กรุงเทพฯ 9 ธ.ค.60- อธิบดีกรมราชทัณฑ์สั่งย้าย 5 เจ้าหน้าที่เรือนจำเบิกตัว นายสนธิ ลิ้มทองกุล ส่งศาลผิดวัน พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ให้เวลา 30 วัน
พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีผู้คุมเรือนจำพิเศษกรุงเทพเบิกตัว นช.สนธิ ลิ้มทองกุล ออกจากเรือนจำคลองเปรม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อเดินทางไปศาลอาญา รัชดาภิเษก ทั้งที่ไม่ใช่วันกำหนดนัดขึ้นศาลว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าเบิกตัวผิดวัน เพราะเกิดความสับสน จำเดือนผิด โดยวันที่ศาลนัดจริงคือวันที่ 22 ธันวาคมนี้ แต่ตนยังไม่เชื่อ จึงได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากพบพิรุธหลายประเด็น เช่น เจ้าหน้าที่ที่เดินทางมารับตัวจะต้องตรวจสอบวันเวลาขึ้นศาล ก่อนที่จะนำตัวนักโทษขึ้นรถเรือนจำออกไป และในส่วนของจุดรับตัวที่ศาลอาญาก็ต้องตรวจสอบว่ามีรายชื่อขึ้นศาลตามปกติหรือไม่ ถ้าไม่ใช่ต้องไม่อนุญาตให้ลงจากรถเพื่อส่งตัวกลับเรือนจำ แต่ในกรณีของ นช.สนธิ มีการนำตัวลงไป และให้อยู่ในห้องขังใต้ถุนศาลอาญาจนถึงเวลา 10.00 น. ที่สำคัญมีเสียงเล่าลือว่า ในวันดังกล่าว มีญาติมารอเยี่ยม ซึ่งหากเป็นการเข้าใจผิดของเจ้าหน้าที่ญาติจะทราบล่วงหน้า และมารอเข้าเยี่ยมได้อย่างไร ซึ่งจุดนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจะขอภาพกล้องวงจรปิดจากศาลอาญาเพื่อตรวจสอบย้อนหลังว่าเกิดอะไรขึ้น
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีเบิกตัว นช.สนธิ ผิดวัน ได้สั่งย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดจากเรือนจำคลองเปรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ประจำศาลอาญา รวม 5 คน ส่วนผลการตรวจสอบจากคณะกรรมการฯ ที่ตั้งขึ้นมาจะทราบผลภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเรือนจำทุกแห่งถูกมองว่าเป็นแดนสนธยา มีสวรรค์สำหรับนักโทษที่มีฐานะทางการเงิน ซึ่งปกติผู้ต้องขังจะได้รับการปฏิบัติแบบเสมอภาค เมื่อถูกจองจำจะได้รับแจกเสื้อผ้าเพื่อสวมใส่ในเรือนจำ และผ้าอีก 3 ผืน สำหรับใช้ปูนอน ม้วนเป็นหมอนและผ้าห่ม
สำหรับจุดที่ถูกมองว่าเป็นสวรรค์ชั้นที่ 1 เป็นเรือนพยาบาลเพราะมีเตียง พร้อมผ้าปูเตียง ได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาลในกรณีที่ต้องป่วยจริงเท่านั้น สวรรค์ชั้นที่ 2 สำหรับนักโทษป่วยหนักจะถูกส่งตัวมาจากแดนพยาบาล เพื่อเข้ารับการรักษาจากแพทย์หรือในกรณีที่ต้องฟอกไตจะมีเครื่องปรับอากาศ ส่วนชั้นที่นักโทษอยากไปขึ้นไปพักรักษามากที่สุด คือชั้น 8 เพราะมีลมพัดถ่ายเทตลอดเวลา แต่ไม่มีแอร์ และสวรรค์ชั้นที่ 3 คือการถูกส่งตัวไปรับการรักษาจากแพทย์เฉพาะด้านจากโรงพยาบาลภายนอก ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐ แต่ต้องมีใบรับรองแพทย์และมีการติดตามตัวกลับเรือนจำทุกๆ 15 วัน จุดนี้จะเป็นผู้ป่วยหนัก เช่น มะเร็ง และโรคเฉพาะทาง โดยจะกำชับให้มีการสับเปลี่ยนตัวผู้คุมเพื่อไม่ให้ถูกติดสินบนจากญาติหรือนักโทษ
นอกจากนี้ ที่ประชุม อ.ก.พ.กรมราชทัณฑ์ มีมติพิจารณาลงโทษข้าราชการกรณีกระทำผิดวินัยในปีงบประมาณ 2561 ซึ่งเพิ่งผ่านมา 2 เดือน ไปแล้ว 14 ราย เป็นความผิดที่ลงโทษไล่ออกทั้งหมด 13 ราย และให้ออกจำนวน 1 ราย โดยรายที่ถูกให้ออกมีพฤติการณ์ความผิดคือ ประพฤติตนมีมลทินหรือมัวหมองในกรณีที่ถูกสอบสวนว่ามีส่วนรู้เห็นและได้ประโยชน์จากการนำเงินสด แหวนทอง เข้าเรือนจำ ความผิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เป็นการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมาย ยาเสพติด และโทรศัพท์มือถือ เข้าไปในเรือนจำ ซึ่งเกิดขึ้นได้ต้องมีคนในที่รู้เห็นเป็นใจหรือประมาทเลินเล่อให้มีการนำสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปภายในเรือนจำ แต่ที่เพิ่งจับได้เป็นครั้งแรก คือ การที่เจ้าหน้าที่หญิงของเรือนจำอำเภอ ทำหน้าที่เป็นธุระจัดหาให้ผู้ต้องขังชายจากแดนชาย 3 คนเข้าไปมีเพศสัมพันธ์กับผู้ต้องขังหญิงในห้องน้ำของแดนหญิง รวม 3 คู่ โดยได้รับค่าจ้าง 8,000 บาท และมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน ซึ่งเหตุการณ์ลักษณะนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ หรือเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ไม่สามารถจับผิดได้ เนื่องจากเรือนจำส่วนใหญ่ จำนวน 135 แห่งจะควบคุมผู้ต้องขังหญิงชายไว้ภายในเรือนจำเดียวกันแต่แยกแดนมีเพียง 8 แห่งเท่านั้นที่เป็นเรือนจำเฉพาะผู้ต้องขังหญิง.-สำนักข่าวไทย