นนทบุรี 17 พ.ย. – พาณิชย์จับมือ สศช.และ WEF ดึงผู้แทนภาครัฐ-เอกชน-วิชาการร่วมถกเชิงนโยบายเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันตามเป้า Thailand 4.0 หลังไทยอันดับกระเตื้องจาก 34 มาอยู่ที่อันดับ 32 จาก 137 ประเทศทั่วโลก
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum หรือ WEF) จัดประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเรื่อง “Competitiveness and Inclusive Growth: Navigating towards Thailand 4.0” เพื่อเร่งพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยตามนโยบาย Thailand 4.0 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ WEF มาจัดงานในประเทศไทยและนับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้ WEF และประเทศไทยทำงานใกล้ชิดมากขึ้น ทั้งนี้ นโยบายเศรษฐกิจของไทย อาทิ Thailand 4.0 และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีความสอดคล้องกับการปรับตัวรองรับการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 หรือ Fourth Industrial Revolution (4IR) ซึ่ง WEF ผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ ตระหนักถึงผลกระทบจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปและหาทางปรับตัว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อยเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าให้เติบโตไปด้วยกัน ด้วยการน้อมนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้บนพื้นฐานการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโตอย่างทั่วถึง เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน จะเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงนโยบายและหารือทิศทางการพัฒนาประเทศไทยของรัฐมนตรีและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง CEO ของบริษัทชั้นนำ เช่น ปตท. ไทยเบฟ ซีพี ซึ่งเป็นสมาชิกของ WEF ผู้แทนจาก Oxfam UNDP ESCAP ธนาคารโลก บริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระหว่างประเทศ เช่น PwC กลุ่มเทคสตาร์ทอัพ กลุ่มเกษตรกรออร์แกนิค บริษัทขนาดกลางที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี SME และหอการค้าต่างประเทศในไทย ประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินงานเป็นลำดับต้น เพื่อให้ไทยนำไปพิจารณาประกอบการกำหนดนโยบายการก้าวไปสู่ Thailand 4.0 พร้อมทั้งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเกณฑ์ชี้วัดใหม่ หรือ New Methodology ที่คาดว่าจะปรับใช้ปี 2561 ให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับเทคนิคที่เกี่ยวข้องกับเกณฑ์ชี้วัดของ WEF อีกด้วย
สำหรับการจัดอันดับความสามารถทางการแข่งขัน ปี 2017 – 2018 ประเทศไทยขยับจากอันดับ 34 ในปีก่อน มาอยู่ที่อันดับที่ 32 จาก 137 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก โดยไทยมีคะแนนดีขึ้นหลายหมวดใหญ่ และที่สำคัญคือด้านนวัตกรรมและด้านความพร้อมเทคโนโลยีที่ได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ อย่างไรก็ตาม WEF มองว่าไทยยังมีจุดอ่อนที่ต้องเร่งปรับปรุงอีกหลายด้าน ซึ่งการมาจัดสัมมนาฯ ของ WEF ครั้งนี้จะนำเสนอประเด็นที่เห็นว่าไทยควรเดินหน้าพัฒนาให้เร็วขึ้น ได้แก่ การพัฒนาด้านสถาบันเพื่อให้มีธรรมาภิบาล การปรับ/ลดกฎระเบียบเพื่อสร้างความมีประสิทธิภาพของตลาดและสินค้า การสร้างความพร้อมทางเทคโนโลยี การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรม และการพัฒนาการศึกษาและทักษะ โดย WEF จะเสนอให้ไทยให้ความสำคัญกับการมีนโยบายเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำระยะยาว
ทั้งนี้ ความสามารถในการแข่งขันเป็นสิ่งที่บ่งชี้ศักยภาพของประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ บรรยากาศการค้าและการลงทุน โดยประเด็นสำคัญที่ไทยต้องเร่งพัฒนาและปรับปรุงภายใต้เกณฑ์ชี้วัดใหม่ของ WEF เช่น ความสามารถการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในส่วนตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์ อาทิ การเริ่มต้นธุรกิจ การค้าระหว่างประเทศ และการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญานั้น กระทรวงพาณิชย์จะเร่งปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์กำลังจะขยายความร่วมมือกับ WEF ทางด้านเศรษฐกิจการค้า โดยความชำนาญของ WEF จะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและช่วยให้ประเทศไทยมีทิศทางนโยบายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับสถานการณ์ยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดีของไทยผ่านเวทีเศรษฐกิจระดับโลกต่อไป.-สำนักข่าวไทย