กรุงเทพฯ 18 พ.ย.-รักษารองโฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุพรรคเพื่อไทยไม่คาดหวังการปรับคณะรัฐมนตรี และไม่เชื่อมั่นว่าการปรับจะช่วยให้ผลงานของรัฐบาลดี แนะ เปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพให้ทุกคน ไม่ให้ถูกเรียกปรับทัศนคติ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้คาดหวัง หรือยึดติดกับตัวบุคคลที่จะเปลี่ยนแปลงจากการปรับคณะรัฐมนตรี เพราะรัฐบาลอาจเพียงแค่แก้ปัญหาภายในของรัฐบาลเอง และไม่เชื่อมั่นว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะช่วยให้ผลงานของรัฐบาลดีขึ้นได้อย่างไร จะเป็นเพียงสมบัติผลัดกันชม หรือเล่นเก้าอี้ดนตรีกันเท่านั้นหรือไม่
“เพราะหากการปรับคณะรัฐมนตรี มีผลเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น คงเห็นผลตั้งแต่การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งก่อนหน้านี้ ตราบใดที่กัปตันเรือ นายกรัฐมนตรี ยังเป็นคนเดิม นโยบายยังเหมือนเดิม ประชาชนคงไม่คาดหวังอะไร นอกเหนือจากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่รัฐบาลนี้แก้ไขไม่ได้” นายอนุสรณ์
นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่เรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ยังน่าเป็นห่วง เพราะตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามา ใครที่แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล จะถูกเรียกไปปรับทัศนคติ แม้แต่แกนนำยางพารา ที่เพียงแค่ต้องการจะไปยื่นหนังสือเรียกร้องให้แก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ก็ถูกนำตัวเข้าค่ายทหาร
“แม้รัฐบาลจะชี้แจงอย่างไร ก็ขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะถ้ารัฐบาลบริสุทธิ์ใจ ทำไมถึงไม่รอคุยตอนเช้า หรือทำไมไม่เชิญตัวไปที่ศาลากลางจังหวัด อยากให้มองคนไทยเป็นคนไทย มองคนเห็นต่างอย่างเป็นมิตร ทุกอาชีพที่เดือดร้อนในวิชาชีพ อยากมาเรียกร้อง ทำไมต้องทำกันรุนแรงถึงขั้นนั้น ฟรีดอมเฮาส์ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนสากล ประเมินไทยมีอันดับสิทธิเสรีภาพในเรื่องการแสดงความคิดเห็นต่ำกว่าประเทศเมียนมาเสียอีก ซึ่งถ้ารัฐบาลจะภาคภูมิใจก็เป็นสิทธิ์ แต่พรรคเพื่อไทยเห็นว่ายังไม่น่าพึงพอใจ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพเพิ่มขึ้น เพราะปัญหาเรื่องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศต่างประเทศ และเป็นดัชนีชี้วัดความน่าเชื่อถือและการยอมรับของนักลงทุน โดยจะต้องเปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพการแสดงออกทางความคิดให้กับประชาชนอย่างกว้างขวาง เปิดพื้นที่สิทธิเสรีภาพการวิพากษ์วิจารณ์ให้สื่อมวลชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา ควรยุตติการเรียกคนเข้าค่ายทหาร แม้จะเรียกว่าปรับทัศนคติ แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นการข่มขู่คุกคามประชาชนหรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย