จรัญชี้แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค. – ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นควรทำตั้งแต่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ลดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันการเมืองครอบงำระบบยุติธรรม


องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดงานเสวนาหัวข้อ “ตามหาคน (โกง) หาย” ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวเปิดงานว่า ในระยะหลายปีที่ผ่านมา กระบวนการยุติธรรมถูกตำหนิว่าล่าช้า ซึ่งก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงและยกระดับกระบวนการยุติธรรมให้ดำเนินคดีรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า การดำเนินคดีอาจไม่เข้มข้นเท่าที่ควร เพราะผู้ต้องหาบางรายสามารถหลบหนีไปได้ จึงต้องจัดงานเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

จากนั้น เข้าสู่การเสวนา หัวข้อ “ตามหาคน (โกง) หาย” โดยนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตนขอตั้งโจทย์สำหรับระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศไทย  โจทย์ข้อแรก ประเทศไทยยังมีช่องโหว่ปล่อยคนชั่วลอยนวลเยอะ จนภาควิชาการตั้งฉายาให้ระบบงานยุติธรรมของไทยว่า เป็นระบบงานยุติธรรมใยแมงมุม ที่ดักจับได้แค่แมลงตัวเล็ก แต่จับแมลงตัวใหญ่ไม่ได้ เหมือนการปล่อยคนชั่วลอยนวล  โจทย์ข้อที่สอง มีการจับตัวผู้บริสุทธิ์มาเอาผิดและลงโทษทางอาญา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลตัวเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถหาพยาน หลักฐานมาพิสูจน์ได้ ส่วนโจทย์ข้อที่สาม คือ ปัญหาอาชญากรในเครื่องแบบ หรือ บุคลากรในระบบงานยุติธรรมที่เกเร แฝงตัว อาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายก่ออาชญากรรมโดยไม่ปรากฎให้สังคมรับรู้  ซึ่งปราบปราบบุคคลเหล่านี้อย่างยากลำบาก ทั้งนี้ พบว่า โจทย์หรือปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เกิดมาจากความเหลื่อมล้ำในสังคม 


“เราต้องแก้ปัญหาเหล่านี้เพื่อประโยชน์ที่ใหญ่กว่าของคนส่วนใหญ่ในสังคม คนที่ทำผิดต่อบ้านเมือง ควรได้รับการลงโทษลงทัณฑ์ตามความผิดที่ได้กระทำ เพื่อให้สังคมได้รับบทเรียนว่า เราอย่าไปทำอย่างนั้น สังคมจะปลอดภัยขึ้น ขณะที่ผู้กระทำผิดก็จะได้รับการกล่าวเตือนว่า พฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ ถือเป็นการรับโทษในทางมนุษย์ แต่หากบุคคลเหล่านั้น ยังกระทำผิดอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่ได้รับการตักเตือน ต่อไปก็ต้องรับโทษจากพระผู้เป็นเจ้า หรือธรรมชาติจะเป็นผู้ลงโทษตัวเขาเสียเอง” นายจรัญ กล่าว

นายจรัญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการพัฒนากฎหมาย กลไก และเครื่องมือจำนวนมาก จนกระทั่งมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้รับการเสริมเขี้ยวเล็บพร้อมปิดช่องว่างทางกฎหมายมามากพอสมควร โดยในเรื่องของการหลบหนี มีการแก้กฎหมายว่า หากจำเลยหลบหนี อายุความต้องหยุดลง และสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ดังนั้น หากพิพากษาลงโทษ โทษก็จะติดตัวตลอดชีวิต สำหรับจำเลยที่กระทำผิดแล้วหลบหนีการดำเนินคดี 

“การแก้กฎหมายเช่นนี้ไม่ใช่แนวทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะหากกลับมาต่อสู้คดี อายุความก็จะเดินหน้าต่อ และหากวันหนึ่งภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง ไม่ใช้วิธีใต้โต๊ะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกเรเหล่านั้น ก็จะแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผู้ใช้อำนาจรัฐต้องเมตตาสังคม มากกว่าเมตตาลูกน้องตัวเอง หากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยุคใดใช้กลไกปกปิดการทำผิด ทุกอย่างจะเละเทะ และไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เพราะเจ้าหน้าที่กลับกระทำผิดเสียเอง ดังนั้น ยุคใดที่มีนายกรัฐมนตรีใจซื่อมือสะอาด เอาจริงเอาจังกับผู้ร่วมงาน ยุคนั้นประเทศไทยจะดีขึ้นเยอะ เชื่อว่า จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้” นายจรัญ กล่าว


