ชาวพญาไท 8 ชุมชน ร้องผู้ตรวจฯ เขตพญาไทปล่อยสร้างตึกสูงผิดกฎหมาย

กรุงเทพฯ 15 พ.ย.- ชาวพญาไท 8 ชุมชน ร้องผู้ตรวจฯ ประสาน กทม.- เขตพญาไท  แก้ปัญหาปล่อยเอกชน สร้างตึกสูง  ผิดกฎหมาย  ชี้ทำคนพื้นที่เดือดร้อนหนัก เผยมีหมกเม็ดอนุมัติสร้างตึก 20 ชั้น ซ. พหลโยธิน 11 ทั้งที่ถนนซอยกว้างไม่ถึง 10 เมตร  ส่อซ้ำรอยตึกสูงซอยร่วมฤดีที่ศาลปกครองสั่งรื้อถนน  สุดทนตั้งคำถามเขต พอหรือยัง หรือต้องให้คนชุมชนย้ายออกแลกความเจริญ 


นายนรฤทธิ์ โกมลารชุน  ผู้แทนกลุ่มชมรมอนุรักษ์พญาไท และผู้ได้รับผลกระทบกว่า 10 ราย  ซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ใน 8 ชุมชนของพื้นที่พญาไท  เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร  และสำนักงานเขตพญาไท  กรณีปล่อยปละละเลยให้มีการก่อสร้างอาคารสูง คอนโดมีเนียม ที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย และก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ไม่มีคุณภาพ รวมถึงไม่มีการจัดการบริเวณที่ก่อสร้างให้เรียบร้อย ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรและเกิดน้ำท่วมภายในชุมชน  

นายนรฤทธิ์ กล่าวว่า เป็นคนพื้นที่อยู่มากว่า 70 ปี แต่ปัจจุบัน กทม. และเขตพญาไทกลับอนุมัติให้มีการก่อสร้างอาคารชุด โดยไม่คำนึงถึงกายภาพของพื้นที่ที่มีจำกัด ทำให้เกิดปัญหาในด้านต่าง ๆ ทั้งการจราจรติดขัด น้ำท่วมขัง มลภาวะทางเสียง ฝุ่น กลิ่น ซึ่งทางชุมชนได้เคยร้องเรียนไปยัง กทม.  เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ สผ. ฝ่ายสิ่งแวดล้อมกรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตพญาไท แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ปัญหาที่ตรงจุด ตรงกันข้ามกลับสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนมากขึ้น เนื่องจากไม่มีการรับฟังความเห็นของชุมชน 


“อย่างมีกรณีหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นเหมือนคดีซ.ร่วมฤดี  ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้รื้อตึกสูง และชาวบ้านกำลังคิดที่จะฟ้องร้อง คือ การปล่อยให้มีตึกสูง  20 ชั้น ในซ.พหลโยธิน 11 และกทม.กำลังอนุมัติให้สร้างตึก 8 ชั้นเพิ่มอีก  ซึ่ง กทม.อ้างว่าที่อนุมัติให้เพราะถนนซอยกว้าง 13 เมตร แต่เมื่อกรมที่ดินมารังวัดตามการร้องเรียนของชาวบ้านพบว่าขนาดถนนกว้างไม่ถึง 10 เมตร  ที่กฎหมายกำหนดว่าจึงจะสามารถสร้างตึกสูงได้  ซึ่งทางเขตก็ไม่มีการประกาศผลการรังวัดให้ประชาชนทราบและไม่มีการยับยั้งการก่อสร้าง  สะท้อนถึงความหย่อนยานในการควบคุมการบังคับใช้กฎหมาย ยังไม่รวมไปถึงการอนุญาตก่อสร้างตึกสูงในซอยอื่น ๆ ที่ก็มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมไม่ตรงความจริง ไม่มีการสอบถามความเห็นของคนในพื้นที่ หรือที่ก่อสร้างแล้วก็ละเลยไม่ควบคุมมลพิษทางเสียง กลิ่น  จราจรตามซอยต่างๆ ที่ผู้พักอาศัยไม่สามารถเข้าหรือออกจากบ้านพักของตนเองได้สะดวกในชั่วโมงเร่งด่วน การปล่อยให้มีการจอดรถทั้งสองฝั่งถนนจนรถไม่สามารถขับสวนกันได้ ทั้งหมดเป็นปัญหามาจากความอ่อนแอของการควบคุมและการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐ จึงอยากให้ผู้ตรวจฯประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายให้ถูกต้อง ไม่บิดเบือน” นายนรฤทธิ์ กล่าว

ด้าน น.ส.ริรินดา พูนพิพัฒน์  ผู้พักอาศัยในซอยพหลโยธิน 8 หรือ ซ.สายสม  กล่าวว่า บ้านของตนติดกับคอนโดดิเมโมเรีย ของบริษัท ดีเวล แกรนด์เอสเสท จำกัด ขณะก่อสร้างในปี 57 มีการขุดดินเพื่อทำที่จอดรถใต้อาคาร ทำให้ดินในพื้นที่รอบนอก  รวมทั้งที่ดินที่ตั้งบ้านของตนเกิดการเคลื่อนตัวเข้าหาพื้นที่ก่อสร้าง และตัวบ้านทั้งผนัง และคาน เริ่มมีรอยร้าว  ซึ่งหลังจากก่อสร้างผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์ ก็ทำให้บ้านตนมีรอยร้าวทั้งหลัง อยู่อาศัยไม่ได้   โดยวิศวกรที่เข้ามาตรวจสอบพบว่าเสาเข็มของบ้านเคลื่อนออกจากศูนย์ ถึงจะซ่อมแซมก็จะเกิดความเสียหายขึ้นอีกในอนาคต  ตนจึงต้องทุบบ้านทั้งหลังแล้วสร้างใหม่   ทั้งที่บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของครอบครัวที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2502 และตนผูกพันกับบ้านหลังดังกล่าว และยังมีบ้านอีกหลังในละแวกเดียวกันที่ได้รับผลกระทบ 

น.ส.ริรินดา กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น ตนได้นำเรื่องฟ้องต่อศาลปกครอง และศาลแพ่ง  ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองเพราะเห็นว่า การทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเป็นเท็จ แต่ต่อมาโครงการได้มีการแก้ไขและศาลอนุญาตให้มีการก่อสร้างได้บางส่วนแต่ทางโครงการก็สร้างตึกจนเสร็จและปัจจุบันมีผู้เข้าพักเต็มพื้นที่หมดแล้วขณะที่ความเสียหายของตน โครงการก็ไม่ได้เยียวยา หรือได้รับความช่วยเหลือจากสำนักงานเขตเลยต้องไปฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเอง โดยเรียกค่าเสียหายไป 30 ล้าน


อย่างไรก็ตามในพื้นที่พญาไท ทางชมรมฯ เห็นว่า ระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ ของรัฐ ไม่สามารถที่จะรองรับโครงการก่อสร้างอาคารสูงได้อีกแล้ว จึงอยากให้ทางกทม. และเขตพิจารณาว่า พอหรือยังที่อนุญาตให้มีการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ได้อีก หรือต้องให้คนในชุมชนย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อแลกกับความเจริญ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

ฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก ยัดใส่รถกระบะ

สะเทือนขวัญ! ฆ่าอำพราง 3 ศพ พ่อแม่ลูก ยัดใส่รถกระบะทิ้งบ้านร้างริมถนน พื้นที่ อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ญาติเผยหายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค.68

“ไทด์ เอกพันธ์” ให้ข้อมูล DSI คดีแตงโม มั่นใจจำได้ทุกบาดแผล

“ไทด์ เอกพันธ์” เข้าให้ข้อมูล DSI คดีแตงโม ยืนยันจำได้ทุกบาดแผล มั่นใจ รอยกรีดลึกยาวโคนขาขวาด้านในไม่ใช่สาเหตุจากใบพัดเรือ ขณะที่ศาลนัดฟังคำพิพากษา 23 พ.ค.นี้

สภาล่ม

สภาฯ ล่ม​ องค์ประชุมไม่ครบ วอล์กเอาต์ 2 รอบ

ล่ม​จนได้​ องค์ประชุมไม่ครบ​ หลัง​มีวอล์กเอาต์ 2 รอบ และมีมติไม่เลื่อนญัตติด่วน “หมอเปรม” ขอให้ส่งศาลตีความก่อนถกร่างแก้ไข รธน.