รัฐบาลเตรียมมอบของขวัญปีใหม่เกษตรกร

กระทรวงเกษตรฯ 8 ธ.ค. – รัฐบาลเตรียมมอบของขวัญปีใหม่เกษตรกร ซื้อยางพารานำตลาดให้คุ้มทุน สั่งพลังงาน-ปตท.ซื้อปาล์มผลิตไบโอดีเซล จ่ายเบี้ยเลี้ยงฝึกอาชีพเกษตรก่อนฤดูเพาะปลูก สั่งกรมการข้าวศึกษาพันธ์ุข้าวนิ่มป้อนตลาดจีน มุ่งดูแลรายได้น้อยลงทะเบียนสวัสดิการ 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และผู้บริหาร ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อจัดทีมวอร์รูมระดมผู้เชี่ยวชาญบูรณาการแผนแก้ปัญหาภาคเกษตร ครอบคลุมปัญหาของเกษตรกรทุกด้าน ว่า  เพื่อให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือภาคเกษตรสอดคล้องกันทั้งด้านการผลิต การตลาด การท่องเที่ยวชุมชน สินเชื่อเติมทุนให้เพียงพอ แผนระยะสั้นเร่งด่วน คือ ปัญหาราคายางพารามอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ ผลักดันราคาสูงกว่าต้นทุน  ส่วนระยะยาว ต้องหาวิธีการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์จากยาง ขณะที่ปาล์มน้ำมันมีปัญหาสตอกสูงถึง 500,000 ตัน สูงสุดในรอบหลายปี  ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เห็นชอบให้ผู้ส่งออกรับซื้อปาล์ม 100,000 ตัน  กระทรวงพลังงาน 100,000 ตัน เพื่อผลิตไบโอดีเซลและให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เตรียมรับซื้อเพิ่ม เพื่อระบายสตอกให้น้อยลงจากปัจจุบัน  และจากนี้ไปต้องไม่เกิดภาวะค้างสตอกจำนวนมากเหมือนปัจจุบัน 

นอกจากนี้ ยังพร้อมส่งเสริมปศุสัตว์ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่ภัยแล้ง หันมาเลี้ยงโค เลี้ยงปลา หรือสัตว์เศรษฐกิจอื่น  เช่น การจัดหาโค รวมกลุ่มกันเป็นสหกรณ์เพื่อขอรับโคไปเลี้ยงผ่านการสนับสนุนงบประมาณ ที่สำคัญรัฐบาลมุ่งบริหารจัดการข้อมูลการเกษตร (BIG DATA) เชื่อมโยงข้อมูลเกษตรทุกด้านของทุกหน่วยงาน เปิดให้เกษตรรับทราบข้อมูลความต้องการของตลาด ราคาสินค้า การแชร์ข้อมูลระหว่างกระทรวงอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้อง จึงต้องการวางโครงสร้างและวางรากฐานบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลใหม่ ยกระดับการช่วยเหลืออย่างตรงจุด คาดว่าหลังจากนี้ไป 3 เดือนต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากปีนี้นายกรัฐมนตรีกำหนดให้ความสำคัญแก้ปัญหาด้านเกษตรรายย่อยให้เป็นนโยบายหลักของรัฐบาล จึงต้องการนำหัวขบวนทั้งเอสเอ็มอีเกษตรและสหกรณ์ที่เข้มแข็งมาเป็นแบบอย่าง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการผลิตหรือการจ้างผลิต เพื่อจัดหาตลาดรองรับ ทั้งผลไม้ พืชสวน การค้าผ่านออนไลน์ต้องเริ่มจากชุมชน  มาตรการจะต้องสรุปออกมาเร็ว ๆ นี้  เพื่อเสนอ ครม.พิจารณา 


นายกฤษฎา บุญราช   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคายางพารา หลังจากการประชุม ครม.สัญจรภาคใต้ ได้เริ่มทยอยรับซื้อยางจากตลาด ทำให้ราคายางปรับเพิ่มขึ้น 1.30 บาท จาก 42-43 บาทต่อกิโลกรัม เป็น 47-48 บาทต่อกิโลกรัม ที่ประชุมจึงสั่งใช้มาตรการเร่งด่วนผ่าน 3 แนวทาง ประกอบด้วย 1.การระดมหลายหน่วยงานรับซื้อยางจากสตอกออกไปสู่ตลาดเพิ่ม หวังผลักดันราคายางสูงกว่าต้นทุนของชาวสวนยางที่มีต้นทุน 51.28 บาทต่อกิโลกรัม  2.การให้ส่วนหน่วยราชการ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รับซื้อยางเพิ่ม จากเดิมมีเป้าหมาย  33,000 ตัน เพิ่มขึ้น  50,000-80,000 ตัน จัดทำแผนให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์หน้า เพื่อใช้ซ่อมแซมถนนหลายโครงการในชุมชนหลายพื้นที่ การสร้างสนามกีฬา หรือใช้ในโครงการลงทุนภาครัฐอีกหลายหน่วยงาน   

3.สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เตรียมงบประมาณรับซื้อยางพาราเพิ่ม จากเงินทุนหมุนเวียนปัจจุบัน 1,200 ล้านบาท การขอความร่วมมือจากภาคเอกชนทั้งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาผู้ส่งออกรับซื้อยาง และให้ ธ.ก.ส.ปล่อยสินเชื่อผ่อนปรนให้กับเอกชน เพื่อระบายยางพาราออกสู่ตลาดผ่านหลายหน่วยงานได้ถึง 100,000 ตัน  คาดว่าราคายางพาราจะมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยจะติดตามสถานการณ์ราคาทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเตรียมจัดฝึกอบรมอาชีพให้เกษตรกรมีความรู้ด้านต่าง ๆ ทั้งการผลิต การตลาด การค้าผ่านออนไลน์ หลังเก็บเกี่ยวพืชผลใช้เวลาก่อนการผลิตปีใหม่จะมาถึง โดยจ่ายเบี้ยเลี้ยงอบรมให้เกษตรกร 

นายลักษณ์ วจนานวัช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรต้องดูแลทั้งข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ผ่านผู้เชี่ยวชาญของทุกหน่วยงาน ในการวิเคราะห์ปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะปัญหาราคาข้าว คาดว่าปีนี้จะมีข้าวออกสู่ตลาด 23 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 12 ล้านตันข้าวสาร แบ่งเป็นใช้สำหรับบริโภคในประเทศ 8 ล้านตัน รองรับการส่งออก 4 ล้านตัน ดังนั้น จึงต้องดูแลชาวนาที่ต้องปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่เขตชลประทาน 12 ล้านไร่ เพื่อคุมให้เหลือ 10 ล้านไร่ เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดส่งออกที่ต้องการเพียง 10 ล้านไร่ เพื่อเปลี่ยนมาปลูกพืชอาหารสัตว์ เช่น ปอเทือง หรือพืชชนิดอื่น 


รวมทั้งสั่งการให้กรมการข้าวศึกษาพันธุ์ข้าวนิ่ม เนื่องจากขณะนี้จีนต้องการรับซื้อข้าวพันธุ์ดังกล่าวจำนวนมากถึง 7 ล้านตัน เพราะขณะนี้จีนหันไปรับซื้อจากเวียดนามจำนวนมาก คาดว่าจะมีเม็ดเงินออกไปสู่เกษตรกรกว่า 40,000 ล้านบาท สำหรับราคาข้าวหอมมะลิ 13,000-14,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมปทุมฯ   9,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้า 7,500-8,000 บาทต่อตัน นับว่าเป็นระดับราคาที่ชาวนาพอใจ ส่วนข้าวเหนียวราคาสูงขึ้น ชาวนาจึงหันไปปลูกมากขึ้น นอกจากนี้ ทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และอีกหลายหน่วยงานจะร่วมแก้ปัญหาหนี้สิน การประกอบอาชีพให้กับผู้ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐที่เป็นเกษตรกร 3.96 ล้านคน โดยส่งผู้เชี่ยวชาญออกไปพูดคุยประเมินปัญหารายบุคคลแบบคลินิกเคลื่อนที่ เพื่อให้กลุ่มคนเหล่านี้มีอาชีพความเป็นอยู่ดีขึ้นในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เมื่อสรุปมาตรการทั้งหมดเสนอเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

