สนช.เห็นชอบร่างกม.ลูกศาลรธน.

สนช.เห็นชอบร่าง กฎหมายลูกว่าด้วยศาลรธน.วาระ 3 เพิ่มอำนาจออกมาตรการชั่วคราวบังคับหน่วยงานดำเนินการได้ และไม่รีเชตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แถมคนที่พ้นวาระให้สรรหาใหม่ เมื่อมีคณะกรรมการสรรหาตามรัฐธรรมนูญ 60 หลังมีสภา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันนี้ (23 พ.ย.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ วาระที่ 2 และ 3  

นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ปรับแก้ประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น คือ การเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญ สามารถออกมาตรการชั่วคราวได้ เพื่อป้องกันความเสียหายและความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น โดยคำร้องของผู้ร้อง จะต้องมีเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะวินิจฉัย เพื่อออกคำสั่งไปยังหน่วยงานรัฐ ให้ปฏิบัติตามในกรอบเวลา 60 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ซึ่งมาตรการชั่วคราวนี้ จะต้องส่งให้สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบ และภายใน 30 วัน หาก ส.ส. มีการเสนอญัตติ และมีมติรับรองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ให้ศาลดำเนินการตามมตินั้น  และกมธ.ปรับแก้สถานะการคงอยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ยังไม่ครบวาระให้ดำรงตำแหน่งต่อไป แม้ว่าจะมีคุณสมบัติไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ 2560 เพราะ ตุลาการฯปัจจุบัน เข้ามาทำหน้าที่และมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ 2550 ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 5 คน ที่ครบวาระการดำรงตำแหน่งไปแล้ว แต่อยู่รักษาการตามคำสั่ง คสช. นั้น ให้อยู่รักษาการต่อไป จนกว่าจะมีการสรรหาใหม่


นายอุดม รัฐอมฤติ กรธ. ซึ่งกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย อภิปรายไม่เห็นด้วยกับการ เพิ่มอำนาจให้ศาลฯออกมาตรการชั่วคราวได้ เพราะถือเป็นการให้อำนาจศาลเกินขอบเขต และเกรงจะเกิดวิกฤตทางการเมือง เพราะศาลรัฐธรรมนูญ เป็นองค์กรตุลาการที่ดูแลอำนาจหน่วยงานที่ใช้อำนาจอธิปไตยสูงสุดของประเทศ หากให้อำนาจนี้อาจเกิดปัญหาตามมา และอาจถูกมองว่าเป็นผู้ฝักใฝ่ทางการเมือง เช่น หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอนาคตดำเนินการสิ่งใด แต่ศาลออกมาตรการชั่วคราวให้ระงับ จะทำให้ศาลถูกครหาได้  อีกทั้งตามหลักสากล ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องวางตัวเป็นกลาง 

ด้านนายบรรเจิด สิงคเนติ กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก ยังคงยืนยันว่า ศาลรัฐธรรมนูญ จำเป็นจะต้องมีอำนาจการออกมาตรการชั่วคราว เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคำร้อง และคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะตามร่างกฎหมายฉบับนี้ ให้สิทธิประชาชน สามารถยื่นคำร้องฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้โดยตรง แต่หากศาลไม่มีอำนาจ หรือเครื่องมือไประงับยับยั้ง หรือออกมาตรการใดๆ ก็ไม่สามารถช่วยประชาชนได้ จึงมีความจำเป็น และจะต้องมีมาตรการนี้ ขณะเดียวกัน หลังการออกมาตรการ ก็จะต้องส่งเรื่องไปให้สภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบอยู่แล้ว จึงถือเป็นมาตรการทั่วไป สำหรับทั่วโลกที่มีศาลรัฐธรรมนูญ

ขณะที่นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิก สนช. กังวลว่า การส่งคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญ มาให้ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือ ส.ส. ตรวจสอบ อาจเป็นการก้าวล่วงอำนาจฝ่ายตุลาการ จึงเสนอให้ตัดขั้นตอนที่ต้องส่งมาให้ ส.ส. ตรวจสอบ เพราะในอนาคตหากรัฐบาลมีเสียง ส.ส. ข้างมากในสภา ส.ส. อาจโหวตคว่ำมาตรการชั่วคราวนั้น โดยเฉพาะกรณีที่ศาลวินิจฉัยไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และเห็นว่า การบัญญัติให้ ส.ส. ตรวจสอบการใช้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ จะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่รับรองคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ถือเป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันหน่วยงานรัฐ


ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงกันในประเด็นดังกล่าวกว่า 1 ชั่วโมง แต่ไม่ได้ข้อสรุป ประธานในที่ประชุม จึงสั่งพักการประชุมไปประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้กรรมาธิการได้หารือกันนอกรอบ จนในที่สุด กรรมาธิการฯจึงยอมตัดขั้นตอนการส่งมาตรการชั่วคราวมาให้ ส.ส. ตรวจสอบ และ สนช. ยังมีมติเสียงข้างมากให้ศาลรัฐธรรมนูญออกมาตรการชั่วคราวได้ ตามที่กรรมาธิการบัญญัติขึ้นใหม่ 

ส่วนประเด็นเรื่องการดำรงอยู่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง กรธ.ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย ไม่เห็นด้วย และยืนยันให้รีเซตตุลาการที่ขาดคุณสมบัติพ้นจากตำแหน่ง  เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่วินิจฉัยชี้ขาด การทำหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งตุลาการ จึงจะต้องมีความน่าเชื่อถือและมีคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้ถูกโต้แย้งการทำหน้าที่ ส่วนผู้ที่ทำหน้าที่รักษาการตามคำสั่ง คสช. ก็ควรให้ทำหน้าที่รักษาการต่อไป จนกว่าจะมีการสรรหาใหม่

ด้านสมาชิก สนช.เสนอให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน 4 คน และที่อยู่รักษาการอีก 5 คน อยู่ทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะครบวาระ และเข้าสู่กระบวนการสรรหาใหม่ จนกว่าจะมีคณะกรรมการสรรหาครบองค์ประกอบ เพื่อให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดใหม่ มีความสง่างาม และป้องกันประเด็นทางการเมือง จากนั้น กรรมาธิการฯ ยอมปรับแก้ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 คน ที่ทำหน้าที่รักษาการตามคำสั่ง คสช.นั้น จะเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่ หลังการเลือกตั้ง ส.ส. – ส.ว. เพื่อให้มีคณะกรรมการสรรหาครบองค์ประกอบ ตามรัฐธรรมนูญ ซึ่ง สนช. ก็มีมติเสียงข้างมากตามที่กรรมาธิการฯ แก้ไข โดยกระบวนการสรรหา การตรวจสอบคุณสมบัติ การลงมติของ สนช. และขั้นตอนทูลเกล้าฯ น่าจะใช้เวลาระยะเวลารวมประมาณ 200 วัน 

จากนั้น ที่ประชุม สนช. มีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ วาระ 3 ด้วยคะแนน 188 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป

สำหรับขั้นตอนต่อไป ประธาน สนช. จะส่งร่างกฎหมายฉบับนี้ ไปให้ กรธ. และศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่ามีประเด็นใดขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก่อนจะส่งความเห็นกลับมายัง สนช. เพื่อตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย หรือหากทั้ง 2 หน่วยงาน เห็นว่าไม่มีประเด็นใดขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญประธาน สนช. ก็จะส่งร่างกฎหมายไปให้นายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประกาศใช้ต่อไป.สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

ทนายวัดนาป่าพง แจงปมโอนเงินไปเยอรมนี ยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ

16 ก.ย. – ทนายวัดนาป่าพง แจงยิบไทม์ไลน์โอนเงิน 12 ล้าน ไปให้สีกาที่เยอรมนี ยืนยันใช้ก่อตั้งมูลนิธิ หวังเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่เสน่หาหรือยักยอกเงินวัด เชื่อเป็นขบวนการล้มพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ความคืบหน้าการตรวจสอบพระวัดดังใน จ.ปทุมธานี หลังมีการแจ้งความกองปราบฯ ให้ตรวจสอบปมเงินบริจาควัดที่มีการโอนไปยังต่างประเทศ รวมถึงปล่อยคลิปลักษณะที่ใกล้ชิดกับสีกาในร้านเครื่องประดับ วันนี้ (16 ก.ย.) นายนันทน อินทนนท์ และคณะทนายความของวัดนาป่าพง ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงประเด็นต่างๆ โดยมี อ.เบียร์ คนตื่นธรรม พระลูกวัด และศิษยานุศิษย์ของวัด มาร่วมฟังคำแถลงข่าวอีกเป็นจำนวนมาก ในส่วนของคลิปกับสีกาในร้านเครื่องประดับในต่างประเทศ ทนายความยืนยันว่าสีกาคนดังกล่าวเป็นโยมอุปัฏฐาก ที่ทำหน้าที่ดูแลพระอาจารย์คึกฤทธิ์ และดูแลช่องทางการสื่อสารของวัด คือพุทธวจนเรียล อย่างเปิดเผยตั้งแต่แรก แต่คลิปวิดีโอที่ถูกนำมาเผยแพร่พยายามเชื่อมโยงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีกาคนดังกล่าวกับพระอาจารย์คึกฤทธิ์ เป็นการตัดต่อที่ตั้งใจให้เกิดความเข้าใจผิด แจงไทม์ไลน์ยิบ โอนเงินไปต่างประเทศใช้ก่อตั้งมูลนิธิส่วนกรณีมีการโอนเงินจากพระอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปยังสีกาที่เยอรมนี ทีมทนายความยอมรับว่าเอกสารต่างๆ ที่เผยแพร่ในสื่อ เป็นเอกสารที่ทางวัดยื่นต่อศาลที่เยอรมนี ไม่ใช่เอกสารที่ต้องปิดบัง สามารถเปิดเผยได้ เพราะไวยาวัจกรเป็นผู้โอนเงินเอง พร้อมชี้แจงว่าเป็นการโอนเงินเพื่อไปสร้างวัดและมูลนิธิที่ประเทศเยอรมนี โดยไล่เรียงไทม์ชี้แจงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่ปี 2561 พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ต้องการเผยแพร่คำสอนในต่างประเทศ หนึ่งในวิธีการคือการจัดตั้งวัดในต่างประเทศ โดยเฉพาะในเยอรมนีมีลูกศิษย์ของวัดจำนวนมาก […]

รวบบัญชีม้ายกแก๊ง ตระเวนถอนเงินให้คอลเซ็นเตอร์จีนเทา

16 ก.ย. – จับยกแก๊งบัญชีม้า 7 คน ตระเวนถอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จีนเทา ยึดเงินสดกว่า 5 แสนบาท สารภาพได้ค่าจ้างล้านละ 7,000 บาท เงินที่หลอกผู้เสียหายถูกถ่ายโอนไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท นายเอกชัย เจ้าของบัญชีม้า พร้อมหญิงสาวทำหน้าที่ประสานงานถอนเงิน ถูกตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมได้บริเวณหน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน ก่อนขยายผลจับกุมนายศรัณย์พงศ์ และนางสาวนันท์ธนัษฐ์ 2 คนไทย ทำหน้าที่ควบคุมเจ้าของบัญชีม้า และผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน ที่นั่งรอในรถกระบะ นายคิโอ ชาวลาว หัวหน้าแก๊งที่ถอนเงินให้จีนเทาเครือข่ายคิงส์โรมันฝั่งลาว พร้อมยึดของกลางเงินสดกว่า 5 แสนบาท สมุดบัญชีเงินฝากอีก 1 เล่ม กลุ่มผู้ต้องหามีพฤติการณ์วนเวียนถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันทุจริต หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ร่วมกันเป็นอั้งยี่ เตรียมรวบรวมหลักฐานขยายผลถึงบอสชาวจีน พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค […]

อัปเดตโผ ครม. ครบ 100% “โสภณ​” มีชื่อนั่งรอง​นายก​ฯ

กทม.16 ก.ย.- อัปเดตโผ ครม. ล่าสุด “โสภณ​ ​ซา​รัมย์​” ผงาดรอง​นายก​ฯ ขณะที่ รมต.สำนักนายกฯ มีถึง 4 เก้าอี้ ด้าน “มัลลิกา” โผล่นั่ง รมช.คมนาคม วันที่ 16 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เซ็นส่งรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม. ) ซึ่งคาดว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ 36 รายชื่อ ดังนี้ โควตา​คนนอก​ พรรคกล้าธรรม พรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสุชาติ กลุ่มการเมืองอื่น

ป่วนไม่เลิก! เขมรบุกทำลายรั้วลวดหนาม “บ้านหนองหญ้าแก้ว”

16 ก.ย.- เขมรป่วนไม่เลิก! บุกทำลายรั้วลวดหนาม บ้านหนองหญ้าแก้ว ทหารกัมพูชายืนประกบสังเกตการณ์ ขณะที่ชาวเน็ตแห่หนุนสร้างกำแพงกั้นถาวร วันที่ 16 ก.ย. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสังคมออนไลน์แห่แชร์ภาพคลิปวิดีโอ พร้อมข้อความโดยอ้างว่าเป็นภาพของชาวเขมรบุกทำลายรั้วลวดหนามของไทย บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งเหตุการณ์เกิดในวันนี้ โดยมีชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาหลายคนเข้ามาใกล้แนวรั้วลวดหนาม พร้อมถือไม้และพยายามรื้อทำลาย ขณะที่ทหารกัมพูชายืนสังเกตการณ์อยู่รอบพื้นที่ ขณะที่ชาวเน็ตแห่แสดงความคิดเห็น สนับสนุนการสร้างกำแพงแทนรั้วลาดหนาม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก -313 .-สำนักข่าวไทย