ก.บ.ภ.เน้นพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดให้ทัดเทียมกันทั่วทุกภูมิภาค

ทำเนียบฯ 15 ธ.ค.- ที่ประชุม ก.บ.ภ. เห็นชอบกรอบแผนดำเนินการของ ก.บ.ภ. ทั้ง 6 ภาค ที่เน้นการพัฒนาแต่ละจังหวัด รวมถึงกลุ่มจังหวัดให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมกันทั่วทุกภูมิภาค และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการ ก.บ.ภ. โดยมีรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับและติดตามงานในแต่ละกลุ่มจังหวัด 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคและพื้นที่ หรือ ก.บ.ภ.ครั้งที่ 1 / 2560 ที่ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวช่วงต้นการประชุมว่า วันนี้เป็นการประชุมของคณะกรรมการที่จัดตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งให้ความสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ระดับภาค ซึ่งแม้หลายพื้นที่จะมีความแตกต่างกันอยู่ แต่ก็ต้องปรับการทำงานให้สอดรับ เพื่อดึงศักยภาพให้ออกมาและขับเคลื่อนต่อไป โดยเฉพาะการจัดทำโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ซึ่งมีลักษณะงานทั้งแบบฟังก์ชั่นและงานของกลุ่มจังหวัด ที่จะต้องสอดคล้องกับระดับภาค เพื่อสร้างให้เกิดความเข้มแข็งในพื้นที่

นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคและพื้นที่ (ก.บ.ภ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณากำหนดแนวทางและกลไกการบูรณาการ นโยบายพัฒนาภาค กลุ่มภาค และกำหนดนโยบายหลักเกณฑ์ รวมถึงวิธีการจัดทำแผนพัฒนาและแผนปฎิบัติการประจำปีในระดับจังหวัดกลุ่มจังหวัดและระดับภาค

โดยที่ประชุมเห็นชอบกรอบแผนดำเนินการของ ก.บ.ภ. ทั้ง 6 ภาค ที่เน้นการพัฒนาแต่ละจังหวัดรวมถึงกลุ่มจังหวัดให้มีประสิทธิภาพทัดเทียมกันทั่วทุกภูมิภาค และเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการ ก.บ.ภ. โดยมีรองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับและติดตามงานในแต่ละกลุ่มจังหวัด โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ติดตามกำกับดูแลภาคกลาง  พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง กำกับดูแล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ   นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กำกับดูแลภาคตะวันออก  นายวิษณุ เครืองาม กำกับดูแลภาคเหนือ และกำกับดูแลงานด้านวิชาการ  พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ กำกับดูแลภาคใต้และภาคใต้ชายแดน 


ทั้งนี้ ทิศทางการพัฒนาภาค จะต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) โดยให้แต่ละอนุกรรมการไปพิจารณาจัดเตรียมงบประมาณ ประจำปี 2562 โดยมีงบประมาณในส่วนของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดที่เตรียมไว้ 28,000 ล้านบาท โดยให้พิจาณาความจำเป็นแต่ละโครงการภายใน 1 เดือน ก่อนเสนอกลับมายังที่ประชุมให้พิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หากงบประมาณไม่เพียงพอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในที่ประชุมว่า พร้อมจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้ โดยจะนำไปหารือกับทางสำนักงบประมาณต่อไป

นายปรเมธี กล่าวว่า เป้าหมายของทิศทางการพัฒนาภาคกลางและพื้นที่กรุงเทพมหานคร  จะพัฒนากรุงเทพฯสู่มหานครทันสมัย และภาคกลางเป็นฐานการผลิตสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง  ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและสร้างความเชื่อมโยง เพื่อกระจายการท่องเที่ยวทั่วทั้งภาค เปิดประตูการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย-ภาคกลาง-ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และบริหารจัดการน้ำและทรัพยากรธรรมชาติเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

ทิศทางการพัฒนาภาคเหนือ ให้เป็นฐานเศรษฐกิจสร้างสรรค์มูลค่าสูง เชื่อมโยงเศรษฐกิจกับประเทศในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง  โดยพัฒนาการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการต่อเนื่องให้มีคุณภาพ สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนและกระจายประโยชน์อย่างทั่วถึง รวมทั้งต่อยอดการผลิตสินค้าการบริการที่มีศักยภาพสูงด้วยภูมิปัญญาและนวัตกรรม ใช้โอกาสจากเขตเศรษฐกิจพิเศษและการเชื่อมโยงกับอนุภูมิภาคเพื่อขยายฐานเศรษฐกิจของภาค และยกระดับเป็นฐานการผลิตเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัยเชื่อมโยงสู่อุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำให้คงความสมบูรณ์ จัดระบบบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสมและเชื่อมโยงให้ทั่วถึงป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษหมอกควันอย่างยั่งยืน


ทิศทางการพัฒนาภาคใต้ มีเป้าหมายทำให้ภาคใต้ เป็นเมืองท่องเที่ยวพักผ่อนตากอากาศระดับโลก และเป็นศูนย์กลางผลิตภัณฑ์ยางพาราและปาล์มน้ำมันของประเทศ และเป็นเมืองเศรษฐกิจเชื่อมโยงการค้า การลงทุนกับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก การพัฒนาอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราและปาล์มน้ำมันแห่งใหม่ของประเทศ การพัฒนาผลิตสินค้าเกษตรหลักของภาค และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการท่องเที่ยว การพัฒนาเขตอุตสาหกรรม และเชื่อมโยงการค้าโลก

ทิศทางการพัฒนาภาคใต้ชายแดน ให้เป็นแหล่งผลิตภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปที่สำคัญของประเทศ และเป็นเมืองชายแดนเชื่อมโยงการค้าและการท่องเที่ยวกับพื้นที่ภาคใต้ และการพัฒนาเศรษฐกิจของมาเลเซียและสิงคโปร์ โดยเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร เพื่อความมั่นคงให้กับภาคผลิต พัฒนาเมืองสุไหงโก-ลก และเมืองเบตง ให้เป็นเมืองการค้าและเมืองท่องเที่ยวชายแดน รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มเข็งให้กับชุมชน

ทิศทางการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีเป้าหมายให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน และใช้โอกาสจากการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งที่เชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจหลักภาคกลาง และพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาเมือง และพื้นที่เศรษฐกิจใหม่ ๆ ของภาค และพัฒนาความร่วมมือและใช้ประโยชน์จากข้อตกลงกับประเทศเพื่อนบ้าน ในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจตามแนวชายแดนและแนวระเบียงเศรษฐกิจ

ทิศทางการพัฒนาภาคตะวันออก มีเป้าหมายในเป็นฐานเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน เน้นการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ให้เป็นเขตเศรษฐกิจที่ดีและทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน พัฒนาให้เป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล ปรับปรุงมาตรฐานสินค้าและธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว พร้อมทั้งเร่งแก้ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติที่มีวิกฤต และจัดระบบการบริหารจัดการมลพิษให้มีประสิทธิภาพ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด