คปพ.ขอให้ยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์การสำรวจปิโตรเลียม

สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน 16 พ.ย.-คปพ.ร้องผู้ตรวฯ เสนอรัฐยกเลิกประกาศหลักเกณฑ์การสำรวจปิโตรเลียมฯ ชี้ ทำให้รัฐเสียเปรียบ ประเทศเสียประโยชน์ 


เครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) นำโดยนายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรีเข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน  ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน  ขอให้พิจารณาข้อเสนอแนะไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ให้ยกเลิกประกาศคณะกรรมการปิโตรเลียม เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดพื้นที่ที่จะสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมในรูปแบบของสัมปทาน สัญญาแบ่งปันผลผลิต หรือสัญญาจ้างบริการ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา  เพราะหลักเกณฑ์และวิธีการตามประกาศมีข้อบกพร่องร้ายแรงที่อาจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 164 (1) ทำให้การบริหารงานของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวมได้ 

ม.ล.กรกสิวัฒน์   กล่าวว่า คปพ.เห็นว่าหลักเกณฑ์ตามประกาศดังกล่าว ที่กำหนดให้ใช้ตัวเลขโอกาสพบปิโตรเลียมเชิงพานิชย์ของภูมิภาคธรณีวิทยาปิโตรเลียมเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาใช้รูปแบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต เป็นการหลีกเลี่ยงบิดเบือนโอกาสที่รัฐจะเลือกใช้รูปแบบดังกล่าว  เนื่องจากการคำนวนโอกาสพบปิโตรเลียมตามประกาศไม่ได้คำนวนตามศักยภาพของแปลงปิโตรเลียมในแต่ละแปลง  แต่กลับใช้ค่าเฉลี่ยโอกาสพบปิโตรเลียมของทั้งภูมิภาค จึงเป็นเจตนารวมแปลงปิโตรเลียมที่มีตัวเลขโอกาสพบปิโตรเลียมสูง  เข้ากับแปลงที่มีโอกาสพบปิโตรเลียมน้อยหรือแปลงไม่มีโอกาสพบปิโตรเลียมเลย   เพื่อให้ตัวเลขผลรวมของโอกาสพบปิโตรเลียมต่ำลง และทำให้รัฐต้องใช้รูปแบบสัมปทานแทน 


ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า จากตัวเลขโอกาสพบปิโตรเลียมในเชิงพานิชย์ของไทยอยู่ที่อัตราร้อยละ 39  แต่โอกาสพบปิโตรเลียมในเชิงพานิชย์ของภูมิภาคธรณีวิทยาปิโตรเลียมของแต่ละภูมิภาค มีค่าระหว่าอัตราร้อยละ 0-31ซึ่งต่ำกว่าโอกาสพบบิโตรเลียมในเชิงพานิชย์ของไทยทั้งสิ้น การกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวจึงส่งผลให้ทุกภูมิภาคของไทยต้องใช้รูปแบบสัมปทานเท่านั้น  ยกเว้นในทะเลอ่าวไทย จึงเป็นข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง และไม่พบว่าในกลุ่มประเทศ  มีประเทศใดที่ใช้ข้อกำหนดโอกาสพบปิโตรเลียมในเชิงพานิชย์ของภูมิภาคมาเทียบกับของประเทศ เพื่อกำหนดพื้นที่ทำสัญญาแบ่งปันผลผลิตในการให้สิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างประเทศไทย  

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า กรณีที่ประกาศฯ กำหนดเกณฑ์การเลือกใช้รูปแบบสัญญาจ้างบริการ ว่าจะต้องมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบตั้งแต่ 300 ล้านบาร์เรลขึ้นไปต่อแปลงสำรวจหนึ่ง ๆ  หรือมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติตั้งแต่ 3 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตขึ้นไปต่อพื้นที่แปลงสำรวจหนึ่ง ๆเป็นตัวเลขสูงมาก ซึ่งจากรายงานประจำปีกรมเชื้อเพิลงธรรมชาติปี 59   ระบุว่า แปลงปิโตรเลียมทั้งหมดทุกแปลงของประเทศมีปริมาณน้ำมันดิบรวมกันเพียง 280.22 ล้านบาร์เรล  และมีปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติรวมกันแค่ 11.62 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเท่านั้น  ดังนั้น ข้อกำหนดดังกล่าวจึงไม่สามารถทำให้รัฐใช้รูปแบบของสัญญาจ้างบริการได้เลย  เพราะจะไม่มีแปลงไหนผ่านเกณฑ์   ซึ่งอาจรวมไปถึง แหล่งบงกช แหล่งเอราวัณ และแหล่งสิริกิติ์  ที่เพิ่งหมดอายุสัมปทานแต่ยังคงมีปิโตรเลียมเหลืออยู่ และรัฐกำลังพิจารณาว่าจะดำเนินการในลักษณะใดต่อไป

