กองบัญชาการกองทัพไทย 15 ธ.ค.- ผลสอบ “น้องเมย” ไม่ได้เสียชีวิตด้วยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่เกิดจากหัวใจล้มเหลว พบก่อนเสียชีวิตตกบันได มีการเจ็บหน้าอกบ่อย ๆ เผยซี่โครงหักเพราะทำซีพีอาร์ช่วยชีวิต 4 ชั่วโมง ตามที่ผู้ปกครองร้องขอ ย้ำไม่เชิญผู้ปกครองฟังแถลงผลสอบเพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ไม่หวั่นหากผลสอบแย้งกับหน่วยงานอื่น
เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย แถลงสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ตามที่ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ 11 คน ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นตท.ภัคพงศ์ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้ นตท.ภัคพงศ์เสียชีวิต จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลาจำนวน 42 คน มาให้ปากคำ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม
คือ 1.นักเรียนเตรียมทหาร 22 คน ประกอบด้วย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 3 จำนวน 13 คน และนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 จำนวน 9 คน 2.แพทย์ 5 คน ประกอบด้วย แพทย์จากกองแพทย์ทหาร โรงเรียนเตรียมทหาร จำนวน 3 คน แพทย์โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 1 คน และแพทย์ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า 1 คน 3. ผู้ที่อยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร จำนวน 7 คน ประกอบด้วย นายทหารปกครอง 4 คน อาจารย์ประจำชั้น 1 คน และครูพละ 2 คน 4.ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จำนวน 8 คน ประกอบด้วย ผู้ช่วยนายทหารยกกระบัตร 1 คน พลขับรถพยาบาล 2 คน เวรประจำวันกองแพทย์ 3 คน พนักงานบริการและเจ้าหน้าที่โรงเรียน 2 คน
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้สอบถามข้อเท็จจริงในทุกเหตุการณ์อย่างละเอียด ผู้ให้ปากคำทุกรายมีความสมัครใจและทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบทางราชการ เหตุการณ์ที่ 1 คือวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่ นตท.ภัคพงศ์เสียชีวิต พบว่าในวันดังกล่าว นตท.ภัคพงศ์พักรักษาตัวอยู่ที่กองแพทย์โรงเรียนเตรียมทหาร มีเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารที่ป่วยพักฟื้นร่วมที่กองแพทย์ 7 คน โดยในเวลา 09.15 น. วันที่ 17 ตุลาคม 2560 นตท.ภัคพงศ์ได้เดินออกจากกองแพทย์พร้อมเพื่อนไปเอาของใช้ส่วนตัวที่อาคารกองพันที่ 2 จากภาพกล้องวงจรปิดที่อาคารกองพันพบว่า นตท.ภัคพงศ์แต่งกายชุดฝึกมือถือตะกร้าผ้า ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันฝึกวิชาทหารของนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 โดยขากลับมากองแพทย์ นตท.ภัคพงศ์เดินกลับมาคนเดียวเพราะเพื่อนกลับมาก่อน
จากนั้นเวลา 10.23 น. มีนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เดินออกจากกองแพทย์พบเห็นนตท.ภัคพงศ์กำลังวิ่งช้าๆ สวนทางกลับมากองแพทย์แล้วเป็นลมล้มลงคล้ายกับมีอาการ Hyperventilation (HV) ซึ่งนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 คนดังกล่าวทราบดี เพราะเคยเป็นมาก่อน จึงไปตามเจ้าหน้าที่กองแพทย์มาพาไปรักษาพยาบาลที่กองแพทย์ จนอาการกลับเป็นปกติและรักษาตัวอยู่ที่กองแพทย์ ในเวลา 12.00 น. จากการสอบถามเพื่อนที่ป่วยอยู่ด้วยกันระบุว่า นตท.ภัคพงศ์ไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารกองแพทย์ได้ตามปกติ ในเวลา 12.40 น. ทางผู้บังคับกองพันที่ 2 เดินทางมาสอบถามอาการ และต่อโทรศัพท์ของตนเองให้ นตท.ภัคพงศ์พูดคุยกับมารดา
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า ต่อมาเวลา 15.13 น. นตท.ภัคพงศ์ได้พูดคุยกับผู้ปกครองโดยใช้โทรศัพท์สาธารณะ จากภาพวงจรปิดพบว่าเมื่อโทรศัพท์เสร็จแล้วได้เดินกลับเข้าห้องพักฟื้นที่กองแพทย์ โดยมือขวากุมที่อกด้านซ้าย เป็นที่น่าสังเกตุว่าหลังเวลา 14.58 น. นตท.ภัคพงศ์มีลักษณะการเดินใช้มือขวากุมอกด้านซ้ายอยู่บ่อยครั้ง จากนั้นเวลา 16.00 น. นตท.ภัคพงศ์ได้พูดคุยปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท 2 คน ว่ามีอาการเครียดสูง ต่อมาเจ้าหน้าที่กองแพทย์ที่มีความคุ้นเคยกับ นตท.ภัคพงศ์และผู้ปกครองได้เข้ามาห้องพักฟื้นเพื่อนำโทรศัพท์มือถือมาให้ นตท.ภัคพงศ์ ใช้ติดต่อกลับหาบิดา เนื่องจากบิดาโทรหาเจ้าหน้าที่กองแพทย์คนดังกล่าวและวานให้นำโทรศัพท์มือถือมาให้ นตท.ภัคพงศ์
ซึ่งก่อนที่จะรับโทรศัพท์มือถือ นตท.ภัคพงศ์ได้เซและล้มลง มีอาการเกร็งลักษณะ HV ที่มีอาการรุนแรง เพราะเกร็ง หายใจแรงและถี่ พร้อมกับพ่นน้ำลายออกมาเป็นระยะต่อหน้าเพื่อน 4 คน มีการตามแพทย์มารักษา เห็นว่าอาการไม่ดีขึ้นจึงนำส่งโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เวลา 16.30 น. รถโรงพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แพทย์ได้ทำการปั้มหัวใจ นตท.ภัคพงศ์ แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางแพทย์จึงได้แจ้งผู้ปกครองทราบ ซึ่งผู้ปกครองขอให้แพทย์ปั้มหัวใจต่อเนื่องจนกว่าผู้ปกครองจะมาถึงโรงพยาบาลฯ โดยผู้ปกครองมาถึงในเวลา 19.30 น. รวมเวลา 4 ชั่วโมง ใช้เจ้าหน้าที่หมุนเวียนประมาณ 20 คน
ต่อมา 20.00 น. แพทย์จึงลงความเห็นว่าเสียชีวิต พร้อมกับดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ปกครองได้ให้ความเห็นชอบในการชันสูตรโดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนเตรียมทหารนำศพส่งสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โดยศพของ นตท.ภคพงศ์ ถึงสถาบันพยาธิวิทยาเวลา 01.00น. วันที่ 18 ตุลาคม 2560 จากนั้นเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางการแพทย์ในการชันสูตรหาสาเหตุตายที่แท้จริง
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวผลการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องและภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันของวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ นตท.ภคพงศ์เสียชีวิตได้ถูกผู้หนึ่งผู้ใดลงโทษหรือถูกทำร้ายร่างกาย โดยมีพยานให้ข้อมูลตรงกันว่าตลอดทั้งวัน เว้นช่วงเป็นลมบริเวณทางขึ้นกองแพทย์โดยเฉพาะในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ตุลาคม 2560 นตท.ภัคพงศ์สามารถพูดและเดินได้ปกติดีทุกอย่าง เว้นแต่มีอาการเครียดสูงภายหลังจากโทรศัพท์พูดคุยกับทางผู้ปกครองและได้หมดสติไปเอง ต่อหน้าพยานซึ่งล้วนเป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 รุ่นเดียวกัน จึงเชื่อได้ว่าในวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดลงโทษหรือทำร้ายร่างกาย นตท.ภัคพงศ์จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ 2 จากการเล่าถึงเรื่องพบรอยฟกช้ำตามร่างกายจากการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและการฟกช้ำ ได้ความว่าในวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 15.51 น. นตท.ภคพงศ์เสร็จจากการเรียนพละศึกษาที่ชั้น 2 อาคารกองพลศึกษา ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้เห็นภาพ นตท.ภคพงศ์วิ่งผ่านไปลงบันไดเพียงลำพัง หลังจากเลิกเรียนเพื่อกลับไปที่กองพัน แต่ได้ลื่นเสียหลักจากพื้นอาคารชั้น 2 ตกมายังชานพักบันได ซึ่งมีบันได 8 ชั้น มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร
เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่ตามมาได้ยินเสียงจึงเข้าช่วยเหลือ ขณะเดียวกันมีครูพละ 2 คนซึ่งอยู่ชั้นล่างได้เดินขึ้นมาดู และพบว่า นตท.ภคพงศ์นอนตะแคงด้านซ้ายมือกุมหน้าอกเพื่อนและครูพละจึงร่วมให้การช่วยเหลือ โดยตรวจการบาดเจ็บและสอบถามอาการ นตท.ภคพงศ์ ซึ่งได้ตอบว่ามีอาการจุกบริเวณหน้าอก ครูพละและเพื่อนนักเรียนจึงใช้รถส่วนตัวของครูพาไปส่งที่กองแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ทางแพทย์ตรวจร่างกายภายนอกไม่พบบาดแผลและได้นำส่งโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อตรวจหาอาการบาดเจ็บโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งผลการตรวจไม่พบบาดแผลภายนอก เมื่อทำการเอ็กซเรย์ไม่พบว่ามีการบาดเจ็บภายใน จึงให้กลับมาที่พักกองแพทย์ และในวันที่ 12 ตุลาคม 2560 นตท.ภคพงศ์ออกจากโรงเรียนกลับมาพักที่บ้านและทราบจากสื่อมวลชนว่าผู้ปกครองก็ได้นำไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยผลการตรวจไม่มีสิ่งผิดปกติและได้กลับเข้าโรงเรียนในเย็นวันที่ 15 ตุลาคม 2560
พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า ในเหตุการณ์นี้ ข้อมูลที่ได้จากผู้เกี่ยวข้องและภาพจากกล้องวงจรปิดพบ ว่านตท.ภคพงศ์ลื่นหล่นบันไดด้วยตนเอง สาเหตุเพราะเร่งรีบลงบันไดกลับกองพัน ทำให้มีอาการบาดเจ็บ ตรวจไม่พบบาดแผลบริเวณร่างกายหรือศีรษะ มีการตรวจเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลตอมเกล้าและโรงพยาบาลภายนอกโดยผลการตรวจปกติ
“จากทั้ง 2 เหตุการณ์คณะกรรมการฯ จึงสรุปได้ว่าการเสียชีวิตของ นตท.ภัคพงศ์ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายร่างกายอันจะเป็นเหตุให้เสียชีวิต และจากผลการตรวจของสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้าฯ สรุปผลในภาพรวมได้ว่าไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนว่าถูกทำร้าย ส่วนกรณีซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 4หักนั้น แพทย์ไม่ตัดประเด็นการปั้มหัวใจที่ต้องใช้แรงกดคลึงกระแทกและใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง ประกอบกับได้พบว่าเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนมีขนาดผิดปกติ และพบหย่อมการตายของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเล็กน้อย ซึ่งไม่ค่อยตรวจพบบ่อยนักในคนอายุ 18 ปี ทางแพทย์จึงสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ว่าเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าว
พล.อ.อ.ชวรัตน์ ยังชี้แจงด้วยว่า สรุปว่า เป็นโรคหัวใจมาก่อนหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะ หากเป็นมาก่อนแต่มาตรวจพบก็ไม่น่าจะผ่านเข้ามาเรียนได้ รวมทั้งหากพบในช่วงที่เป็น นตท. ก็ต้องพ้นสภาพ ทั้งนี้โรคหัวใจสามารถเป็นได้ แม้แต่นักกีฬาที่แข็งแรง รวมทั้งที่ทราบว่ามีการตรวจรักษาก่อนหน้าที่จะเข้าเรียนเตรียมทหารหรือไม่ ส่วนประเด็นที่พูดคุยกับผู้ปกครองจนเกิดความเคลียดนั้น ทางคณะกรรมการไม่ทราบหัวข้อการสนทนา ทราบจากเพื่อนว่าคุยแล้วเครียด
ส่วนประเด็นพื้นที่ห้ามเดินผ่าน ที่มีในบันทึกของ นตท.ภคพงศ์ พล.อ.ชวรัตน์ ชี้แจงว่า เรื่องพื้นที่ห้ามเดินผ่านมีทุกสถาบัน ที่จำกัดขอบเขตให้รู้ถึงสิทธิของตัวเอง การเคารพสิทธิ์ เคารพกติกา ความรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งการถูกซ่อม นตท. ภคพงศ์ เกิดจากในวันที่ 16 ตุลา 2560 นักเรียนทั้งกองร้อยเดินแถวไม่เรียบร้อย จึงได้มีการลงโทษให้วิ่งรอบโรงอาหาร แต่ นตท.ภคพงศ์ และเพื่อนวิ่งตัดท้ายแถว จึงถูกให้กระโดดกบ 20 เมตร และให้ทำการขอบคุณนักเรียนผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นประเพณีของนักเรียนเตรียมทหารที่จะต้องขอบคุณหลังจากถูกลงโทษ
แต่นตท.ภคพงศ์ ไม่พอใจ นักเรียน ผู้บังคับบัญชาจึงให้พุ่งหลัง ซึ่งเมื่อได้ทำไม่เกิน 2 นาที จึงฟลุ๊ค หายใจถี่ และมือจีบ จึงได้ส่งโรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการสั่งลงโทษให้พุ่งหลัง ไม่น่าเกิดการปฏิบัติที่เกินกำลัง ประกอบกับในโรงเรียนเตรียมทหารมีป้ายแปะไว้ให้เห็นชัดเจนถึงท่าที่กำหนดให้ใช้ลงโทษได้ ซึ่งไม่รวมถึงท่าปักหัว ซึ่งเป็นท่าห้ามในการใช้ลงโทษ
เมื่อถามว่า สาเหตุที่ไม่เชิญครอบครัวของ นตท.ภคพงศ์ มาร่วมรับฟังการแถลงพร้อมสื่อมวลชน พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง จึงไม่ต้องการตอบโต้กันไป-มา แต่ที่ได้แถลงมาทั้งหมดจะมีการแจ้งให้กับผู้ปกครองได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนของคณะไปแย้งกับผลการตรวจสอบของหน่วยงานอื่น ๆ ก็เป็นการตรวจสอบของหน่วยงานนั้น ๆ
เมื่อถามว่าหากญาติไม่เชื่อว่าสมอง หัวใจ และดีเอ็นเอ เป็นของนตท.ภคพงศ์ พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นคนเก็บรักษา ต้องไปสอบถามสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เอง ไม่เกี่ยวกับกองทัพไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการแถลงผลการสอบสวนวันนี้ ใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมง พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถามอย่างละเอียด โดยมีสื่อจากทุกแขนงเข้ารับฟังการสอบสวน.-สำนักข่าวไทย