คมนาคมรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน

กรุงเทพฯ  26 พ.ย. – คมนาคมเดินหน้ารณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ขณะที่หลายหน่วยงานเร่งดำเนินโครงการที่เกี่ยวกับความปลอดภัย ทั้งการติดตั้งระบบจีพีเอส ปรับปรุงสภาพถนน


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “ถนนทั่วไทย ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” ว่า นโยบายสูงสุดของกระทรวงคมนาคม คือ ความปลอดภัย โดยให้ความสำคัญลดอุบัติเหตุบนท้องถนน ซึ่งที่ผ่านมาสถิติการเกิดอุบัติเหตุยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์และปีใหม่ที่จะต้องมีการรณรงค์ตลอดเวลา โดยเฉพาะวัฒนธรรมความปลอดภัยที่มีการพูดถึงบ่อยครั้ง โดยกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น หรือ MLIT ดำเนินมาตรการเพื่อลดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิตบนท้องถนน ซึ่งญี่ปุ่นสามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากหลักหมื่นเหลือ 4,000 คนได้ โดยเน้นเรื่องระเบียบวินัยและมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมด้านความปลอดภัย ซึ่งขณะนี้ MLIT ส่งคณะทำงานเข้ามาสำรวจจุดเสี่ยงบนถนน 50 จุดทั่วประเทศ โดยนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ สุพรรณบุรี อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ และขอนแก่น และจะนำข้อเสนอของคณะทำงานญี่ปุ่นไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทเพิ่มความปลอดภัยการออกแบบทางลักษณะ Forgiving Highways โดยลดการสูญเสียจากอุบัติเหตุให้มากที่สุด ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมาเน้นสร้างถนนให้มีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น การเสริมอุปกรณ์ป้องกันในทาง รวมถึงการออกแบบถนนรองรับวิถีชีวิตของชุมชนและคนเดินถนนด้วย นอกจากนี้ ยังกำชับให้กรมการขนส่งทางบกเข้มงวดตรวจสอบสภาพรถโดยสารสาธารณะ รวมถึงพนักงานขับรถให้มีความพร้อม และอาจเพิ่มความถี่หรือพัฒนานวัตกรรมตรวจสภาพรถและจัดอันดับผู้ประกอบการชั้นดี เพื่อกระตุ้นให้ผู้ประกอบการตื่นตัวตลอดเวลา


ด้านนายสนิท พรมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกนำนวัตกรรมมาปรับใช้กับงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางถนนโดยเฉพาะระบบจีพีเอสนำร่องตั้งแต่ปี 2559 โดยนำมาบังคับใช้ตามกฎหมายกับทั้งรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะต้องมีการติดตั้งระบบจีพีเอส  ส่วนการรณรงค์ความปลอดภัยช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 ได้ตั้งเป้าหมายสำคัญ 3 ข้อ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกทุกพื้นที่ทั่วประเทศร่วมมือกันปฏิบัติ ให้ได้ตามเป้าหมาย คือ 1.ต้องดูแลให้มีรถสาธารณะให้บริการที่เพียงพอ 2. ผู้ขับรถสาธารณะและพนักงานประจำรถทุกคนต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ และ 3.  ประชาชนที่ใช้บริการ รถสาธารณะจะต้องมีสถิติการเสียชีวิตเป็นศูนย์เช่นกัน 

นายสุจิณ มั่งนิมิต ผู้อำนวยการ สำนักอำนวยความปลอดภัย กรมทางหลวง เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังรวบรวมถนน 50 เส้นทางที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งเสนอให้กระทรวงคมนาคมรับทราบ เพื่อเตรียมจัดหาเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ ส่วนการปรับปรุงถนนทางหลวงที่เป็นจุดเสี่ยงรองรับการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ตอนนี้มีอยู่ประมาณ  3 เส้นทาง คือ เส้นทางภาคอีสานทางหลวง 304 บริเวณทางลงเขาโทน   ภาคใต้ ทางลงเขาป่าตอง ใกล้วัดสุวรรณคีรีวงศ์ และภาคเหนือดอยนางแก้ว ช่วงรอยต่อจังหวัดเชียงใหม่-เชียงราย

นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานตรวจสอบความปลอดภัยทาง กรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบทนำข้อมูลถนนที่เกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปในรอบ 3 ปี เป็นพื้นที่นำร่องแก้ปัญหาอุบัติเหตุร่วมกับคณะทำงานร่วมไทย-ญี่ปุ่น ล่าสุดสามารถแก้ปัญหาได้แล้ว 1 สายทาง คือ ถนนเข้าสู่แหล่งที่อยู่อาศัยจังหวัดนนทบุรี สำหรับถนนทางหลวงชนบทที่ใช้เป็นพื้นที่นำร่อง เช่น ถนนเข้าสู่แหล่งอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรปราการ ถนนเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวและแหล่งชนบท จังหวัดนครราชสีมา ถนนเข้าสู่พื้นที่เกษตรกรรม จังหวัดสตูล ถนนเข้าสู่ระบบการขนส่ง จังหวัดชลบุรี ถนนผังเมือง ถนนวงแหวนรอบกลาง จังหวัดเชียงใหม่ ถนนเลียบคลองชลประทาน  ถนนการวช้งานหลากหลาย จังหวัดปทุมธานี และถนนบนภูเขา จังหวัดเลย 


นายสุเมธ องคกิติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เสนอแนวทางแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ว่า จะต้องเริ่มปรับความคิดของประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถใช้ถนน โดยต้องเปลี่ยนจากการอำนวยความสะดวกการเดินทางเป็นการอำนวยความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  โดยภาครัฐควรต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐานให้สอดรับกับการใช้งานของคนทุกคน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างทางม้าลายที่เป็นมาตรฐานที่เด็ก คนพิการ คนชรา ก็สามารถใช้งานได้ รวมถึงสัญญาณไฟจราจร และการสร้างทางต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงการใช้งานของผู้ใช้ถนนอื่น ๆ ไม่เฉพาะผู้ขับขี่รถเท่านั้น  โดยขณะนี้หน่วยงานภาครัฐดำเนินแผนป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุ ด้วยการเร่งทำ Forgiving highway ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากความผิดพลาดของผู้ใช้ถนน นอกจากนี้ ผู้ใช้ถนนก็ควรลงทุนกับเรื่องความปลอดภัยของตัวเองให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ : ไทย-กัมพูชา กับบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจ

ใครพึ่งใคร? – วิเคราะห์แรงกดดันเศรษฐกิจชายแดนต่อกัมพูชา หลังไทยจำกัดการข้ามแดน กรณีพิพาทบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี แม้เคยเกิดเหตุปะทะเล็กน้อยระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชาตัดสินใจถอยกำลังออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการยกระดับความขัดแย้ง กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “ความมั่นคงยุคใหม่” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเป็นตัวตัดสิน หากแต่เกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไทยเลือกใช้ แทนการเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพ ผ่าน “มาตรการจำกัดการข้ามแดน” ที่บีบช่องทางการเคลื่อนย้ายคน สินค้า และระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ – จุดยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา จุดเปลี่ยน : เมื่อเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือของความมั่นคงไทยเลือกใช้ “แรงบีบเชิงเศรษฐกิจโดยสันติวิธี” เป็นกลยุทธ์กดดันคู่ขนานกับการเจรจา ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ : ไทยยังส่งสัญญาณชัดว่า พร้อมจะยกระดับมาตรการเหล่านี้ หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด มาตรการซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้ว เปรียบเสมือนกดทับ “เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ของฝั่งตะวันตกที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามแดนจากไทยเป็นหลัก ไทย : ผู้ถือ “กุญแจด่าน” และพลังการค้าข้ามพรมแดนข้อได้เปรียบของไทยยิ่งชัดเจน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการค้าข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (เมษายน 2568) ระบุว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น […]

ลุ้นมติแพทยสภาวันนี้ ปมลงโทษ 3 หมอกรณีชั้น 14

กทม. 12 มิ.ย.-ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เริ่มการประชุมแล้ว โดยวาระที่ต้องจับตา คือการลงมติชี้ขาดโทษแพทย์ 3 ราย กรณีรักษา “ทักษิณ” ชั้น 14 รพ.ตำรวจ กรรมการแพทยสภา เริ่มทยอยเดินทางเข้าห้องประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา การประชุมคณะกรรมการบริหารแพทยสภา จัดขึ้นทุกวันพฤหัสบดีที่ 2 ของทุกเดือน โดยวันนี้มีวาระที่สังคมจับตา คือการพิจารณามติลงโทษแพทย์ 3 คน จากโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ที่รักษานายทักษิณ ชินวัตร บนชั้น 14 หลังจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข วีโต้คัดค้านความเห็นมติการลงโทษแพทย์ทั้ง 3 รายในการประชุมครั้งที่แล้ว โดยวันนี้มีรายงานว่า นายสมศักดิ์ จะเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมในเวลา 12.00 น. โดยมีเวลา 15 นาทีในการชี้แจง จากนั้นต้องออกจากห้องประชุมทันที เพราะเป็นการประชุมลับ รศ.พญ.ประสบศรี อึ่งถาวร หนึ่งในกรรมการแพทยสภาโดยเลือกตั้ง ให้ข้อมูลก่อนเข้าประชุมว่า การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สธ. ในฐานะสภานายกพิเศษแพทยสภาจะเข้าร่วมการประชุม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะที่ผ่านมา […]

ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตกลางวงสังสรรค์ที่อิสราเอล

อุดรธานี 12 มิ.ย. – ภรรยาช็อก สามีเสียชีวิตที่อิสราเอล นั่งคุยกับเพื่อนเรื่องลูกสาว จู่ๆ วูบดับคาโต๊ะกลางวงสังสรรค์ เชื่อทำงานต่างแดน โหมงานหนักจนเสียชีวิต เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฤษฎาง พูนเจ๊กมะดัน อายุ 39 ปี ชาวบ้านลานเต อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.68 ขณะไปทำงานที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่จากสำนักงานจัดหางานจังหวัดอุดรธานี ประกันสังคมจังหวัด แรงงานจังหวัด และผู้สื่อข่าว เดินทางลงพื้นที่ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัว จากการตรวจสอบข้อมูล ทราบว่า นายกฤษฎาง เคยเดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอลเมื่อปี พ.ศ.2553 โดยบริษัทจัดหางานจัดส่ง ต่อมาได้เดินทางไปทำงานในประเทศไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค.67 ภายหลังได้รับการติดต่อจากนายจ้างในรัฐอิสราเอลให้เดินทางกลับไปทำงานอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าไปทำงานต่อในรัฐอิสราเอลเมื่อ ม.ค.68 ในส่วนข้อมูลประกันสังคมพบข้อมูลผู้เสียชีวิตสิ้นสุดการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 และมีเงินสะสมกรณีบำเหน็จชราภาพ จำนวน […]

ร่างตัวประกันไทยรายสุดท้ายที่เสียชีวิตในกาซา ถึงไทยแล้ว

11 มิ.ย. – ร่างแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ถึงไทยแล้ว ด้านกระทรวงแรงงาน เผยเร่งช่วยเหลือครอบครัวและทายาท ร่างของนายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทยที่ถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในฉนวนกาซา ที่ถูกส่งกลับมาด้วยสายการบินอิสราเอลแอร์ไลน์ ออกเดินทางจากกรุงเทลอาวีฟ ได้เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (11 มิ.ย.) โดยมี นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ น.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงผู้แทนเอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย มารอรับ และร่วมวางพวงหรีดหน้าหีบศพเพื่อแสดงความอาลัย โดยนายณัฐพงษ์ เป็นตัวประกันแรงงานไทยรายสุดท้ายที่ค้นพบร่างและสามารถส่งกลับไทยได้ สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ทายาทจะได้รับ คือ 1.ในส่วนของสถาบันประกันภัยอิสราเอล กรณีแรงงานเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทจะได้รับเงินชดเชย ได้แก่ ค่าทำศพ ประมาณ 79,000 บาท, ค่าใช้จ่ายในการฝังศพเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 47,000 บาท (1,300 USD), เงินช่วยเหลือการเป็นม่าย (หากมีภรรยา) ประมาณ 57,000 บาท, เงินชดเชยรายเดือนและรายปีอื่นๆ […]