กรุงเทพฯ 22 ธ.ค. – อัยการจ่อตั้งคณะทำงานสั่งคดี “สับ วาปี-ภรรยา” ลุ้นสั่งคดีได้ทันฝากขังครั้งที่สาม 30 ธ.ค. นี้ หลัง ตร.นครพนม สรุปสำนวนฟ้อง 5 ข้อหาร่วมขบวนการรับผิดแทนครูจอมทรัพย์
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยภายหลังพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้สรุปสำนวนคดีของนายสับ วาปี อายุ 61 ปี และนางจัน วาปี อายุ 59 ปี สองสามีภรรยา ส่งให้อัยการพิจารณาสั่งคดีที่ร่วมกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูใน จ.สกลนคร ในขบวนการจัดหาพยานเท็จเพื่อรับผิดแทนว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (22 ธ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้ส่งสำนวนที่สรุปความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายสับและนางจัน ผู้ต้องหาที่ 1-2 ว่าร่วมกันกับนางจอมทรัพย์และพวก ซึ่งแยกสำนวนการสอบสวน คือร่วมกันเป็นซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210, ร่วมกันแจ้งเจ้าพนักงานให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ มาตรา 267, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จกับเจ้าพนักงาน มาตรา 137, ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา มาตรา 172 และเบิกความเท็จ มาตรา 177 รวม 5 ข้อหา ให้กับพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดนครพนม เพื่อพิจารณาสั่งคดีแล้ว
โดยในส่วนของนายสับและนางจัน พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องทั้ง 5 ข้อหา ซึ่งขณะนี้ทั้งสองอยู่ระหว่างการฝากขังครั้งที่ 3 ที่จะครบกำหนดในวันที่ 30 ธ.ค. นี้ ทั้งนี้ หากอัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่ามีความสมบูรณ์ครบถ้วน ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องสั่งสอบสวนพยานส่วนใดเพิ่มเติมอีก คาดว่าภายในวันที่ 30 ธ.ค. นี้ อัยการจะมีความเห็นสั่งคดีได้
อย่างไรก็ดี ในความผิดที่มีการกล่าวหานี้ ตามกระบวนการสามารถยื่นฝากขังผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 4 ครั้ง ครั้งละ 12 วัน ดังนั้น ถ้าพิจารณาแล้วต้องสอบสวนเพิ่มเติมก็ยังมีเวลาอยู่ในช่วงของการฝากขังครั้งที่ 4
นายประยุทธ ระบุอีกว่า เรื่องนี้ถือเป็นคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนั้นตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 13 และ 53 ก็จะต้องตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวนและสั่งคดี หากมีความเห็นสั่งฟ้องทุกข้อหา พนักงานอัยการก็สามารถยื่นฟ้องผู้ต้องหาได้เลย โดยจะต้องรายงานอธิบดีอัยการภาค 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาตามสายงานให้ทราบด้วย แต่หากมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องข้อหาใดข้อหาหนึ่งตามขั้นตอนในระเบียบดังกล่าว ก็จะต้องเสนอให้อธิบดีอัยการภาค 4 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเป็นผู้สั่งคดี ส่วนนางจอมทรัพย์และพวกที่เกี่ยวข้องนั้น ขณะนี้ทราบว่ายังอยู่ระหว่างขั้นตอนดำเนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม.-สำนักข่าวไทย