14 พ.ย. – มีข้อมูลระบุว่า กระทิงเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้งการรุกล้ำพื้นที่เกษตรของชาวบ้านก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
กระทิง เป็น 1 ใน 51 สัตว์ป่า ตามบัญชีหมายเลข 1 (Appendix I) ซึ่งมีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์ ในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) โดยบทบัญญัตินี้ ประเทศสมาชิกจึงห้ามค้าในเชิงพาณิชย์ การส่งออกจะต้องได้รับความยินยอมจากประเทศที่จะนำเข้าเสียก่อน
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบคณะกรรมการไซเตสในประเทศไทย โดยบัญชีที่เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่า เป็นความรับผิดชอบของกรมป่าไม้
ปัจจุบันคาดว่ามีกระทิงอยู่ทั่วโลก 13,000-30,000 ตัว ลดลงอย่างต่อเนื่องจากการล่าและสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัย จากข้อมูลพบถิ่นที่อยู่ของกระทิงในแถบเอเชีย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติจิตวัน และเขตสงวนพันธุ์สัตว์ป่าปาร์ซา ประเทศภูฏาน ในมณฑลยูนนานและทิเบต ประเทศจีน ประเทศอินเดีย สปป.ลาว มาเลเซีย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทามินที ของเมียนมา จังหวัดมณฑลคีรี ของกัมพูชา
ในประเทศไทยมีการประเมินจำนวนประชากรกระทิงในปี 2537 อยู่ที่ 920 ตัว พื้นที่สำคัญที่สุด คือ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติปางสีดา เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ปลูกป่าเขาแผงม้ามีจำนวนกระทิงเพิ่มขึ้นเป็น 100 ตัว ภายในช่วงปี 2547-2550 นายกิตติศักดิ์ ศรีปัดถา หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาแผงม้า ระบุว่าปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 300 ตัว พื้นที่ป่าเขาแผงม้ามีเพียง 5,000 ไร่ จึงมีฝูงกระทิงออกหากินเกือบเต็มพื้นที่ และเมื่อเกิดการแย่งเป็นจ่าฝูง ทำให้กระทิงบางตัวถูกขับออกจากฝูง หากินรุกที่ชาวบ้านบ่อยครั้งมากขึ้น
นอกจากการเผชิญหน้าและรุกเข้าพื้นที่ทำกินชาวบ้านแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องการลักลอบล่าและค้าสัตว์ป่า อยู่เป็นประจำ
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล (WWF) เปิดเผยข้อมูล 10 อันดับสัตว์ป่าที่มีการลักลอบซื้อขายมากที่สุด อ้างอิงจากเครือข่ายเฝ้าระวังการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย ที่สำรวจตลาดลักลอบค้าสัตว์ป่า ร้านขายสินค้าจากสัตว์ป่า และร้านอาหารที่มีเมนูสัตว์ป่าในพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ รอยต่อสามประเทศ ไทย ลาว และเมียนมา ถือเป็นพื้นที่ค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ทั้งสิ้น ได้แก่ อันดับ 1 เสือโคร่ง อันดับ 2 ช้าง อันดับ 3 หมี อันดับ 4 ตัวลิ่น อันดับ 5 แรด อันดับ 6 เลียงผา อันดับ 7 นกเงือก อันดับ 8 กระทิง อันดับ 9 เสือดาว อันดับ 10 เต่า
กลุ่มลูกค้าหลักที่สำคัญ คือ นักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวเวียดนาม ซึ่งนิยมมาซื้อสินค้าสัตว์ป่าที่ตลาดเมืองลา และตลาดท่าขี้เหล็กในเมียนมา หรือตลาดใกล้ชายแดน เช่น ตลาดบ่อเต็น และเขตเศรษฐกิจพิเศษใน สปป.ลาว กระทิงที่ถูกล่าและนำไปขายนั้น จะถูกนำไปทำอาหาร และเขาของมันจะนำไปทำเครื่องประดับตกแต่งบ้าน. – สำนักข่าวไทย