โฆษก กรธ.มั่นใจว่าที่กกต.ใหม่จะทำงานได้

รัฐสภา 6 ธ.ค.-“อุดม” เชื่อมั่นกกต.ตามรธน.ใหม่ทำงานได้ แม้ว่าที่กกต. 5 คนที่เพิ่งได้รับการสรรหา ไม่เคยผ่านงานสืบสวนสอบสวนมาก่อน เพราะยังมีกกต.สัดส่วนที่เลือกมาจากศาลฎีกาทำงานร่วม


นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้คัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมดำรงตำแหน่ง กกต.จำนวน 5 คน ว่า เวลานึกถึงคนที่ได้รับการสรรหาเป็น กกต.จะดูตามคุณสมบัติที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้ หากคุณสมบัติตรงตามรัฐธรรมนูญ และคุณสมบัติจะนำไปสู่การที่แต่ละบุคคลจะสามารถปฏิบัติได้อย่างเต็มที่มากน้อยเพียงไร คงตอบไม่ได้ทั้งหมด แต่คิดว่าประสบการณ์และคุณวุฒิต่าง ๆ ที่บุคคลเหล่านั้นมีเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้การทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ดุลยพินิจตัดสินใจหรือใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่ในการบริหารจัดการเลือกตั้ง ไม่น่าจะมีข้อสงสัยอะไร 

โฆษก กรธ. กล่าวว่า ส่วนคุณสมบัติอื่น ๆ ก็เข้าใจว่าคณะกรรมการสรรหากกต.คงพิจารณาอย่างรอบคอบจาก 41 คนและคัดจนเหลือ 15 คน และเหลือ 5 คนในที่สุด ก็ต้องถือว่ากรรมการสรรหาได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว และไม่กังวลว่าว่าที่กกต. 5 คนที่ได้รับการสรรหา ไม่มีใครมีที่ผ่านงานด้านสืบสวนมาก่อน เพราะยังมี กกต.ที่มาจากศาลยุติธรรมที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นคนเลือกเข้ามาอีก 2 คน ที่จะสามารถทำหน้าที่ในเรื่องการมองประเด็นเรื่องพยานหลักฐาน ในมุมมองของนักกฎหมาย ที่รัดกุมยิ่งขึ้น ดังนั้นว่าที่กกต. 5 คนที่เข้ามาอาจจะมีประสบการณ์ด้านกฎหมายไม่มาก ก็ไม่เป็นไร เพราะกกต.ไม่ได้ดูเฉพาะเรื่องกฎหมาย แต่ต้องดูครอบคลุมถึงเรื่องการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ ยุติธรรม และขณะเดียวกันก็มีเจ้าหน้าที่กกต.เดิมสนับสนุนการทำงานอยู่แล้ว


“บางคนอาจจะคิดว่าท่านไม่เคยทำงานสืบสวนสอบสวนมาก่อน ท่านไม่เคยทำงานด้านการเลือกตั้งมาก่อน แล้วจะทำงานเก่งสู้ท่านสมชัยได้หรือ ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่ทำงานเกี่ยวการเลือกตั้ง แล้วจะต้องได้รับการสรรหาเข้ามาเป็นพิเศษ เพราะการบริหารการเลือกตั้ง คงเป็นเรื่องที่แต่ละคนมีประสบการณ์มากน้อยแตกต่างกันไป แต่อย่างน้อยสิ่งที่เราคิดคือ ท่านที่เป็นกรรมการเหล่านี้เป็นผู้บริหารระดับสูง ท่านเรียนรู้ได้ไว้ และเชื่อว่าใช้เวลาไม่นานและที่สำคัญ ชุดนี้ไม่ใช่กกต.ชุดแรก เคยมีกกต.มา 3-4 ชุดแล้ว เพราะฉะนั้นในกรณีอย่างนี้ ผมมีความเชื่อว่าการทำงานของกกต.ชุดที่ผ่าน ๆ มาจะเป็นบทเรียนให้กับการทำงานของกกต.ชุดใหม่ และท่านก็มีเจ้าหน้าที่กกต.ที่ผ่านมาแล้วทั้งนั้นที่จะช่วยงาน” นายอุดม กล่าว.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล

เปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุน

นายกฯ ย้ำบทบาทของไทยในเวทีโลก ที่ดาวอส พร้อมเปิดรับการลงทุนสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ ด้วยจุดแข็งด้านเกษตรกรรม Soft Power และอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลและการค้าเสรี เร่งสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าที่เสรี เปิดกว้าง และยั่งยืน

ช้างหลุดเดินถนน

ระทึก! ช้างหลุดจากปางช้างเดินบนถนน รถเสียหาย 1 คัน

ระทึก! ควาญช้างและตำรวจเร่งติดตามช้างหลุดจากปาง เดินบนถนน ชนกระจกมองข้างรถยนต์เสียหาย 1 คัน สุดท้ายไปเจอเล่นน้ำอยู่ในลำธารอย่างสบายใจ