กรุงเทพ 10ธ.ค.-พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลผลักดันการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ (Area based) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจภายในประเทศ (Local Economy) โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้นำการพัฒนาพื้นที่ตามแนวทางประชารัฐ ตั้งเป้าเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรมในเดือน ก.พ. 2560โดยผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นหัวหอกนำทุกองคาพยพในจังหวัด ทั้งหน่วยราชการ ภาคเอกชน และประชาชนร่วมกันสร้างศักยภาพในพื้นที่ โดยเฉพาะภาคการผลิต อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม จะต้องค้นหาจุดแข็งของตนเองเพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่าง โดยนำองค์ความรู้ทางวิชาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรม จากสถานศึกษาในและนอกพื้นที่ มาช่วยยกระดับการผลิตและคุณภาพของสินค้าตั้งแต่ระดับชุมชน ส่วนรัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดและประชาชนในพื้นที่ เช่น โครงสร้างทางดิจิทัล ระบบอินเทอร์เน็ต โครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ ท่าเรือ สนามบิน รถไฟทางคู่ เชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทุกระบบ เตรียมความพร้อมให้ไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
พลโท สรรเสริญ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ทั้งในระดับจังหวัดและกระทรวง จะเน้นการบูรณาการทั้งเชิงยุทธศาสตร์ (Agenda based) มิติพื้นที่ (Area based) และมิติกระทรวงหรือหน่วยงาน (Functional based) ให้สอดคล้องกัน รวมทั้งกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดผลสำเร็จให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ไม่ซ้ำซ้อน และตอบได้ว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างไร โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดคือตัวแทนของรัฐบาลที่ลงไปอยู่ในพื้นที่ จึงต้องใช้ศักยภาพที่มีอยู่ เชื่อมโยงนโยบายรัฐบาลและการพัฒนาจังหวัดให้ได้ โดยการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทุกจังหวัดในประเทศไทยมีความได้เปรียบหลายประเทศเพราะมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ หากเราสามารถสร้างความเข้มแข็งจากภายในและยืนหยัดได้ด้วยตนเอง ไม่พึ่งพาแต่การส่งออกอย่างเดียว ประเทศไทยก็จะรอดพ้นจากความผันผวนของเศรษฐกิจภายนอก.-สำนักข่าวไทย