“บัณฑูร” อยากเห็นรัฐบาลนำประเทศหลุดพ้นจากปัญหา

จีน  1 ธ.ค. – ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทยอยากเห็นรัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถนำประเทศหลุดพ้นจากปัญหาที่สะสมมายาวนาน แนะปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี 


นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นปี 2561 ว่า สิ่งที่คาดหวังอยากเห็นจากคนที่เสนอตัวเข้ามาทำหน้าที่เป็นรัฐบาล คือ อยากเห็นความพร้อมทั้งแง่แนวคิด นโยบาย แผนงานที่ชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงในการนำพาประเทศชาติหลุดออกจากปัญหาที่มีมาอย่างยาวนาน

นายบัณฑูร กล่าวว่า ในโลกยุคปัจจุบันการแข่งขันในระดับเอกชน ธุรกิจทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ทั่วไป จนถึงภาครัฐของแต่ละประเทศ คือ การต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถมีจุดยืนบนพื้นที่ของเศรษฐกิจโลกยุคปัจจุบันได้ 


“การแพ้ในระดับรัฐ คือ พาประชาชนทั้งประเทศแพ้ นี่คือความท้าทายของความเป็นรัฐบาล ไม่ว่าจะได้อำนาจมาด้วยวิธีใดก็ตาม หากพาประชาชนไปสู่ความเจริญไม่ได้ แสดงว่าคุณไม่ทำหน้าที่และไม่ควรจะเป็นรัฐบาล” นายบัณฑูร กล่าว

นายบัณฑูร  กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองไทยในระหว่างพิธีเปิดบริษัทธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) จำกัด ที่เมืองเซินเจิ้น  มณฑลกวางตุ้ง  ของจีนว่า การเลือกตั้งของไทยจะเกิดขึ้นปีหน้าหรือไม่นั้นไม่สำคัญ  แต่อยากเห็นคนที่เป็นรัฐบาลมาพร้อมกับความตั้งใจและมีความรู้ที่จะแก้ปัญหาให้กับประชาชน  ไม่ใช่ได้อำนาจมาเพียง เพื่อเสวยอำนาจอย่างที่ผ่าน ๆ มา แล้วแก้ปัญหาของประเทศไม่ได้จนวุ่นวายถึงทุกวันนี้   รวมถึงต้องเป็นบุคลากรที่มีความสามารถนำพาประเทศ ก่อนจะเสนอหน้าเข้ามาให้ประชาชนเลือกเป็นรัฐบาล  หากคนเป็นรัฐบาลยังเป็นคนหน้าเดิม ทำงานแบบเดิมและแบ่งเงินกันกินแบบเดิม ๆ แบบนี้ไม่ต้องการ  

นายบัณฑูร  กล่าวอีกว่าในฐานะที่ร่วมเป็นคณะกรรมการด้านการบริหารราชการแผ่นดินที่มีนายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และปัจจุบันดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน  ได้สรุปแนวทางการปฏิรูปพร้อมเสนอคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติในช่วงสิ้นปีนี้แล้ว ซึ่งแนวทางที่เสนอเป็นการผ่าโครงสร้างอำนาจในระบบราชการไทยอย่างสิ้นเชิงที่อยากให้รัฐบาลชุดนี้กล้าตัดสินใจและทำอย่างจริงจัง  เพราะหากไม่กล้าตัดสินใจก็ไม่มีประโยชน์หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้และทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม      


ส่วนการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองปีหน้าจะมีผลต่อเศรษฐกิจหรือไม่นั้น มองว่าการเปลี่ยนแปลงการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา  เพราะแม้แต่คณะรัฐมนตรียังมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยครั้ง เพื่อตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาแบบเดิมแล้วไม่ได้ผล ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้อง  สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยปีหน้าเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้นหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจหลายด้านดีขึ้น แต่ห่วงว่าความมั่งคั่งนั้นกระจุกหรือกระจาย  เพราะหากยังกระจุก ก็ยังคืนความสุขให้ประชาชนไม่ได้ ขณะที่การแจกเงินคนจนถ้าทำเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้ายังสามารถทำได้ แต่หากจะแจกเงินให้ตลอดชีวิตคงทำไม่ได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย