fbpx

กกร.เชื่อส่งออกปีนี้โตร้อยละ 9

กรุงเทพฯ 6 ธ.ค. – กกร.คาดส่งออกปีนี้ขยายตัวร้อยละ 9 จีดีพีโตร้อยละ 3.7-4.0 ส่วนปี 61 คาดส่งออกโตร้อยละ 6 และเศรษฐกิจไทยจะใกล้เคียงกับปีนี้ร้อยละ 4


นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ที่ประชุม กกร.เห็นว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปี 2560 ขยายตัวสูงกว่าคาด ประกอบกับ การส่งออกและการท่องเที่ยวที่ยังสามารถรักษาแรงส่งของการขยายตัวที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 2560 อาจจะขยายตัวโน้มเข้าสู่กรอบบนของประมาณการ กกร.ร้อยละ 3.7-4.0 โดยการส่งออกน่าจะขยายตัวสูงกว่ากรอบประมาณการเดิมร้อยละ 6.5-7.5 หลัง 10 เดือนแรกของปีขยายตัวสูงถึงร้อยละ 9.7  จึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่การส่งออกปี 2560 อาจจะขยายตัวประมาณร้อยละ 9.0  ส่วนปี 2561 คาดว่าการเติบโตเศรษฐกิจจะอยู่ที่ร้อยละ 4 และการส่งออกจะมีอัตราเติบโตร้อยละ 6 

ทั้งนี้ แม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยจะยังไม่เกิดขึ้นอย่างทั่วถึงทุกภาคส่วน  สะท้อนได้จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงเปราะบาง อย่างไรก็ตาม การที่ภาครัฐกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมออกมาตรการเพิ่มเพื่อดูแลผู้มีรายได้น้อยหรือเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งการเร่งผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต้นปี 2561 น่าจะช่วยให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะกระจายตัวมากขึ้นในระยะข้างหน้า เบื้องต้น กกร.เห็นว่าปี 2561 เศรษฐกิจไทยน่าจะมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงกับปี 2560  


สำหรับประเด็นที่ต้องติดตามที่สำคัญ คือ สถานการณ์การเมืองในต่างประเทศ อาทิ ความคืบหน้าของร่างปฏิรูปกฎหมายภาษีของสหรัฐ  การสอบสวนกรณีความเชื่อมโยงระหว่างทำเนียบขาวกับรัสเซีย  การจัดตั้งรัฐบาลในเยอรมนี  การเจรจากรณี BREXIT และความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวในตลาดการเงินโลก รวมทั้งทิศทางค่าเงินบาทให้ยังมีแนวโน้มผันผวนในกรอบที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐที่ขาดแรงหนุนใหม่ ๆ ในระยะอันใกล้นี้ โดย กกร.มีความเป็นห่วงว่า เงินบาทที่แข็งค่าเร็วเกินไปอาจจะไม่เป็นผลดีต่อภาคการค้าระหว่างประเทศในระยะต่อไป  

ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 31 เดือน แตะ 32.55 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน (แข็งค่าแล้วร้อยละ 9.7 จากปลายปีก่อน) เนื่องจากเงินดอลลาร์ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายภาษีของสหรัฐ รวมทั้งจากการไหลกลับเข้ามาของเงินลงทุนต่างชาติ  ซึ่งความเคลื่อนไหวของเงินทุนระยะสั้นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบถึงความสามารถในการแข่งขันและการประกอบการของผู้ส่งออกได้ ภาครัฐจึงควรดูแลให้ความเคลื่อนไหวเงินทุนระยะสั้นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการน้อยที่สุด โดย กกร.ให้ความสำคัญส่งเสริมเอสเอ็มอีประกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้มีการจัดทำโครงการส่งเสริมการให้ความรู้และการทดลองการนำเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงมาใช้ให้กับเอสเอ็มอีทั่วประเทศ จึงอยากให้เอสเอ็มอีที่มีการส่งออกและนำเข้าที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์เข้าร่วมโครงการ 

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ กกร.เห็นว่าหลาย ๆ คนเป็นที่ยอมรับของภาคเอกชน เพราะทุกคนมีความรู้ ความสามารถ ซึ่งเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการ คือ  สานต่อนโยบายการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนให้มีความต่อเนื่องและเป็นไปตามแผนของรัฐบาลที่กำหนดให้นำไปสู่ประเทศ 4.0 ภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี   


ทั้งนี้ ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลให้ความสำคัญเร่งนโยบายดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด  ได้แก่ การแก้ปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น  การปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย  กฎระเบียบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าการลงทุน  การเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐาน  รวมถึงการลงทุนโครงการเน็ตประชารัฐ  อย่างไรก็ตาม ภาพรวมเศรษฐกิจ การส่งออก และการท่องเที่ยวขยายตัวดีมาก แต่เศรษฐกิจฐานรากยังไม่ดีเท่าที่ควร รัฐบาลจึงจำเป็นต้องพัฒนาโครงการต่าง ๆ ในท้องถิ่น เพื่อกระจายรายได้ไปสู่เศรษฐกิจฐานรากและมีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นด้วย 

ส่วนการร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ…. ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง ฉบับแก้ไขจะมีการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะวันที่ 19 ธันวาคมนี้นั้น กกร.มอบหมายให้คณะทำงานฯ นำร่างฉบับแก้ไขดังกล่าวศึกษาและให้ข้อคิดเห็นในเวทีรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปสู่แนวทางการปฏิบัติตามกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศต่อไป. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย