ปลัด ยธ.ตั้งคกก.สอบรองปลัดฯเหตุรื้อคดีครูจอมทรัพย์

ถนนแจ้งวัฒนะ  21 พ.ย.- ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือปลัด ยธ.ร้องให้ตั้ง คกก.สอบรองปลัดฯเหตุรื้อคดีครูจอมทรัพย์ ตั้งประเด็นการใช้งบฯและถูกต้องตามระเบียบราชการหรือไม่ ขณะที่ปลัด ยธ.เผยตั้งไปก่อนจะมีการยื่นหนังสือแล้ว กำหนดกรอบเวลา 30 วัน


นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นหนังสือพร้อมเอกสารต่อนายวิศิษฎ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคดีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ในประเด็นตรวจสอบการใช้งบประมาณจำนวนเท่าใดในคดีนี้ และถูกต้องตามระเบียบของทางราชการหรือไม่ โดยขอให้เปิดเผยต่อสาธารณชน ,ประเด็นก่อนรับและดำเนินการให้การช่วยเหลือ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยละเอียดเพียงใด เหตุใดพยานในคดีนี้ถึงระบุมีเจ้าหน้าที่ทำเอกสารอันเป็นเท็จ  และประเด็นคณะทำงานมีส่วนร่วมรู้เห็นในขบวนการรับจ้างติดคุกหรือไม่ อย่างไรจึงมาดำเนินการรับรองให้รื้อฟื้นคดี        


นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนต้องการให้ตรวจสอบการรับรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นการนำงบประมาณไปใช้ช่วยเหลือคนที่กระทำความผิด การคุ้มครองพยานและค่าทนายความ ทั้งที่คดีดังกล่าวมีทั้งขบวนการรับจ้างติดคุกและขบวนการรับจ้างรื้อฟื้นคดี ซึ่งปรากฎหลักฐานว่าทีมงานของกระทรวงยุติธรรมรู้มาตั้งแต่ต้นว่ามีการว่าจ้าง แต่กลับไม่หยุดให้การช่วยเหลือ ยังนำงบประมาณไปใช้จ่าย ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรม หากการตรวจสอบพบความผิดขอให้กระทรวงยุติธรรมสั่งเรียกคืนงบประมาณที่นำไปใช้กลับคืนด้วย 


ขณะเดียวกันวานนี้  (20 พ.ย.) รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยระบุว่า ทราบมาตั้งแต่ต้นว่ามีขบวนการรับจ้างติดคุก และยังอ้างถึงพยานหลักฐานใหม่ที่ตรวจสอบโดยกรมการขนส่งทางบก ,บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ประเทศไทย และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีแต่ไม่มีผลตรวจสอบหน่วยงานใดยืนยันได้ว่ารถยนต์โตโยต้า หมายเลขทะเบียน บค 56 สกลนคร ไม่มีร่องรอยการเฉี่ยวชน เช่น กรมการขนส่งทางบก ซึ่งตรวจสอบป้ายทะเบียนและสภาพรถยนต์ ก็ขึ้นเบิกความในศาลว่าสาเหตุที่บริเวณรอยเจาะบนแผ่นป้ายทะเบียนไม่ตรงกับภาพถ่ายแผ่นป้ายทะเบียนขณะเกิดเหตุเมื่อ 12 ปีที่ผ่านมาเป็นเพราะมีการเปลี่ยนป้ายใหม่เพื่อทดแทนป้ายเดิมที่สูญหาย 

ส่วนสภาพรถยนต์ตรวจได้เพียงหมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง และสี ซึ่งตรงกับรายการจดทะเบียน แต่ไม่ได้ตรวจสอบร่องรอยการเฉี่ยวชน ขณะที่บริษัทโตโยต้าระบุในคำเบิกความว่าบริษัทตรวจสอบได้เพียงค่าความหนาของสีระยนต์ อยู่ในช่วงค่าปกติของมาตรฐานโรงงาน ส่วนจะเคยเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนหรือไม่ ไม่สามารถตรวจสอบได้ 

ส่วนมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า ซึ่งตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนก็ระบุว่า ไม่ทราบว่าป้ายทะเบียนแผ่นใดเป็นแผ่นหน้าหรือแผ่นหลัง นอกจากนี้ผลตรวจวิเคราะห์ระบุเพียงแผ่นป้ายทะเบียนหน้ารถไม่เคยถูกดัดแปลงหรือซ่อมแซมมาก่อน แต่ไม่ได้ระบุว่าแผ่นป้ายทะเบียนเคยมีการเฉี่ยวชนมาบ้างหรือไม่ ถือเป็นการหลอกลวงคนทั้งประเทศ 

“คดีนี้มีการนำงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมและงบลับของดีเอสไอ ไปใช้ช่วยเหลือผู้กระทำผิดและคุ้มครองพยาน คือนายสับ วาปี ซึ่งไม่ถูกต้อง และยังมีพยาน 2 ปากขึ้นเบิกความในศาลว่าเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมทำหลักฐานเท็จมาให้เซ็นต์ ผมจึงต้องการเรียกร้องให้ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณชนว่า ในกรณีรับจ้างติดคุกนี้มีเจ้าหน้าที่กระทรวงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ รวมถึงค่าทนายความซึ่งมีสัญญาว่าจ้างกัน แต่กลับอ้างว่าเป็นทนายของกระทรวงยุติธรรม”นายอัจฉริยะกล่าว

ด้านนายวิศิษฏ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีคำสั่งตั้งนายวัลลภ นาคบัว ผอ.สำนักการกิจการยุติธรรม ซึ่งเป็นตำแหน่งเทียบเท่าอธิบดี และรองปลัดกระทรวง เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตั้งแต่ก่อนที่นายอัจฉิยะจะมายื่นหนังสือร้องเรียน เบื้องต้นกำหนดกรอบเวลาไว้ 30 วัน ยืนยันว่าการตรวจสอบครั้งนี้ไม่ได้ตั้งธง หรือตั้งแง่ว่าใครกระทำความผิด เป็นการตั้งกรรมการเพื่อตรวจสอบหาความจริงให้ปรากฎ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้แต่มั่นใจว่าผลการตรวจสอบจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 

นอกจากนี้ยังได้วางระเบียบการรับรื้อฟื้นคดีอาญาให้รัดกุมยิ่งขึ้นเพราะการรื้อฟื้นคดีทำได้เพียงครั้งเดียวจึงต้องดำเนินการให้ดี หากดำเนินการอย่างไม่รอบคอบจะกระทบต่อสิทธิของประชาชนผู้ร้อง โดยในระเบียบใหม่ที่จะประกาศในเร็วๆ นี้ ได้กำหนดให้ศูนย์บริการร่วมเป็นศูนย์กลาง  ในการรับเรื่องร้องเรียนก่อนกระจายเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวง ส่วนในชั้นพิจารณารื้อฟื้นคดีอาญาต้องมีคณะกรรมการจากหน่วยงานอื่น ๆ มาเพิ่มเติม เช่น  กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ  กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเป็นการร้องเรียนเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการต้องส่งเรื่องไปให้กองการเจ้าหน้าที่พิจารณา เพื่อไม่ให้เป็นเพียงการทำงานของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง คาดว่าระเบียบใหม่จะเริ่มใช้ได้ในสัปดาห์หน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ยอดตายแผ่นดินไหวเมียนมา

แผ่นดินไหวเมียนมา ตายเพิ่มเป็นกว่า 2 พันราย

ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.7 ทางภาคกลางของเมียนมาเมื่อวันศุกร์พุ่งทะลุ 2 พันราย ขณะที่ชาวบ้านในเมืองมัณฑะเลย์ ใกล้ศูนย์กลางแผ่นดินไหว