเป็นการตรวจสอบว่าครบตามจำนวนกำหนด 1 ล้านกิโลกรัมและเงินทั้งหมดถึงมือเกษตรกรจริง โดยจะเปิดโครงการรับซื้อและบรรจุข้าวที่ปั๊มน้ำมันที่จังหวัดสุพรรณบุรี วันที 24 ธันวาคมนี้ โดยข้าวที่สุพรรณบุรีจะเป็นจุดที่นำมาแจกจ่ายในปั๊มพื้นที่ กทม.และปริมณฑล
นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า หากไม่มีโรงไฟฟ้าหลักเกิดขึ้นในปี 2563 คาดว่าภาคใต้จะมีความสุ่มเสี่ยงมากขึ้น ขณะนี้โครงการสายส่งจากภาคกลางไปภาคใต้ 500 เควี ในขณะนี้มีความล่าช้าไป 1 ปีจะเสร็จในปี 2564 ดังนั้น ในช่วงดังกล่าวจะต้องหาทางประคองสถานการณ์ โดยกระทรวงพลังงานจะร่วมกันรณรงค์ประหยัดพลังงาน ในทุกภาคส่วน รวมทั้งใช้แผน DEMAND RESPONCE ในการดำเนินการ ทั้งนี้ ในปัจจุบันในภาคใต้ จังหวัดที่ใช้ไฟฟ้ามากที่สุด 6 จังหวัด ได้แก่ สงขลา 538 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 20 สุราษฏร์ธานี 443 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 17 ภูเก็ต 141 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 16 นครศรีธรรมราช 314 เมกะวัตต์ หรือ ร้อยละ12 จ.ตรัง 137 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 5 และกระบี่ 134 เมกะวัตต์ หรือร้อยละ 5.- สำนักข่าวไทย