จรัญชี้แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นต้องปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม

กรุงเทพฯ 7 ธ.ค. – ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ แก้ปัญหาคอร์รัปชั่นควรทำตั้งแต่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญา ลดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันการเมืองครอบงำระบบยุติธรรม


องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) จัดงานเสวนาหัวข้อ “ตามหาคน (โกง) หาย” ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวเปิดงานว่า ในระยะหลายปีที่ผ่านมา กระบวนการยุติธรรมถูกตำหนิว่าล่าช้า ซึ่งก็มีความพยายามที่จะปรับปรุงและยกระดับกระบวนการยุติธรรมให้ดำเนินคดีรวดเร็วกว่าที่ผ่านมา แต่กลับพบว่า การดำเนินคดีอาจไม่เข้มข้นเท่าที่ควร เพราะผู้ต้องหาบางรายสามารถหลบหนีไปได้ จึงต้องจัดงานเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

จากนั้น เข้าสู่การเสวนา หัวข้อ “ตามหาคน (โกง) หาย” โดยนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ตนขอตั้งโจทย์สำหรับระบบกระบวนการยุติธรรมทางอาญาของประเทศไทย  โจทย์ข้อแรก ประเทศไทยยังมีช่องโหว่ปล่อยคนชั่วลอยนวลเยอะ จนภาควิชาการตั้งฉายาให้ระบบงานยุติธรรมของไทยว่า เป็นระบบงานยุติธรรมใยแมงมุม ที่ดักจับได้แค่แมลงตัวเล็ก แต่จับแมลงตัวใหญ่ไม่ได้ เหมือนการปล่อยคนชั่วลอยนวล  โจทย์ข้อที่สอง มีการจับตัวผู้บริสุทธิ์มาเอาผิดและลงโทษทางอาญา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลตัวเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถหาพยาน หลักฐานมาพิสูจน์ได้ ส่วนโจทย์ข้อที่สาม คือ ปัญหาอาชญากรในเครื่องแบบ หรือ บุคลากรในระบบงานยุติธรรมที่เกเร แฝงตัว อาศัยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายก่ออาชญากรรมโดยไม่ปรากฎให้สังคมรับรู้  ซึ่งปราบปราบบุคคลเหล่านี้อย่างยากลำบาก ทั้งนี้ พบว่า โจทย์หรือปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เกิดมาจากความเหลื่อมล้ำในสังคม 


“เราต้องแก้ปัญหาเหล่านี้เพื่อประโยชน์ที่ใหญ่กว่าของคนส่วนใหญ่ในสังคม คนที่ทำผิดต่อบ้านเมือง ควรได้รับการลงโทษลงทัณฑ์ตามความผิดที่ได้กระทำ เพื่อให้สังคมได้รับบทเรียนว่า เราอย่าไปทำอย่างนั้น สังคมจะปลอดภัยขึ้น ขณะที่ผู้กระทำผิดก็จะได้รับการกล่าวเตือนว่า พฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นเรื่องที่ใช้ไม่ได้ ถือเป็นการรับโทษในทางมนุษย์ แต่หากบุคคลเหล่านั้น ยังกระทำผิดอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่ได้รับการตักเตือน ต่อไปก็ต้องรับโทษจากพระผู้เป็นเจ้า หรือธรรมชาติจะเป็นผู้ลงโทษตัวเขาเสียเอง” นายจรัญ กล่าว

นายจรัญ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีการพัฒนากฎหมาย กลไก และเครื่องมือจำนวนมาก จนกระทั่งมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้รับการเสริมเขี้ยวเล็บพร้อมปิดช่องว่างทางกฎหมายมามากพอสมควร โดยในเรื่องของการหลบหนี มีการแก้กฎหมายว่า หากจำเลยหลบหนี อายุความต้องหยุดลง และสามารถพิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้ ดังนั้น หากพิพากษาลงโทษ โทษก็จะติดตัวตลอดชีวิต สำหรับจำเลยที่กระทำผิดแล้วหลบหนีการดำเนินคดี 

