ดีเอสไอ 30พ.ย.-พ่อแม่ของนักท่องเที่ยวสาวญี่ปุ่น เข้าขอบคุณดีเอสไอและติดตามความคืบหน้าคดีลูกสาวถูกฆาตกรรม เมื่อปี 2550 ซึ่งดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2556แต่ยังไร้วี่แววตัวคนร้าย
ครอบครัวของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ (Miss Tomoko Kawashita) นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่ถูกฆาตกรรมในไทย พร้อมคณะเจ้าหน้าที่สถานทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย เข้าพบและขอบคุณ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ น.ส.โทโมโกะอย่างเต็มความสามารถ
ทั้งนี้ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นซึ่งถูกฆาตกรรมบริเวณวัดสะพานหิน ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พ.ย.2550
กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับกรณีการฆาตกรรมน.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 31ก.ค.2556 โดยรับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเก่า จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบในพื้นที่เกิดเหตุ
ต่อมาภายหลังจากรับสำนวนดังกล่าวมาอยู่ในความรับผิดชอบแล้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานและได้ทำการเก็บสารพันธุกรรมเพิ่มเติมต่อจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองเก่า เมื่อทำการเก็บสารพันธุกรรมแล้ว พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ส่งสารพันธุกรรมทั้งหมดให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ทำการตรวจพิสูจน์และเปรียบเทียบกับสารพันธุกรรมที่พบบริเวณขอบกางเกงของน.ส.โทโมโกะฯ
ทั้งนี้ ได้ตรวจเปรียบเทียบสารพันธุกรรมกับกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุจำนวนหลายราย แต่ผลการตรวจพิสูจน์ยังไม่ปรากฏว่ามีรายใดมีสารพันธุกรรมตรงกับตัวอย่างสารพันธุกรรมที่ตรวจพบบริเวณขอบกางเกงของ น.ส.โทโมโกะ
ต่อมาเมื่อเดือน ส.ค.2558 พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำวัตถุพยานส่งไปตรวจพิสูจน์ที่ประเทศญี่ปุ่น ผ่านช่องทางความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา ซึ่งผลการตรวจไม่สามารถตรวจหาสารพันธุกรรมได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งผลการสอบสวน ก็ไม่บ่งชี้ว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิด อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังคงทำการสืบสวนเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและได้ประกาศบนเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยได้ประกาศให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแสที่จะนำไปสู่การจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และได้เดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งเบาะแสมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่สามารถค้นพบตัวผู้กระทำผิด
สำหรับแนวทางการดำเนินงานต่อไป พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะทำการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นระยะ ๆ ประกอบกับข้อมูลจากบุคคลในพื้นที่ เพื่อให้ได้ตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคดีดังกล่าวภายหลังจากเกิดเหตุมาประมาณ 6 ปี ทำให้พยานหลักฐานบริเวณที่เกิดเหตุมีการเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจึงจำเป็นต้องยึดสารพันธุกรรมที่พบตรวจพบบริเวณขอบกางเกงของน.ส.โทโมโกะเป็นแนวทางหลักในการสืบสวนสอบสวน โดยจะทำการสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป.-สำนักข่าวไทย