สำนักข่าวไทย 22 พ.ย.-อดีตแพทย์นิติเวชฯ อธิบายการเก็บอวัยวะชันสูตร นิยมเก็บอวัยวะหลัก หัวใจ สมอง ในรายผู้เสียชีวิตอายุน้อย และนิยมแจ้งญาติด้วยวาจา เชื่อเรื่องนี้อาจเป็นความเข้าใจผิดด้านการสื่อสาร แจงสาเหตุยัดกระดาษทิชชู่แทนสมอง นิยมทำในการเก็บศพเพื่อให้สวยงาม
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณนายแพทย์อำนาจ กุสลานันท์ อดีตหัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงกรณีมาตรการชันสูตรศพนักเรียนเตรียมทหารและอวัยวะภายในทั้งหัวใจ สมอง หายไป ว่า การเก็บชิ้นเนื้อหรืออวัยวะของศพที่เสียชีวิตโดยปกติ จะทำให้ในรายที่มีความสงสัย เช่น เสียชีวิตผิดปกติ หรืออายุน้อย ไม่ค่อยทำในรายผู้เสียชีวิตที่มีอายุมาก หรือมีรอยโรคชัดเจน โดยการเก็บจะเก็บอวัยวะหลักคือ สมอง และหัวใจ
สำหรับการเก็บสมองต้องทำความเข้าใจ ว่าเนื้อผิวของสมอง เป็นลักษณะเนื้อนุ่ม เป็นไขมัน อ่อนนิ่มการตรวจสมองจึงต้องมีการนำสมองมาแช่ในน้ำยา ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้เนื้อสมองแข็งตัว จากนั้นจึงทำการผ่าตัด เก็บชิ้นเนื้อ เพื่อดูเส้นเลือดในสมอง ว่า มีการแตก หรือโป่งพอง เพื่อให้เห็นรายละเอียด ส่วนหัวใจก็เช่นกัน ดูว่ามีการแตกหรือตีบตันหรือไม่
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณนายแพทย์อำนาจ กล่าวว่า สำหรับขั้นตอนการเก็บชิ้นเนื้อ ส่วนใหญ่แพทย์ผู้ทำการเก็บจะแจ้งกับญาติผู้เสียชีวิตด้วยวาจา ว่าจะมีการเก็บ แต่จะไม่ได้มีการลงรายละเอียด ไม่มีการลงบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงเชื่อว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสาร ทำให้เกิดความเข้าใจผิดตามมาได้ ทั้งนี้หลังจากการเก็บตัวอย่างอวัยวะ หรือชิ้นเนื้อไปแล้วก็จะมีการแจ้งญาติให้มารับอวัยวะกลับ หรือบางคนก็ไม่มาเลย ทางนิติเวชที่ชันสูตรก็จะรวบรวมอวัยวะเหล่านั้นไปทำการฌาปนกิจพร้อมกัน หรือบางชิ้นก็นำเก็บไว้ เพื่อประโยชน์ทางการศึกษา เข้าพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาต่อ
ส่วนกรณีการพบกระดาษทิชชู่ในสมองนั้น คาดว่าทำไปเพื่อให้เกิดความสวยงามในระหว่างการเย็บศพ เพราะหากเอาสมองออกไป ชิ้นส่วนตรงนั้นก็จะยุบหายไม่สวยงาม
ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณนายแพทย์อำนาจ กล่าวด้วยว่า นิยามของการเป็นคดีตามกฎหมายมี 5 ประเภท ได้แก่ 1.ฆ่าตัวตาย 2.ผู้อื่นฆ่าตาย
3.สัตว์ทำร้ายตาย 4.เกิดอุบัติเหตุตาย และ 5.ไม่ปรากฎเหตุการตาย ซึ่งกรณีนักเรียนเตรียมทหารถือเป็นคดี เพราะยังไม่ปรากฎเหตุการตายที่แน่ชัด กรณีที่ศพเป็นคดีหรือพนักงานสอบสวนส่งศพให้มีการพิสูจน์ แพทย์สามารถเก็บอวัยวะผู้เสียชีวิตได้โดยไม่ต้องแจ้งญาติ เพื่อประโยชน์ทางกระบวนการยุติธรรมและผู้เสียชีวิตเอง แต่เมื่อทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว หากญาติมีความประสงค์ต้องการรับคืนจะต้องคืนให้ญาติ แต่กรณีที่ไม่เป็นคดีจะต้องขออนุญาตแพทย์ก่อนทำการเก็บอวัยวะ ซึ่งกรณีนักเรียนเตรียมทหารถือเป็นคดี .-สำนักข่าวไทย