“ในทางปฏิบัติที่เป็นสากล  รูปแบบสัญญาจ้างบริการมีความเหมาะสมกับศักยภาพปิโตรเลียมทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่  แต่เกณฑ์ตามประกาศดังกล่าวเป็นอุปสรรคขัดขวางการนำรูปแบบสัญญาจ้างบริการไม่ให้สามารถนำมาใช้จริงได้   รัฐจึงควรปรับปรุงเแก้ไขหลักเกณฑ์ข้อกำหนดที่ทำให้รัฐเสียเปรียบ ประเทศเสียประโยชน์ หรือหากรัฐเห็นว่าไม่จำเป็นต้องแก้ไขก็ควรสั่งให้เปิดเผยว่าพื้นที่แปลงปิโตรเลียมใดสามารถใช้ระบบสัญญาจ้างบริการได้ เพื่อความโปร่งใสในการออกประกาศฉบับดังกล่าว เพราะสัญญาจ้างบริการเป็นรูปแบบจัดการทรัพยากรปิโตรเลียมของชาติที่ให้ความมั่นคงทางพลังงานต่อประเทศมากที่สุด”  ม.ล.กรกสิวัฒน์  กล่าว.-สำนักข่าวไทย      


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พยาบาลถูกตบ

“สมศักดิ์” พร้อมช่วยคดี “พยาบาลสาว” ถูกญาติผู้ป่วยตบหน้า

“สมศักดิ์” รมว.สธ. พร้อมสนับสนุนหา “ทนายความ” ช่วยคดี “พยาบาลสาว” ถูกญาติผู้ป่วยตบหน้า บอกหากเจ้าตัวไม่ดำเนินคดี กระทรวงฯ พร้อมออกโรงแทน หวั่นเป็นเยี่ยงอย่าง

รพ.ระยอง ยันดำเนินคดีถึงที่สุดญาติคนไข้ตบพยาบาล

โรงพยาบาลระยอง แถลงปมญาติคนไข้ตบหน้าพยาบาล เผยหลังเกิดเหตุได้ดูแลอาการบาดเจ็บของพยาบาลผู้ประสบเหตุทันที ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

ข่าวแนะนำ

ระทึก! ฝนถล่มอยุธยา บ้านพังครืน เจ็บ 3 คน

ฝนถล่มอยุธยา ลมแรงพัดบ้านไม้พังครืน ทับคนในบ้านเจ็บ 3 คน เผยนาทีระทึก! ได้ยินเสียงไม้ลั่น ก่อนบ้านพังถล่มลงมาทั้งหลัง ด้านกรมอุตุฯ เตือนอากาศแปรปรวนช่วงเปลี่ยนฤดู 18-24 ก.พ.นี้

“หมอธวัชชัย” หอบหลักฐานส่งผ้าขาว-โทรศัพท์โคลนนิ่งให้ดีเอสไอ

“หมอธวัชชัย” หอบหลักฐานส่งผ้าขาว-โทรศัพท์โคลนนิ่งจาก “บังแจ็ค” ให้ดีเอสไอ พร้อมเผยตัวการส่งหลักฐานเก๊

รพ.ระยอง ยันดำเนินคดีถึงที่สุดญาติคนไข้ตบพยาบาล

โรงพยาบาลระยอง แถลงปมญาติคนไข้ตบหน้าพยาบาล เผยหลังเกิดเหตุได้ดูแลอาการบาดเจ็บของพยาบาลผู้ประสบเหตุทันที ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุด

“สส.ปูอัด” รับทราบข้อกล่าวหาคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน

“สส.ปูอัด” รับทราบข้อกล่าวหาคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน ที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมกล่าวสั้นๆ ว่า วันนี้มาขอทราบรายละเอียดของข้อหา