ผลสอบน้องเมย เสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลว

กองบัญชาการกองทัพไทย 15 ธ.ค.- ผลสอบ “น้องเมย”  ไม่ได้เสียชีวิตด้วยการถูกทำร้ายร่างกาย แต่เกิดจากหัวใจล้มเหลว พบก่อนเสียชีวิตตกบันได มีการเจ็บหน้าอกบ่อย ๆ เผยซี่โครงหักเพราะทำซีพีอาร์ช่วยชีวิต 4 ชั่วโมง ตามที่ผู้ปกครองร้องขอ  ย้ำไม่เชิญผู้ปกครองฟังแถลงผลสอบเพราะไม่ใช่คู่ขัดแย้ง ไม่หวั่นหากผลสอบแย้งกับหน่วยงานอื่น


เมื่อเวลา 11.00 น. พล.อ.อ.ชวรัตน์ มารุ่งเรือง รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในการเสียชีวิตของนักเรียนเตรียมทหาร ภัคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย แถลงสรุปผลการสอบสวนข้อเท็จจริงว่า ตามที่ พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ 11 คน  ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นตท.ภัคพงศ์ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต  เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้ นตท.ภัคพงศ์เสียชีวิต  จึงได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์แต่ละช่วงเวลาจำนวน 42 คน  มาให้ปากคำ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม

คือ 1.นักเรียนเตรียมทหาร 22 คน ประกอบด้วย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 3  จำนวน 13 คน  และนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 จำนวน 9 คน  2.แพทย์ 5 คน  ประกอบด้วย แพทย์จากกองแพทย์ทหาร โรงเรียนเตรียมทหาร จำนวน 3 คน  แพทย์โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 1 คน และแพทย์ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า 1 คน  3. ผู้ที่อยู่ในโรงเรียนเตรียมทหาร จำนวน 7 คน  ประกอบด้วย นายทหารปกครอง 4 คน  อาจารย์ประจำชั้น 1 คน  และครูพละ 2 คน    4.ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ จำนวน 8 คน ประกอบด้วย ผู้ช่วยนายทหารยกกระบัตร 1 คน  พลขับรถพยาบาล 2 คน  เวรประจำวันกองแพทย์ 3 คน  พนักงานบริการและเจ้าหน้าที่โรงเรียน 2 คน


พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้สอบถามข้อเท็จจริงในทุกเหตุการณ์อย่างละเอียด ผู้ให้ปากคำทุกรายมีความสมัครใจและทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบทางราชการ  เหตุการณ์ที่ 1  คือวันที่ 17 ตุลาคม 2560  ซึ่งเป็นวันที่ นตท.ภัคพงศ์เสียชีวิต  พบว่าในวันดังกล่าว นตท.ภัคพงศ์พักรักษาตัวอยู่ที่กองแพทย์โรงเรียนเตรียมทหาร  มีเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารที่ป่วยพักฟื้นร่วมที่กองแพทย์ 7 คน  โดยในเวลา 09.15 น. วันที่ 17 ตุลาคม  2560  นตท.ภัคพงศ์ได้เดินออกจากกองแพทย์พร้อมเพื่อนไปเอาของใช้ส่วนตัวที่อาคารกองพันที่ 2  จากภาพกล้องวงจรปิดที่อาคารกองพันพบว่า นตท.ภัคพงศ์แต่งกายชุดฝึกมือถือตะกร้าผ้า ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันฝึกวิชาทหารของนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1  โดยขากลับมากองแพทย์ นตท.ภัคพงศ์เดินกลับมาคนเดียวเพราะเพื่อนกลับมาก่อน  

จากนั้นเวลา 10.23 น.  มีนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เดินออกจากกองแพทย์พบเห็นนตท.ภัคพงศ์กำลังวิ่งช้าๆ สวนทางกลับมากองแพทย์แล้วเป็นลมล้มลงคล้ายกับมีอาการ Hyperventilation (HV) ซึ่งนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 คนดังกล่าวทราบดี เพราะเคยเป็นมาก่อน จึงไปตามเจ้าหน้าที่กองแพทย์มาพาไปรักษาพยาบาลที่กองแพทย์  จนอาการกลับเป็นปกติและรักษาตัวอยู่ที่กองแพทย์   ในเวลา 12.00 น. จากการสอบถามเพื่อนที่ป่วยอยู่ด้วยกันระบุว่า นตท.ภัคพงศ์ไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารกองแพทย์ได้ตามปกติ  ในเวลา 12.40 น.  ทางผู้บังคับกองพันที่ 2 เดินทางมาสอบถามอาการ และต่อโทรศัพท์ของตนเองให้ นตท.ภัคพงศ์พูดคุยกับมารดา

พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า  ต่อมาเวลา 15.13 น. นตท.ภัคพงศ์ได้พูดคุยกับผู้ปกครองโดยใช้โทรศัพท์สาธารณะ  จากภาพวงจรปิดพบว่าเมื่อโทรศัพท์เสร็จแล้วได้เดินกลับเข้าห้องพักฟื้นที่กองแพทย์  โดยมือขวากุมที่อกด้านซ้าย เป็นที่น่าสังเกตุว่าหลังเวลา 14.58 น.  นตท.ภัคพงศ์มีลักษณะการเดินใช้มือขวากุมอกด้านซ้ายอยู่บ่อยครั้ง  จากนั้นเวลา 16.00 น. นตท.ภัคพงศ์ได้พูดคุยปรับทุกข์กับเพื่อนสนิท  2 คน ว่ามีอาการเครียดสูง  ต่อมาเจ้าหน้าที่กองแพทย์ที่มีความคุ้นเคยกับ นตท.ภัคพงศ์และผู้ปกครองได้เข้ามาห้องพักฟื้นเพื่อนำโทรศัพท์มือถือมาให้ นตท.ภัคพงศ์ ใช้ติดต่อกลับหาบิดา  เนื่องจากบิดาโทรหาเจ้าหน้าที่กองแพทย์คนดังกล่าวและวานให้นำโทรศัพท์มือถือมาให้ นตท.ภัคพงศ์  


ซึ่งก่อนที่จะรับโทรศัพท์มือถือ นตท.ภัคพงศ์ได้เซและล้มลง  มีอาการเกร็งลักษณะ HV ที่มีอาการรุนแรง  เพราะเกร็ง หายใจแรงและถี่ พร้อมกับพ่นน้ำลายออกมาเป็นระยะต่อหน้าเพื่อน 4 คน มีการตามแพทย์มารักษา เห็นว่าอาการไม่ดีขึ้นจึงนำส่งโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า  เวลา 16.30 น.  รถโรงพยาบาลมาถึงโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า  แพทย์ได้ทำการปั้มหัวใจ นตท.ภัคพงศ์  แต่อาการไม่ดีขึ้น ทางแพทย์จึงได้แจ้งผู้ปกครองทราบ  ซึ่งผู้ปกครองขอให้แพทย์ปั้มหัวใจต่อเนื่องจนกว่าผู้ปกครองจะมาถึงโรงพยาบาลฯ  โดยผู้ปกครองมาถึงในเวลา 19.30 น.  รวมเวลา 4 ชั่วโมง ใช้เจ้าหน้าที่หมุนเวียนประมาณ 20 คน

ต่อมา 20.00 น. แพทย์จึงลงความเห็นว่าเสียชีวิต  พร้อมกับดำเนินการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้ปกครองได้ให้ความเห็นชอบในการชันสูตรโดยมอบหมายให้เจ้าหน้าที่โรงเรียนเตรียมทหารนำศพส่งสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า  โดยศพของ นตท.ภคพงศ์ ถึงสถาบันพยาธิวิทยาเวลา 01.00น. วันที่ 18 ตุลาคม 2560  จากนั้นเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนทางการแพทย์ในการชันสูตรหาสาเหตุตายที่แท้จริง

พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า จากการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวผลการสอบผู้ที่เกี่ยวข้องและภาพจากกล้องวงจรปิด  ไม่ปรากฏว่าตลอดทั้งวันของวันที่ 17 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่ นตท.ภคพงศ์เสียชีวิตได้ถูกผู้หนึ่งผู้ใดลงโทษหรือถูกทำร้ายร่างกาย  โดยมีพยานให้ข้อมูลตรงกันว่าตลอดทั้งวัน  เว้นช่วงเป็นลมบริเวณทางขึ้นกองแพทย์โดยเฉพาะในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ตุลาคม 2560  นตท.ภัคพงศ์สามารถพูดและเดินได้ปกติดีทุกอย่าง  เว้นแต่มีอาการเครียดสูงภายหลังจากโทรศัพท์พูดคุยกับทางผู้ปกครองและได้หมดสติไปเอง  ต่อหน้าพยานซึ่งล้วนเป็นเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 รุ่นเดียวกัน จึงเชื่อได้ว่าในวันที่ 17 ตุลาคม 2560  ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดลงโทษหรือทำร้ายร่างกาย นตท.ภัคพงศ์จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต  

พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า  เหตุการณ์ที่ 2 จากการเล่าถึงเรื่องพบรอยฟกช้ำตามร่างกายจากการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่อาจเกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บและการฟกช้ำ   ได้ความว่าในวันที่ 10 ตุลาคม 2560 เวลาประมาณ 15.51 น. นตท.ภคพงศ์เสร็จจากการเรียนพละศึกษาที่ชั้น 2 อาคารกองพลศึกษา  ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้เห็นภาพ นตท.ภคพงศ์วิ่งผ่านไปลงบันไดเพียงลำพัง  หลังจากเลิกเรียนเพื่อกลับไปที่กองพัน แต่ได้ลื่นเสียหลักจากพื้นอาคารชั้น 2  ตกมายังชานพักบันได ซึ่งมีบันได 8 ชั้น มีความสูงประมาณ 1.5 เมตร  

เพื่อนนักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ที่ตามมาได้ยินเสียงจึงเข้าช่วยเหลือ  ขณะเดียวกันมีครูพละ 2 คนซึ่งอยู่ชั้นล่างได้เดินขึ้นมาดู  และพบว่า นตท.ภคพงศ์นอนตะแคงด้านซ้ายมือกุมหน้าอกเพื่อนและครูพละจึงร่วมให้การช่วยเหลือ  โดยตรวจการบาดเจ็บและสอบถามอาการ นตท.ภคพงศ์ ซึ่งได้ตอบว่ามีอาการจุกบริเวณหน้าอก  ครูพละและเพื่อนนักเรียนจึงใช้รถส่วนตัวของครูพาไปส่งที่กองแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย  ทางแพทย์ตรวจร่างกายภายนอกไม่พบบาดแผลและได้นำส่งโรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า  เพื่อตรวจหาอาการบาดเจ็บโดยละเอียดอีกครั้ง  ซึ่งผลการตรวจไม่พบบาดแผลภายนอก  เมื่อทำการเอ็กซเรย์ไม่พบว่ามีการบาดเจ็บภายใน  จึงให้กลับมาที่พักกองแพทย์  และในวันที่ 12 ตุลาคม 2560  นตท.ภคพงศ์ออกจากโรงเรียนกลับมาพักที่บ้านและทราบจากสื่อมวลชนว่าผู้ปกครองก็ได้นำไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยผลการตรวจไม่มีสิ่งผิดปกติและได้กลับเข้าโรงเรียนในเย็นวันที่ 15 ตุลาคม 2560

พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า ในเหตุการณ์นี้  ข้อมูลที่ได้จากผู้เกี่ยวข้องและภาพจากกล้องวงจรปิดพบ  ว่านตท.ภคพงศ์ลื่นหล่นบันไดด้วยตนเอง  สาเหตุเพราะเร่งรีบลงบันไดกลับกองพัน  ทำให้มีอาการบาดเจ็บ ตรวจไม่พบบาดแผลบริเวณร่างกายหรือศีรษะ  มีการตรวจเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาลโรงเรียนนายร้อยพระจุลตอมเกล้าและโรงพยาบาลภายนอกโดยผลการตรวจปกติ  

“จากทั้ง 2 เหตุการณ์คณะกรรมการฯ จึงสรุปได้ว่าการเสียชีวิตของ นตท.ภัคพงศ์ ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดสั่งลงโทษหรือทำร้ายร่างกายอันจะเป็นเหตุให้เสียชีวิต และจากผลการตรวจของสถาบันพยาธิวิทยา ศูนย์อำนวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้าฯ  สรุปผลในภาพรวมได้ว่าไม่พบร่องรอยที่ชัดเจนว่าถูกทำร้าย  ส่วนกรณีซี่โครงด้านขวาซี่ที่ 4หักนั้น  แพทย์ไม่ตัดประเด็นการปั้มหัวใจที่ต้องใช้แรงกดคลึงกระแทกและใช้เวลานานถึง 4 ชั่วโมง  ประกอบกับได้พบว่าเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจบางส่วนมีขนาดผิดปกติ และพบหย่อมการตายของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจเล็กน้อย  ซึ่งไม่ค่อยตรวจพบบ่อยนักในคนอายุ 18 ปี  ทางแพทย์จึงสรุปสาเหตุการเสียชีวิตของ นตท.ภคพงศ์ว่าเกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน”พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าว

พล.อ.อ.ชวรัตน์  ยังชี้แจงด้วยว่า สรุปว่า เป็นโรคหัวใจมาก่อนหรือไม่ ไม่ทราบ เพราะ หากเป็นมาก่อนแต่มาตรวจพบก็ไม่น่าจะผ่านเข้ามาเรียนได้ รวมทั้งหากพบในช่วงที่เป็น นตท. ก็ต้องพ้นสภาพ  ทั้งนี้โรคหัวใจสามารถเป็นได้ แม้แต่นักกีฬาที่แข็งแรง  รวมทั้งที่ทราบว่ามีการตรวจรักษาก่อนหน้าที่จะเข้าเรียนเตรียมทหารหรือไม่  ส่วนประเด็นที่พูดคุยกับผู้ปกครองจนเกิดความเคลียดนั้น ทางคณะกรรมการไม่ทราบหัวข้อการสนทนา ทราบจากเพื่อนว่าคุยแล้วเครียด

ส่วนประเด็นพื้นที่ห้ามเดินผ่าน ที่มีในบันทึกของ  นตท.ภคพงศ์  พล.อ.ชวรัตน์ ชี้แจงว่า เรื่องพื้นที่ห้ามเดินผ่านมีทุกสถาบัน ที่จำกัดขอบเขตให้รู้ถึงสิทธิของตัวเอง  การเคารพสิทธิ์   เคารพกติกา ความรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง  ซึ่งการถูกซ่อม  นตท.  ภคพงศ์  เกิดจากในวันที่  16 ตุลา  2560  นักเรียนทั้งกองร้อยเดินแถวไม่เรียบร้อย จึงได้มีการลงโทษให้วิ่งรอบโรงอาหาร แต่ นตท.ภคพงศ์  และเพื่อนวิ่งตัดท้ายแถว จึงถูกให้กระโดดกบ  20 เมตร  และให้ทำการขอบคุณนักเรียนผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นประเพณีของนักเรียนเตรียมทหารที่จะต้องขอบคุณหลังจากถูกลงโทษ

แต่นตท.ภคพงศ์ ไม่พอใจ  นักเรียน ผู้บังคับบัญชาจึงให้พุ่งหลัง  ซึ่งเมื่อได้ทำไม่เกิน 2 นาที จึงฟลุ๊ค  หายใจถี่   และมือจีบ   จึงได้ส่งโรงพยาบาล  อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการสั่งลงโทษให้พุ่งหลัง ไม่น่าเกิดการปฏิบัติที่เกินกำลัง ประกอบกับในโรงเรียนเตรียมทหารมีป้ายแปะไว้ให้เห็นชัดเจนถึงท่าที่กำหนดให้ใช้ลงโทษได้ ซึ่งไม่รวมถึงท่าปักหัว  ซึ่งเป็นท่าห้ามในการใช้ลงโทษ

