กรุงเทพฯ 12 ธ.ค.-นักวิชาการระบุการที่อียูประกาศทบทวนความสัมพันธ์ทางการเมืองไทยใหม่จะเป็นผลดีต่อไทยในสายตาโลกจะมีความมั่นใจยิ่งขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิขัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทยกล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป (อียู) มีข้อสรุปในวันนี้ (11 ธ.ค.) ให้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับรัฐบาลทหารของไทยในทุกระดับ จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้คำมั่นจะจัดการเลือกตั้งในเดือน พ.ย. 2561
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากอียูระงับความร่วมมือทางการเมืองกับไทยเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว เพื่อประท้วงการทำรัฐประหารในปี 2557 ซึ่งถือว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศไทยที่ทางอียูส่งสัญญาณตรงนี้ออกมา หลังจากที่นายกรัฐมนตรีของไทยเยือนสหรัฐอเมริกาและได้ประกาศจะมีการเลือกตั้งในปลายปี 61 ทำให้หลายกลุ่มประเทศทั่วโลกมองประเทศไทยดีขึ้น ดังนั้น การที่อียูประกาศจะมีการทบทวนไทยยิ่งจะทำให้ความเชื่อมั่นทั้งการเมือง เศรษฐกิจและสังคมไทยจะกลับมาดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม เวลานี้หลายประเทศมหา อำนาจด้านเศรษฐกิจ เช่น จีน ญี่ปุ่น หันกลับมาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับไทยมีแผนการพัฒนาประเทศในระยะยาวแบบ 20 ปี แผนการลงทุนในภาคต่างๆโครงสร้างพื้นฐานในระบบขนส่งทั้งระบบมีความชัดเจนและเปิดทางให้กับนานาประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสดีที่หลายประเทศจะเข้ามาลงทุนที่ประเทศไทย จึงเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่อียูจะต้องทบทวนใหม่ เพราะหากจะยืดออกไปในปี 62 จนกว่าที่ไทยจะเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ก็อาจจะล่าช้าเกินไป จึงประกาศทบทวนในช่วงสิ้นปี 60 นี้เป็นต้นไป.-สำนักข่าวไทย