“การแก้กฎหมายเช่นนี้ไม่ใช่แนวทางที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะหากกลับมาต่อสู้คดี อายุความก็จะเดินหน้าต่อ และหากวันหนึ่งภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง ไม่ใช้วิธีใต้โต๊ะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกเรเหล่านั้น ก็จะแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน ผู้ใช้อำนาจรัฐต้องเมตตาสังคม มากกว่าเมตตาลูกน้องตัวเอง หากผู้ใหญ่ในบ้านเมืองยุคใดใช้กลไกปกปิดการทำผิด ทุกอย่างจะเละเทะ และไม่มีใครสามารถทำอะไรได้ เพราะเจ้าหน้าที่กลับกระทำผิดเสียเอง ดังนั้น ยุคใดที่มีนายกรัฐมนตรีใจซื่อมือสะอาด เอาจริงเอาจังกับผู้ร่วมงาน ยุคนั้นประเทศไทยจะดีขึ้นเยอะ เชื่อว่า จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้” นายจรัญ กล่าว


นายจรัญ กล่าวว่า ประเทศไทยมีเครื่องมือดำเนินการสำหรับคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว แต่ในคดีอาญาระดับรองลงมา เมื่อปล่อยคดีให้ล่าช้า พยานหลักฐานก็มักจะหายไป ดังนั้น จึงต้องการให้ขยายผลกฎหมายในคดีทุจริตให้มาถึงคดีอาญาร้ายแรงอื่น ๆ ด้วย นอกจากนี้ ยังต้องการให้กระบวนการยุติธรรมช่วยเหลือด้านพยานหลักฐานในกระบวนการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้ต้องสงสัยก่อน ยกเลิกระบบการให้คู่กรณีต่อสู้กันเองในคดีอาญาร้ายแรง ต้องมีระบบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบทั้งสองฝั่งอย่างละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดการจับตัวคนบริสุทธิ์มาลงโทษ อีกทั้งการดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรมก็ต้องมีความเท่าเทียม แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำทางฐานะให้ได้ โดยเฉพาะเรื่องโทษปรับ เสนอให้ยกเลิกการจับขังคุกแทนการจ่ายค่าปรับ แต่เปลี่ยนเป็นการทำงานทดแทนจะดีกว่า เพราะคนยากจนมักไม่มีเงินนำมาจ่ายค่าปรับ และควรมีกรอบเวลาการพิจารณาคดีอาญาในกระบวนการของศาล เพื่อความรวดเร็วในการดำเนินคดี 

นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (iLaw) กล่าวว่า ประเทศไทยขณะนี้เริ่มมีพัฒนาการที่สามารถจับผู้ต้องหาที่มีฐานะร่ำรวยเข้าเรือนจำได้ แต่ก็อาจจะมีสิทธิพิเศษในบางเรือนจำที่มีหลายแดน แต่ละแดนจะมีสภาพที่แตกต่างกัน ผู้ที่มีอิทธิพลหรือโด่งดังในสังคมก็อาจจะได้อยู่ในแดนหนึ่งที่ค่อนข้างสบาย หรือบางคนก็ได้อยู่หน้าแดน ไม่ได้ใช้ชีวิตรวมกับนักโทษคนอื่น  นักโทษทั่วไปที่มีปัญหาด้านสุขภาพจะไปรักษาที่สถานพยาบาลในเรือนจำอย่างยากลำบาก เพราะจะมีการจัดคิว แต่ละวันไม่สามารถรักษาได้ครบทุกคน ส่วนโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะอยู่นอกเรือนจำ หากไม่ป่วยหนักจริงก็ไม่สามารถส่งตัวไปรักษาได้ ดังนั้น นักโทษที่ไม่มีอำนาจเงินหรืออิทธิพล จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้ยาก ส่วนผู้ที่มีอิทธิพลจะมีช่องทางการรักษาพยาบาลได้ง่ายกว่าหรือไม่นั้น ตนก็ไม่แน่ใจ 

ด้านนายนิวัติ แก้วล้วน อดีตเลขาธิการสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ระบุว่า ประเทศไทยมีปัญหาในโครงสร้างระบบยุติธรรม ตั้งแต่ต้นทางในระบบงานสอบสวนที่มีการประเมินหลักประกันในทุกข้อหา ส่วนการทำงานของฝ่ายสอบสวนที่ส่วนมากจะส่งคดีต่ออัยการให้ฟ้องร้องต่อศาล เพราะเป็นขั้นตอนที่ง่ายกว่าไม่ฟ้อง ซึ่งต้องหาเอกสารหลักฐานมากเพื่อตอบคำถามว่าทำไมถึงไม่ฟ้อง และอีกปัญหาสำคัญของกฎหมายไทย เช่น ศาลตัดสินโทษประหารชีวิต แต่กรมราชทัณฑ์ให้จำคุกเพียง 15 ปีแล้วนักโทษนั้นถูกปล่อยตัว  จึงเห็นว่าควรกำหนดโทษให้ชัดเจนกรณีโทษประหารชีวิตหรือติดคุกตลอดชีวิต  โดยให้กำหนดว่า ต้องติดคุกไม่ต่ำกว่า 30 ปี เพราะปัจจุบันนักโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต ได้ถูกจองจำสูงสุด 17-20 ปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม นายจรัญ กล่าวทิ้งท้ายในการสัมมนาว่า จะแก้ปัญหาอย่างไรไม่ให้ระบบการเมืองครอบงำกระบวนการยุติธรรม เพราะเมื่อการเมืองแบ่งฝักฝ่าย ก็ต้องสร้างบารมี ซึ่งหากแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ จะมีการถอดอำนาจการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นระบบดูแลกันเอง เพื่อไม่ให้อำนาจการเมืองแทรกแซง แต่อำนาจที่มากกว่าการเมือง ก็คืออำนาจเงิน ซึ่งทรงพลัง ซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะพบว่า ข้าราชการบางคนเติบโตด้วยการสนับสนุนของเจ้าพ่อหวย เจ้าพ่อการพนัน และเจ้าพ่อซ่อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ผู้รอดชีวิตจากแอร์อินเดียเผยหนีออกทางประตูฉุกเฉินที่เสียหาย

นิวเดลี 13 มิ.ย. – ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุเครื่องบินแอร์อินเดียตก ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 240 คน กล่าวว่า เขาเดินออกมาจากประตูฉุกเฉินที่พังเสียหาย หลังจากเครื่องบินชนเข้ากับหอพักวิทยาลัยแพทย์ในเมืองอาห์เมดาบัด นายราเมศ วิศวาศกุมาร ซึ่งตำรวจระบุว่า เขานั่งอยู่ที่นั่ง 11เอ (11A) ใกล้ประตูฉุกเฉิน และสามารถหนีรอดมาได้ทางช่องทางประตูฉุกเฉินที่ชำรุดเสียหาย เขาถูกบันทึกภาพไว้หลังเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันพฤหัสบดี ขณะกำลังเดินกะเผลกๆ อยู่บนถนนในสภาพเสื้อยืดเปื้อนเลือดและมีรอยฟกช้ำบนใบหน้า คลิปภาพชาวอังกฤษเชื้อสายอินเดียผู้นี้ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ ถูกนำไปออกอากาศในสถานีข่าวเกือบทั้งหมดของอินเดีย หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุตกหลังออกเดินทางจากสนามบินได้ไม่นาน นายวิศวาศกุมาร ให้สัมภาษณ์ขณะนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลว่า เขาไม่อยากจะเชื่อว่ารอดชีวิตมาได้อย่างไร และคิดว่าต้องตายแน่ ๆ แต่พอเขาลืมตา เขาก็รู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย และพยายามปลดเข็มขัดนิรภัย เพื่อออกจากที่นั่ง และพยายามหนีออกมาจากตัวเครื่องบิน นายวิศวาศกุมาร เล่าว่า เครื่องบินดูเหมือนจะหยุดนิ่งกลางอากาศเป็นเวลา 2-3 วินาที หลังจากที่ขึ้นบินไปในอากาศ และไฟในห้องโดยสารที่เป็นสีเขียวและสีขาวก็สว่างขึ้น เขารู้สึกได้ว่าแรงขับเคลื่อนของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น แต่แล้วเครื่องบินก็ชนเข้ากับหอพักด้วยความเร็ว แพทย์ระบุว่า นายวิศวาศกุมารไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงใด ๆ ในขณะที่เขากล่าวว่า เขาเดินออกจากจุดเครื่องบินตก โดยบาดเจ็บจากบาดแผลไฟไหม้ที่แขนซ้ายเท่านั้น นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี […]

นายกฯ เชื่อกัมพูชาเข้าใจผิด ตัดไฟ-เน็ต ส่ง กต.เคลียร์

ถนนวิทยุ 13 มิ.ย.- นายกฯ เชื่อกัมพูชาเข้าใจผิด ไทยออกแถลงการณ์ “ตัดไฟ-เน็ต” เผยแค่มาตรการเตรียมพร้อม ส่ง กต.เคลียร์ หลัง “ฮุน เซน” งัด 6 มาตรการโต้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมเด็จฯฮุนเซน ประกาศ 6 มาตรการตอบโต้ประเทศไทย หากไม่ยอมเปิดด่านพรมแดน ซึ่งล่าสุดได้มีการปิดด่านที่จังหวัดจันทบุรีโดยไม่มีการแจ้งให้ทางการไทยทราบก่อน โดยนายกฯระบุว่าตอนแรกทางกัมพูชาได้ยินว่าไทยจะตัดน้ำตัดไฟ(ตัดไฟตัดเน็ต) แต่จริงๆแล้ว เรื่องนี้ต้องอยู่ในมาตรการที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ก่อน และเรายังไม่ได้มีการประกาศออกไป แต่ยอมรับว่ามีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ และย้ำว่าเรายังไม่ได้ทำแบบนั้น ซึ่งอาจมีความเข้าใจผิดเกิดขึ้น จึงได้มีการพูดคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและคณะทำงานว่าเกิดอะไรขึ้น จนทำให้เข้าใจผิดว่ารัฐบาลออกแถลงการณ์ว่าจะตัดน้ำตัดไฟ ซึ่งไม่จริง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการพูดคุยกันก็มีการตกลงกันว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะปรับกำลัง และจะรอการพูดคุยในการประชุม JBC วันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) จึงอยากให้สื่อมวลชนช่วยสื่อสารด้วยว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่แถลงการณ์จากรัฐบาล ส่วนนายกรัฐมนตรีจะต้องประสานโดยตรงกับกัมพูชา หรือมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันหรือไม่ นายก รัฐมนตรี กล่าวว่า จะมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศประสานไปทางกัมพูชาว่าข้อมูลดังกล่าวมาได้อย่างไร มีกระบวนการอย่างไร เพราะจริงๆแล้วเราได้มีการเตรียมการทุกสถานการณ์และเมื่อผ่านความเห็นชอบจาก สมช. […]

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

กัมพูชาสั่งแบนหนัง-ละครไทย

พนมเปญ 13 มิ.ย. – เว็บไวต์ขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชารายงานว่า นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา เรียกร้องให้สถานีโทรทัศน์กัมพูชายกเลิกการออกอากาศละครไทย เลิกฉายหนังไทย และอาจจะยกเลิกการนำเข้าสินค้าจากไทยด้วยเพื่อรักษาอธิปไตยและศักดิ์ศรีของประเทศในยามที่เผชิญแรงกดดัน กระทรวงข่าวสารกัมพูชาได้ออกหนังสือถึงเจ้าของสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งแจ้งให้ทราบว่าตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป ทุกสถานีของกัมพูชาต้องงดออกอากาศภาพยนตร์ไทยทุกประเภทเพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์และรักษาความมั่นคงของชาติ นอกจากนี้กระทรวงศิลปะและวัฒนธรรมกัมพูชายังออกประกาศแจ้งเตือนให้ระงับการฉายและห้ามนำเข้าภาพยนตร์ไทยทุกประเภทในกัมพูชาตั้งแต่ 12 นาฬิกาวันนี้เป็นต้นไป.-816.-สำนักข่าวไทย