นายจรัญ กล่าวว่า ประเทศไทยมีเครื่องมือดำเนินการสำหรับคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว แต่ในคดีอาญาระดับรองลงมา เมื่อปล่อยคดีให้ล่าช้า พยานหลักฐานก็มักจะหายไป ดังนั้น จึงต้องการให้ขยายผลกฎหมายในคดีทุจริตให้มาถึงคดีอาญาร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ ยังต้องการให้กระบวนการยุติธรรมช่วยเหลือด้านพยานหลักฐานในกระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องสงสัยก่อน ยกเลิกระบบการให้คู่กรณีต่อสู้กันเองในคดีอาญาร้ายแรง ต้องมีระบบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองฝั่งอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดการจับตัวคนบริสุทธิ์มาลงโทษ อีกทั้งการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมก็ต้องมีความเท่าเทียม แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำทางฐานะให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องโทษปรับ เสนอให้ยกเลิกการจับขังคุกแทนการจ่ายค่าปรับ แต่เปลี่ยนเป็นการทำงานทดแทนจะดีกว่า เพราะคนยากจนมักไม่มีเงินนำมาจ่ายค่าปรับ และควรมีกรอบเวลาการพิจารณาคดีอาญาในกระบวนการของศาล เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินคดี 

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวว่า ประเทศไทยขณะนี้เริ่มมีพัฒนาการที่สามารถจับผู้ต้องหาที่มีฐานะร่ำรวยเข้าเรือนจำได้ แต่ก็อาจจะมีสิทธิพิเศษในบางเรือนจำที่มีหลายแดน แต่ละแดนจะมีสภาพที่แตกต่างกัน ผู้ที่มีอิทธิพลหรือโด่งดังในสังคมก็อาจจะได้อยู่ในแดนหนึ่งที่ค่อนข้างสบาย หรือบางคนก็ได้อยู่หน้าแดน ไม่ได้ใช้ชีวิตรวมกับนักโทษคนอื่น  นักโทษทั่วไปที่มีปัญหาด้านสุขภาพจะไปรักษาที่สถานพยาบาลในเรือนจำอย่างยากลำบาก เพราะจะมีการจัดคิว แต่ละวันไม่สามารถรักษาได้ครบทุกคน ส่วนโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะอยู่นอกเรือนจำ หากไม่ป่วยหนักจริงก็ไม่สามารถส่งตัวไปรักษาได้ ดังนั้น นักโทษที่ไม่มีอำนาจเงินหรืออิทธิพล จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ยาก ส่วนผู้ที่มีอิทธิพลจะมีช่องทางการรักษาพยาบาลได้ง่ายกว่าหรือไม่นั้น ตนก็ไม่แน่ใจ 

ด้านนายนิวัติ แก้วล้วน อดีตเลขาธิการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า ประเทศไทยมีปัญหาในโครงสร้างระบบยุติธรรม ตั้งแต่ต้นทางในระบบงานสอบสวนที่มีการประเมินหลักประกันในทุกข้อหา ส่วนการทำงานของฝ่ายสอบสวนที่ส่วนมากจะส่งคดีต่ออัยการให้ฟ้องร้องต่อศาล เพราะเป็นขั้นตอนที่ง่ายกว่าไม่ฟ้อง ซึ่งต้องหาเอกสารหลักฐานมากเพื่อตอบคำถามว่าทำไมถึงไม่ฟ้อง และอีกปัญหาสำคัญของกฎหมายไทย เช่น ศาลตัดสินโทษประหารชีวิต แต่กรมราชทัณฑ์ให้จำคุกเพียง 15 ปีแล้วนักโทษนั้นถูกปล่อยตัว  จึงเห็นว่าควรกำหนดโทษให้ชัดเจนกรณีโทษประหารชีวิตหรือติดคุกตลอดชีวิต  โดยให้กำหนดว่า ต้องติดคุกไม่ต่ำกว่า 30 ปี เพราะปัจจุบันนักโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ได้ถูกจองจำสูงสุด 17-20 ปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายจรัญ กล่าวทิ้งท้ายในการสัมมนาว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรไม่ให้ระบบการเมืองครอบงำกระบวนการยุติธรรม เพราะเมื่อการเมืองแบ่งฝักฝ่าย ก็ต้องสร้างบารมี ซึ่งหากแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ จะมีการถอดอำนาจการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นระบบดูแลกันเอง เพื่อไม่ให้อำนาจการเมืองแทรกแซง แต่อำนาจที่มากกว่าการเมือง ก็คืออำนาจเงิน ซึ่งทรงพลัง ซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะพบว่า ข้าราชการบางคนเติบโตด้วยการสนับสนุนของเจ้าพ่อหวย เจ้าพ่อการพนัน และเจ้าพ่อซ่อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย