กฟผ.แจงเพื่อความมั่นคงภาคใต้จำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลัก

นนทบุรี 8 ธ.ค. – กฟผ.แจงภาคใต้ต้องมีโรงไฟฟ้าหลัก จะเป็นถ่านหินหรือก๊าซขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล พร้อมโชว์เคสพื้นที่ป่าปลูกนาข้าวติดโรงไฟฟ้าบางกรวย ยืนยันโรงไฟฟ้าอยู่คู่กับชุมชนและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้


นายกรศิษฏ์ ภัคโชตานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและกระบี่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ภาคใต้ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงกว่าภาคอื่น เพราะการเติบโตทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ขณะที่โรงไฟฟ้าในภาคใต้ไม่เพียงพอมีกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองต่ำกว่ามาตรฐาน จึงจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าหลักในพื้นที่จะเป็นถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติ โดยขณะนี้โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้ง 2 แห่งล่าช้า ทาง กฟผ.ต้องปรับแผนเร่งการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าไปภาคใต้

ในวันนี้ (8 ธ.ค.) กฟผ.ได้จัดงานเกี่ยวข้าวในแปลงนาสาธิต เพื่อการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาในพื้นที่โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ จ.นนทบุรี โดยมีนายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมเกี่ยวข้าว ซึ่งนายศิริ กล่าวว่า พื้นที่นาและพื้นที่ปลูกป่าแห่งนี้เป็นข้อพิสูจน์เรื่องโรงไฟฟ้าที่อยู่คู่กับชุมชนและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ โดยน้ำที่ใช้ปลูกข้าวนั้นเป็นน้ำที่มาจากบ่อพักน้ำที่ผ่านการใช้งานจากหอหล่อเย็นโครงการปลูกข้าวเป็นไปตามกิจกรรม “ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ” หนึ่งในกิจกรรมสืบสานพระราชปณิธาน ในหลวงรัชกาลที่ 9 พันธุ์ข้าวหลักที่ปลูกเป็นข้าวปทุมธานี 1 ให้ผลผลิตไม่น้อยกว่า 400 กิโลกรัม/ไร่  


นายสหรัฐ บุญโพธิภักดี รองผู้ว่าการพลังงานหมุนเวียนและพลังงานใหม่ กฟผ. กล่าวว่า ภาคใต้มีกำลังผลิตสำรองต่ำกว่ามาตรฐานความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ทำให้จำเป็นต้องเพิ่มกำลังผลิตแบบเสถียรจากโรงไฟฟ้าหลัก เพื่อดูแลความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาพรวม ส่วนพลังงานหมุนเวียนมีส่วนช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องความไม่มั่นคง เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ มีข้อจำกัดไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงกลางคืน พลังงานชีวมวล สามารถผลิตไฟฟ้าได้เฉพาะบางฤดูกาลเท่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตทางการเกษตรและราคาของผลผลิตเป็นหลัก จึงต้องมีกำลังผลิตสำรองจากโรงไฟฟ้าพลังงานหลักเสริมการจ่ายไฟฟ้า (Backup) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และการจะทำให้พลังงานหมุนเวียนมีความมั่นคง สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ควบคุมและสั่งการได้เทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าหลักนั้น จำเป็นจะต้องมีการลงทุน ติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมด้วยวิธีการต่าง ๆ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าหลัก ภายใต้เทคโนโลยีปัจจุบัน จึงยังไม่สามารถใช้ทดแทนพลังงานหลักได้

“การเลือกใช้พลังงานหมุนเวียนแต่ละประเภทต้องสอดคล้องกับลักษณะการใช้ไฟฟ้าด้วย เช่น ภาคใต้เป็นแหล่งท่องเที่ยวมีความต้องการไฟฟ้าสูงในช่วงกลางคืน การส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ปริมาณมาก ๆ ช่วยเสริมกำลังการผลิตไฟฟ้าได้ในช่วงกลางวัน โรงไฟฟ้าพลังงานหลักที่ผลิตได้กลางวันและกลางคืน 24 ชั่วโมง จึงยังจำเป็นควบคู่กันในสัดส่วนที่เหมาะสม ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถจ่ายไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง ระบบไฟฟ้ามั่นคง ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” โฆษก กฟผ. กล่าว

สำหรับนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภาคใต้นั้น กระทรวงพลังงานและ กฟผ.มีการส่งเสริมสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภาคใต้มาตลอด โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีการเปิดรับซื้อแล้วมากกว่า 730 เมกะวัตต์ และล่าสุดมีการเปิดรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภาคใต้อีก 100 เมกะวัตต์ ดังนั้น จะเห็นได้ว่ากระทรวงพลังงานมีนโยบายในการจัดหาไฟฟ้าทั้งจากโรงไฟฟ้าหลักและโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ


ส่วนต่อประเด็นการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าเทพา จ.สงขลานั้น โฆษก กฟผ. กล่าวต่อไปว่า ได้มีการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) แบ่งเป็น 2 รายงาน คือ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาและโครงการท่าเทียบเรือเทพาตามข้อกำหนดของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ที่ต้องแยกการพิจารณาตามคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) เป็น 2 คณะ ประกอบด้วย คชก. ด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อน พิจารณาโครงการโรงไฟฟ้าเทพา และ คชก. ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางน้ำ พิจารณาโครงการท่าเทียบเรือเทพา

ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน กฟผ. ได้ดำเนินการตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วยการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย จำนวน 3 ครั้ง ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ครั้งที่ 1 เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จัดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 มีผู้เข้าร่วม 3,860 คน  ครั้งที่ 2 เพื่อรับฟังความคิดเห็นในขั้นตอนการประเมินและจัดทำร่างรายงาน EHIA เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2558 มีผู้เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อย 708 คน และมีการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชน ครัวเรือน ด้วยแบบสอบถาม จำนวน 1,461 ตัวอย่าง และครั้งที่ 3 เพื่อทบทวนร่างรายงาน EHIA เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2558 มีผู้เข้าร่วมจำนวน 6,498 คน

โครงการท่าเทียบเรือเทพา ครั้งที่ 1 เพื่อกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จัดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2557 มีผู้เข้าร่วม 3,805 คน ครั้งที่ 2 เพื่อรับฟังความคิดเห็นในขั้นตอนการประเมินและจัดทำร่างรายงาน EHIA เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม 2558 มีผู้เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อย 708 คน และมีการสำรวจความคิดเห็นของหน่วยงานราชการ ผู้นำชุมชน ครัวเรือน ด้วยแบบสอบถาม จำนวน 1,433 ตัวอย่าง และครั้งที่ 3 เพื่อทบทวนร่างรายงาน EHIA เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2558 มีผู้เข้าร่วมจำนวน 6,121 คน นอกจากนี้ กฟผ.ยังได้ชี้แจงสร้างความเข้าใจแก่ชุมชนอย่างต่อเนื่องอย่างกว้างขวาง ไม่จำกัดเฉพาะรัศมี 5 กิโลเมตร จากที่ตั้งโรงไฟฟ้า ตามที่ สผ. กำหนด

ทั้งนี้ กฟผ.ได้ใช้เวลาในการศึกษาและจัดทำรายงาน EHIA โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพาประมาณ 1 ปี จากนั้น คชก.ได้ใช้เวลาในการพิจารณารายงาน EHIA อย่างรอบคอบอีกถึง 1 ปี 10 เดือน รวมเป็นเวลาเกือบ 3 ปี คชก.จึงได้พิจารณาเห็นว่าข้อมูลในรายงานฉบับดังกล่าวมีความครบถ้วน ซึ่งจากนี้จะได้มีการนำรายงานฉบับสมบูรณ์เสนอต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) อีกครั้ง ก่อนจะนำเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม. ตามขั้นตอนต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

อดีตนายกฯ โพสต์พร้อมทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน-ตรวจสอบรัฐบาล

กรุงเทพ 5 ก.ย.- “แพทองธาร” ระบุ จากวันนี้เพื่อไทยทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานรัฐบาล บอก ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่ พร้อมขอบคุณผู้สนับสนุน จะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ตลอดระยะเวลาการทำงานของพรรคเพื่อไทย เราผ่านสถานการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งช่วงเวลาแห่งความสุข และช่วงเวลาที่ต้องแบกรับความยากลำบากร่วมกัน แต่สิ่งที่เราไม่เคยละวาง คือความหวัง โอกาส และอนาคตที่ดีกว่าของประชาชน จากวันนี้ เราจะทุ่มเททำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล รักษาระบบรัฐสภาให้เดินหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตย เราไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดใหม่นี้ แต่เราจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย ขอบคุณกำลังใจและการสนับสนุนจากทุกท่าน เราทราบดีว่า การเดินทางร่วมกับพรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้ ต้องใช้ความเข้มแข็งและอดทนถึงเพียงไหน เราจะผ่านวันนี้ไปด้วยกัน และจะกลับมาด้วยหัวใจเพื่อประชาชน .-316 -สำนักข่าวไทย

“อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกฯ

รัฐสภา 5 ก.ย.- “อนุทิน” ก้มกราบพ่อ หลังได้รับโหวตนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 เดินทางไปเยี่ยม นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล บิดา ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ภายหลังได้รับการโหวตจากสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ด้วยคะแนน 311 เสียง ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล นายอนุทินได้ก้มกราบที่ตักพ่อ พร้อมสวมกอดระหว่างที่พ่อกำลังรับประทานอาหารเย็น ทั้งคู่มีสีหน้ายิ้มแย้ม สดใส ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายอนุทินจะเดินทางเข้าที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ในเวลา 20.00 น. ของวันนี้.-315 -สำนักข่าวไทย

เริ่มลงตัว! เปิดโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” แบ่งโควตาคนนอก 5 เก้าอี้

กทม.5 ก.ย.- เช็กโผ​ “ครม.อนุทิน​ 1” เริ่มลงตัว “ภูมิใจไทย” 12 เก้าอี้ แบ่งโควตาคนนอกอีก 5 เก้าอี้ มีชื่อ “เศรษฐพุฒิ” อดีตผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ นั่งขุนคลัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังจากที่นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับความเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี​ จากสภาผู้แทนราษฎร ความเคลื่อนไหวการจัดตั้ง “ครม.อนุทิน 1” ก็ขยับทันที​ โดยมีการจัดสรรโควตาตามจำนวนเสียงที่ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสียง​ข้างน้อย​ ร่วมกัน​ 146 ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย​ 12 เก้าอี้ เนื่องจากมีโควตาของคนนอก ที่จะไม่นับรวม อีก 5 เก้าอี้​ ส่วนพรรคกล้าธรรม 7 เก้าอี้ แบ่งเป็น 4 รัฐมนตรีว่าการ​ และ 3 รัฐมนตรีช่วยว่าการ ขณะที่​ พรรคพลังประชารัฐ​ 4​ เก้าอี้ กลุ่มนายสุชาติ​ ชมกลิ่น​ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ 4 […]

เพื่อไทยโพสต์พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

กรุงเทพฯ 5 ก.ย.- พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ขอบคุณทุกแรงใจ ระบุ นโยบายหลายเรื่องค้างไว้ รอวันกลับมาสานต่อ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติ 311 เสียง เห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ว่า “พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน…ตลอดไป” .-316 -สำนักข่าวไทย