เมื่อถามว่า สาเหตุที่ไม่เชิญครอบครัวของ นตท.ภคพงศ์  มาร่วมรับฟังการแถลงพร้อมสื่อมวลชน  พล.อ.อ.ชวรัตน์  กล่าวว่า เราไม่ใช่คู่ขัดแย้ง  จึงไม่ต้องการตอบโต้กันไป-มา  แต่ที่ได้แถลงมาทั้งหมดจะมีการแจ้งให้กับผู้ปกครองได้รับทราบ อย่างไรก็ตาม หากผลการสอบสวนของคณะไปแย้งกับผลการตรวจสอบของหน่วยงานอื่น ๆ ก็เป็นการตรวจสอบของหน่วยงานนั้น ๆ

เมื่อถามว่าหากญาติไม่เชื่อว่าสมอง   หัวใจ  และดีเอ็นเอ  เป็นของนตท.ภคพงศ์  พล.อ.อ.ชวรัตน์ กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นคนเก็บรักษา ต้องไปสอบถามสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เอง ไม่เกี่ยวกับกองทัพไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการแถลงผลการสอบสวนวันนี้ ใช้เวลา กว่า 1 ชั่วโมง พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถามอย่างละเอียด โดยมีสื่อจากทุกแขนงเข้ารับฟังการสอบสวน.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย

จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือน “ตาเมือนธม”

สุรินทร์ 20 ก.ค.- จับตา! กัมพูชาพาทัวร์เขมรเยือนปราสาท “ตาเมือนธม” ด้านทหารไทย-ฝ่ายปกครอง จัดกำลังดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวไทยใกล้ชิด บรรยากาศการท่องเที่ยวช่วงวันหยุดที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ วันนี้ ถูกจับตามองเป็นพิเศษ หลังมีรายงานว่าทางกัมพูชาเตรียมเกณฑ์นักท่องเที่ยวชาวเขมรขึ้นมาเยือนปราสาทตาเมือนธม ซึ่งขณะนี้ทราบว่า มวลชนมาด้วยรถโดยสารประจำทางของฝั่งกัมพูชาเกือบ 23 คันรถ โดยจอดอยู่ข้างล่างฝั่งกัมพูชาและเริ่มทยอยขึ้นมายังปราสาทตาเมือนธมอย่างต่อเนื่อง บรรยากาศภายในตัวปราสาทฯ ยังคงเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและกัมพูชา ท่ามกลางการดูแลอำนวยความสะดวกของเจ้าที่ทหารไทยเป็นอย่างดี ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด -สำนักข่าวไทย

Vietnam's Halong Bay boat disaster

พายุ “วิภา” ทำเรือท่องเที่ยวล่มในเวียดนาม

ฮานอย 20 ก.ค.- เกิดอุบัติเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มในอ่าวฮาลองหรือฮาลองเบย์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของเวียดนามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 38 คน และยังไม่พบตัวอีก 5 คน หนังสือพิมพ์วีเอ็นเอ็กซ์เพรสส์ของเวียดนามรายงานว่า เรือท่องเที่ยวชื่อวันเดอร์ซี (Wonder Sea) พลิกคว่ำในอ่าวฮาลองเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับเวลาเดียวกันในไทย เป็นช่วงที่พายุโซนร้อนวิภา (Wipha) เคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้เข้าใกล้เวียดนาม มีรายงานกระแสลมแรง ฝนตกหนัก และฟ้าผ่าในพื้นที่ดังกล่าว ขณะเกิดเหตุบนเรือมีชาวเวียดนามทั้งหมด 53 คน เป็นลูกเรือ 5 คน และผู้โดยสาร 48 คน ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากกรุงฮานอย ซึ่งอยู่ห่างจากอ่าวฮาลองไปทางตะวันตกราว 165 กิโลเมตร และในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตผู้ประสบเหตุได้ 10 คน และพบศพใกล้จุดที่เรืออับปาง โดยพบศพเด็กแล้ว 8 คน และยังคงค้นหาผู้สูญหายอยู่ 5 คน ท่ามกลางฝนที่ตกหนักต่อเนื่องเป็นอุปสรรคต่อภารกิจค้นหาและกู้ภัย นายกรัฐมนตรีฝั่ม มิงห์ […]