กทม.4 ธ.ค.- เตรียมเส้นทางจราจร ส่ง”ตูน บอดีสแลม”และทีมงานก้าวคนละก้าว ออกจากพื้นที่กรุงเทพฯ ขอผู้ใช้รถใช้ถนนอย่าชะลอรถถ่ายภาพจะทำให้รถติดหรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้
พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงการเตรียมเส้นทางและจัดการจราจรรับนายอทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน บอดี้สแลม วิ่งตามโครงการ”ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” ว่า กำหนดการเดิมตูนจะวิ่ง 5 ธันวาคม หรือพรุ่งนี้ แต่เพราะมีอาการบาดเจ็บ คณะแพทย์ให้พัก 2 วัน จึงเปลี่ยนเป็นวันที่ 6 ธันวาคมซึ่งเป็นวันทำงานตามปกติ และการจราจรค่อนข้างหนาแน่นในเส้นทางต่างๆ เบื้องต้นทราบจากทีมงานว่า ช่วงประมาณตี 4 ขบวนจะเริ่มวิ่งออกจากโรงแรมพูลแมนคิงพาวเวอร์ ซอยรางน้ำ เข้าถนนพญาไท เลี้ยวขวาเข้าถนนศรีอยุธยา บริเวณแยกพญาไท จากนั้นจะวิ่งตรงผ่านแยกศรีอยุธยา ข้ามทางรถไฟ ผ่านสนามม้านางเลิ้ง วัดเบญจมบพิตร ลานพระราชวังดุสิต แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนราชดำเนินนอก ต่อไปถนนราชดำเนินกลาง ซึ่งจะมีกิจกรรมต้อนรับและรับบริจาคบริเวณลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ จากนั้นเลี้ยวขวาขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอรุณอมรินทร์ มุ่งหน้าเข้าโรงพยาบาลศิริราช จุดดังกล่าวจะมีกิจกรรมที่ตูนจะเข้าร่วมด้วย จากนั้นจะกลับเข้าสู่เส้นทางเดิมมุ่งหน้าแยกอรุณอัมรินทร์ ตรงเข้าถนนบรมราชชนนี วิ่งใต้คู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี แวะร่วมกิจกรรมต้อนรับและรับบริจาคบริเวณคอนโดมิเนียม เดอะ เซ้นส์ ปิ่นเกล้า จากนั้นจะหยุดพักเป็นเวลา 10 นาที แล้วจะวิ่งเข้าถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก ผ่านอำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี มุ่งหน้าจังหวัดสุพรรณบรี คาดจะพ้นเขตกรุงเทพฯก่อนเที่ยงวัน
พลตำรวจตรีจิรพัฒน์ กล่าวว่า เส้นทางดังกล่าวถือว่ามีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น บางจุดเป็นช่วงชั่วโมงเร่งด่วน จุดที่น่าเป็นห่วงคือแยกถนนราชดำเนินกลาง ช่วงแยกผ่านฟ้า อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถึงแยกผ่านพิภพ เนื่องจากขบวนของ”ตูน บอดี้สแลม”จะมาถึงในจุดดังกล่าวเวลาประมาณ 08.00 น. ซึ่งจะมีรถจากฝั่งธนฯข้ามมาฝั่งพระนคร จำนวนมาก อีกทั้งยังมีประชาชนเดินทางมาเข้าชมพระเมรุมาศ บวกกับผู้ปกครองมาบุตรหลานที่โรงเรียนสตรีวิทยา ส่วนถนนบรมราชชนนีช่วงฝั่งธนบุรี จะให้ตำรวจจราจรไปดูแลห้ามไม่ให้รถจอดกีดขวางการจราจร เพื่อให้ขบวนสามารถผ่านได้อย่างสะดวก ขอให้ประชาชนเผื่อเวลาในการเดินทางเพราะช่วงที่”ตูน บอดี้สแลม”วิ่งผ่านในเส้นทางต่างๆจะใช้ 1 ช่องทางด้านซ้าย ขออย่าหยุดหรือชะลอรถเพื่อถ่ายภาพหรือคลิป เพราะอาจทำให้การจราจรติดขัดหรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้.-สำนักข่าวไทย