จ.ปัตตานี 27 พ.ย.-นายกฯลงพื้นที่จ.ปัตตานี ติดตามงานพัฒนาความเป็นอยู่ประชาชนและด้านเศรษฐกิจ ขออย่ารังเกียจทหาร อย่านำประวัติศาสตร์มาสร้างความขัดแย้ง ร่วมมือกันเพื่อความสงบขับเคลื่อนงานพัฒนา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามงานด้านการพัฒนาสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและงานด้านความมั่นคง การดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้าวันนี้(27 พ.ย.) มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้คณะนายกรัฐมนตรีต้องนำเครื่องบินลงที่กองบิน 56 จ.สงขลา จากเดิมที่จะมาลงที่สนามบินบ่อทอง จ.ปัตตานี แต่เนื่องจากมีน้ำท่วมขังลานบิน ทำให้ต้องเปลี่ยนแผนและเดินทางต่อโดยรถยนต์ ส่งผลให้กำหนดการเดิมของนายกรัฐมนตรีล่าช้าไปกว่าสองบั่วโมง โดยเวลาประมาณ 11.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางมาถึงตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนใต้ ตำบลบางเขา อ.หนองจิก นายกรัฐมนตรีได้ชมการแสดงทางวัฒนธรรมชุดระบำลังกาสุกะ ชมวิดีทัศน์ทิศทางการพัฒนาภาคใต้ชายแดน และกดปุ่มเปิดป้ายตลาดกลางปศุสัตว์จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศรัยกับประชาชนที่มารอต้อนรับกว่า 3 พันคนจากทุกอำเภอจังหวัดปัตตานี โดยกล่าวขอโทษที่ทำให้ต้องมารอนาน เนื่องจากไม่สามารถนำเครื่องบินลงที่จังหวัดปัตตานีได้ เพราะสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย แต่เชื่อว่าทุกคนยังคงรอ และตั้งใจจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล ความตั้งใจเข้ามาแก้ปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงใจ ไม่ได้ต้องการมาหาเสียง เพราะเห็นว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพหลายด้าน เหมาะกับการพัฒนาและการแข่งขัน หากสถานการณ์อยู่ในความสงบเรียบร้อย ไม่มีเหตุความรุนแรง จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน แล้วการขับเคลื่อนการพัฒนาด้านต่าง ๆ จะเดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอประชาชนอย่างรังเกียจทหาร ทหารก็เลือดสีเดียวกัน แตกต่างกันเพียงเครื่องแต่งกาย รัฐบาลเข้ามาเพื่อดูแลให้ทุกอย่างดีขึ้น ทุกคนเป็นคนไ ทย ไม่ว่าเชื้อชาติใดก็มีสิทธิเหมือนกัน ขออย่าแบ่งแยกให้เกิดความขัดแย้ง อย่านำประวัติศาสตร์มาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้ง เรามีประวัติศาสตร์ยาวนานและวัฒนธรรมหลากหลาย เป็นเสน่ห์ของประเทศไทย ไม่เหมือนต่างประเทศ
“ผมไม่สามารถนำกฎหมายมาบังคับใช้ได้ทั้งหมด เพราะจะส่งผลกระทบด้านอื่น จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกัน ความไม่สงบเรียบร้อยในภาคใต้ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคนบางส่วนเท่านั้น สถานการณ์จะสงบหรือไม่ อยู่ที่เราทั้งหมด ประชาชนทุกคนในทุกภาคก็เป็นห่วง ผมเดินทางไปประเทศมุสลิม หลายประเทศเข้าใจสิ่งที่รัฐบาลทำ และยังบอกว่าที่รัฐบาลทำมาถูกทางแล้ว เพราะนอกจากจะใช้กฎหมายแล้ว ยังเน้นการพัฒนา การช่วยเหลือเยียวยา ยืนยันว่ารัฐบาลจะดูแลทั้งหทาร ตำรวจที่บาดเจ็บและผู้ก่อความไม่สงบที่สูญเสียตามหลักมนุษยธรรม เราต้องเดินตามกฎหมายโลก คนใต้สนใจเรื่องการเมือง แต่ต้องคิดเรื่องการบ้านด้วย การประชุมที่ภาคใต้จะมีเรื่องการลงทุน โครงส้รางพื้นฐานต่าง ๆ ที่ต้องใช้เวลา” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ ว่า รัฐบาลทำเต็มที่ ต้องแก้ด้วยการปลูกในพื้นที่ที่ถูกต้องและดูแลคนที่บุกรุกพื้นที่ป่าและภูเขาด้วยการเยียวยา รัฐบาลไม่เคยบิดเบือนข้อมูลเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด แต่ขอให้ทุกคนเข้าใจ ค่อยเป็นค่อยไป เพราะขณะนี้ราคายางพาราในตลาดโลกก็ตกต่ำ สาเหตุมาจากน้ำมันราคาถูกลง สิ่งที่รัฐบาลเร่งดำเนินการคือการสำรวจสต็อคยาง การใช้ยางในประเทศให้มากขึ้น และแปรรูปยางเพื่อส่งออก ขอชาวสวนยางอย่าเคลื่อนไหวเดินขบวน เพราะเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ควรเสนอแนะด้วยการยื่นหนังสือผ่านศูนย์ดำรงธรรม
“ผมรับฟังทุกเรื่อง ขอให้ทุกคนมีสติ ส่วนเรื่องเกษตรอื่น ๆ อยากสนับสนุนให้ปลูกมะพร้าวและควรปลูกทุกบ้าน มะพร้าวถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ต่างประเทศนิยมกินนมมะพร้าวเพิ่มขึ้นแ ละมะพร้าวสามารถจำหน่ายได้โดยไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง ยางพารากว่าจะขายได้ต้องนำมาแปรรูป แต่มะพร้าวสามารถขายได้เป็นลูกทันทีหรือจะนำมาแปรรูปก็ได้ ขณะที่ความต้องการในประเทศเองก็มีสูงขึ้น ทำให้ต้องนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย จึงอยากให้ทุกคนทำสวนมะพร้าวควบคู่กับสวนยาง หากสวนใดมีหนอนหัวดำที่เป็นศัตรูของมะพร้าวเป็นแหล่งแพร่เชื้อ ต้องดูแลให้ดี อย่าให้มี” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อยากให้มีหลักสูตรสอนภาษาไทยและภาษายาวีมากขึ้นน เพื่อจะได้นำไปต่อยอดเทียบหลักสูตรพัฒนาเรื่องการศึกษา รัฐบาลกำลังส่งเสริมให้เปิดโรงเรียนนำร่องสำหรับผู้มีรายได้น้อย โดยใช้งบรัฐบาลดำเนินการ เป็นโรงเรียนกินนอนคล้ายโรงเรียนปอเนาะ เมื่อจบการศึกษาแล้วสามารถไปเรียนต่อในโรงเรียนสายสามัญของรัฐบาลได้
จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมชมการจัดนิทรรศการและการนำผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและปศุสัตว์มาจัดแสดง ระหว่างนั้นนายภรัณยู เจริญ อายุ 34 ปี อาชีพทำประมง ชาวจังหวัดปัตตานีได้ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการทำประมงที่กำหนดให้ชาวประมงสามารถออกเรือได้ 220 วันต่อปี เนื่องจากมองว่าเป็นเวลาน้อยเกินไป ทำให้ชาวประมงหลายคนประสบภาวะขาดทุนจากต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้มีหนี้สิน จึงอยากให้เพิ่มวันทำประมงมากขึ้น
นายภรัณยูได้ใช้เสียงดังแข่งกับเสียงของนายกรัฐมนตรีที่พูดผ่านไมโครโฟน ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่พอใจจึงตวาดกลับว่าไม่ควรมาขึ้นเสียง พูดดี ๆ ก็ได้ ตนพร้อมรับฟังปัญหา แต่ต้องดูผลกระทบการทำประมงในภาพรวมและการส่งออกด้วย หากขัดกับกฎระเบียบหรือกฎเกณฑ์ของต่างประเทศจะส่งผลต่อการส่งออกสินค้าประมง ระหว่างนั้นพล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เข้าไปพูดคุยทำความเข้าใจกับนายภรัณยู และให้ไปเขียนคำร้องที่ศูนย์ดำรงธรรม
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางต่อไปยังบริษัทปาล์มพัฒนาชายแดน จำกัด เยี่ยมชมอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตรและการลงทุนของภาคเอกชน และจะเดินทางต่อไปยังกองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อประชุมติดตามงานด้านความมั่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนเดินทางไปจังหวัดสงขลาเพื่อร่วมประชุมกับผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ ผู้นำท้องถิ่นและภาคเอกชนที่โรงแรมบีทีสมิหรา บีช สงขลา.- สำนักข่าวไทย
