กรุงเทพฯ 9 ธ.ค.- โฆษก ตร.เผยมีขบวนการจ้องทำลายหลักฐานคดีครูจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับครูจอมทรัพย์ และสัปดาห์หน้าจะประชุมสรุปในส่วนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าว ถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับขบวนการสร้างพยาน หลักฐานเท็จในคดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโครต ขับรถชนคนเสียชีวิต ว่า ขณะนี้ มีขบวนการพยายามทำลายหลักฐาน โดยมีการพยายามขอซื้อแผ่นป้ายทะเบียน บค.56 สกลนคร จากเจ้าของรถคนใหม่ แต่เจ้าของรถไม่ขาย จึงขอซื้อทั้งคันในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด ซึ่งตำรวจพอทราบตัวแล้วเป็นผู้เกี่ยวข้องกับครูจอมทรัพย์ ทำให้ตำรวจต้องอายัดรถคันดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน และจากการส่งทะเบียนรถ บค.56 สกลนคร ไปตรวจสอบ ที่กองพิสูจน์หลักฐาน ยืนยันว่าไม่ใช่ป้ายทะเบียนเดิม ขณะที่กรมการขนส่ง แจ้งว่า เป็นป้ายทะเบียนถูกต้อง แต่ไม่สามารถระบุ ตำหนิรูปพรรณของป้ายว่าผ่านการซ่อมแซมมาหรือว่ามีการเปลี่ยนป้ายใหม่หรือไม่
ส่วนการสอบปากคำเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ รวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม ที่ยอมรับรู้ว่านายสับ วาปี ได้รับการว่าจ้างให้รับผิดแทนครูจอมทรัพย์ ก่อนที่จะมีการนำสืบพยานในชั้นของการรื้อฟื้นคดีนั้น ตำรวจจะมีการประชุมสรุปคดีอีกครั้งในสัปดาห์หน้าว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และจะถูกแจ้งดำเนินคดีตามมาตรา 157 หรือไม่
นอกจากนี้ พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายเรียกผู้เกี่ยวข้องอีก 2 คน คือ นางสาววาสนา เพชรทอง หลานสาวของนางจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับเงินจำนวน 1 ล้านบาท จากการเปิดรับบริจาคของนายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบลู เพื่อนำไปช่วยเหลือด้านคดีให้กับครูจอมทรัพย์ ซึ่งตำรวจมีหลักฐานว่านางสาว วาสนา มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการปั้นพยาน
ส่วนนายธนัช สุขตลอดปี ทนายความของนายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง ให้มาพบเพื่อให้ข้อมูลกับตำรวจ ในวันที่ 12 และ 14 ธันวาคมนี้ ทำให้ขณะนี้มีการแจ้งดำเนินคดีไปแล้วรวม 9คน จาก 11 คน สำนวนคดีคืบหน้าไปแล้วกว่า 90% และสอบปากคำพยานไปแล้ว 61ปาก เชื่อว่าเดือนมกราคม 2561 จะสามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องได้.-สำนักข่าวไทย