เด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว

สุรินทร์ 28 ส.ค.-รองผู้ว่าฯ สุรินทร์ เผยเด็กชายวัย 13 ปี กลับกัมพูชาพร้อมแม่แล้ว หากพิสูจน์ไม่ได้ว่าน้องเป็นคนไทย น้องยังต้องได้รับสิทธิตามอนุสัญญาหลักสิทธิเด็ก เข้ารับการศึกษาต่อไป นายประภาส ศรีจันทร์เวียง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยกับสำนักข่าวไทยว่า ขณะนี้ พมจ.สุรินทร์ ตม.สุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กำลังดูแลน้องอายุ 13 ปี ที่มีแม่เป็นชาวกัมพูชาและทั้งคู่ถูกแจ้งจับเนื่องจากเป็นคนต่างด้าวอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่มีใบอนุญาต ได้รับรายงานว่า เด็กชาย อายุ 13 ปีรายนี้ เกิดที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ส่วนแม่ทำงานในบ่อนการพนันที่ช่องสะงำ จากนั้นก็ได้เดินทางกลับประเทศโดยถูกกฎหมาย และคลอดน้องที่ประเทศกัมพูชา ก่อนจะกลับมาประเทศไทยอีกครั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต และลอบอยู่ในประเทศไทย โดยน้องได้รับการศึกษาในประเทศไทยตั้งแต่ ป.1 จนกระทั่งปัจจุบันคือ ม.1 ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะดำเนินการพาน้องอายุ 13 ปี ตรวจดีเอ็นเอ เนื่องจาก พมจ.สุรินทร์ ได้รับข้อมูลจากฝ่ายแม่เด็กว่า พ่อที่แท้จริงของน้องคือ ชายไทยที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถยืนยันความจริงได้ นอกจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในขั้นตอนต่อไป เช่น หากพิสูจน์ได้ว่า น้องมีบิดา […]

มติสภาประชุมลับญัตติด่วน MOU43-44 ฝ่ายค้านชี้ปิดหูปิดตา ปชช.

28 ส.ค. – สภาฯ ถกญัตติด่วน “MOU 43-44” เพื่อไทยขอประชุมลับ หวั่นอภิปรายเนื้อหาล้ำเส้น กังวลกัมพูชารู้ทาง ด้านฝ่ายค้านยันต้องเปิดเผย ไม่ใช่ปิดหูปิดตาประชาชน สุดท้ายเปิดเผยเฉพาะผู้เสนอญัตติ ส่วนผู้อภิปรายเป็นประชุมลับ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯคนที่หนึ่งเป็นประธานการประชุม หลังพิจารรณากระทู้ถามทั่วไปแล้วได้มีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา 5 ฉบับ ได้แก่ 1. น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใทย เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 ระหว่างไทยกัมพูชา 2.นายกรวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เสนอให้สภาฯทำการศึกษาบันทึกความเข้าใจ MOU43 และ44 แก้ไขปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย กัมพูชา 3.นายสฤษพงศ์ ​เกี่ยวข้องสส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเนื่องจากตนได้เสนอญัตติดังกล่าวเป็นหนังสือไว้แล้ว ก็ขอให้นำมาอยู่ในวาระด่วนเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน 4.นายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เสนอเรื่องขอให้สภาฯพิจารณาศึกษMOU 43 และ44 […]

เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด

แม่ฮ่องสอน 28 ส.ค. – เส้นทางหลวง 108 ขุนยวม-แม่ฮ่องสอน ถูกตัดขาด คอสะพานห้วยโป่งถูกน้ำป่าซัดเสียหายกว้างกว่า 80 เมตร คาด 1 ก.ย.นี้ สามารถเปิดเส้นทางสัญจรได้ สภาพความเสียหายของพื้นที่ริมทางหลวง 108 บริเวณห้วยบ้านตำข่อน บ้านแม่จ๋า บ้านผาบ่องเหนือ อ.เมืองแม่ฮ่องสอน หลังระดับน้ำลดลงเป็นปกติ ยังคงมีท่อนไม้ ต้นไม้กองทับถมอยู่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนำรถและเครื่องจักรใหญ่เข้าเคลียร์ท่อนไม้ เศษไม้ที่กีดขวาง สามารถเปิดให้รถสัญจรไปมาได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง ผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากน้ำป่าไหลหลาก เส้นทางหมายเลข 108 บริเวณสะพานห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง ข้ามลำน้ำแม่จ๋า ซึ่งคอสะพานถูกน้ำป่าซัดได้รับความเสียหายเป็นแนวกว้าง ทำให้การสัญจรถูกตัดขาดโดยสิ้นเชิง จึงประสานศูนย์สร้างและบูรณะสะพานจังหวัดพิจิตร เพื่อขอสนับสนุนสะพานแบริ่ง หรือสะพานเหล็กสำเร็จรูป สำหรับใช้งานชั่วคราว ขณะที่วิศวกรจากศูนย์ฯ จะเข้าตรวจสอบความเสียหายของสะพานห้วยโป่ง เพื่อดำเนินการติดตั้งสะพานแบริ่ง หากไม่มีอุปสรรคคาดว่าสะพานจะพร้อมใช้งานและเปิดให้สัญจรได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 1 กันยายนนี้ น้ำที่ท่วม 13 หมู่บ้านรวมทั้งตัว อ.แม่แจ่ม เริ่มลดลงส่วนที่ จ.เชียงใหม่ […]