นายกรัฐมนตรี ชี้ไทยประสบความสำเร็จในเวทีเอเปก

เวียดนาม 11 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี ชี้ไทยประสบความสำเร็จในเวทีเอเปก ยันไม่มีหารือเรื่องประโยชน์นอกรอบ 


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 25 ณ นครดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ว่าการประชุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเนื่องจากได้มีส่วนร่วมในการกล่าวถ้อยแถลงทุกวาระ ในนามของประเทศไทย และสมาชิกอาเซียน หนึ่งในประเด็นสำคัญ คือ ปฏิญญาโบกอร์ว่าด้วยเจตนารมณ์ร่วมของเอเปก ที่ตั้งเป้าให้มีการเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนในภูมิภาคภายในปี พ.ศ. 2553 สำหรับสมาชิกที่พัฒนาแล้ว และพ.ศ. 2563 สำหรับสมาชิกกำลังพัฒนาที่เหลือ ซึ่งเอเปกมีเวลาอีกเพียง 3 ปีที่จะต้องช่วยกันดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย


ในเรื่องของเศรษฐกิจดิจิทัล ไทยและประเทศสมาชิกมีความห่วงใยร่วมกันว่าอาจจะมีกระแสต่อต้านโลกาภิวัตน์และการค้าเสรีมากขึ้น เพราะบางประเทศอาจไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ทำในวันนี้จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริงได้อย่างไร ซึ่งตนได้พูดในที่ประชุมไปแล้วว่าต้องเร่งสร้างความเข้าใจกับคนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายว่ามีความจำเป็นต่อการเปลี่ยนแปลงในยุคนี้ และอนาคตอย่างไร อย่างไรก็ตาม มองว่าการตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก หรือ FTAAP เป็นสิ่งที่ท้าทายที่จะต้องทำให้สำเร็จ เพราะมีคนบางส่วนไม่เข้าใจมองว่าเป็นการค้าแบบผูกขาด


ส่วนการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเอเปกกับผู้แทนสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปก ภายใต้หัวข้อ “การส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน ครอบคลุมและมีนวัตกรรม และการส่งเสริมความเป็นสากลของวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs) ตนได้ชี้แจงถึงนโยบายแนวทางและมาตรการต่างๆ ในการช่วยเหลือ ด้วยตั้งงบประมาณไว้ 2 หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้เอสเอ็มอี สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 นอกจากนี้ ยังส่งเสริมและสร้างองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการด้วย และจำเป็นต้องให้ความรู้ในระบบการศึกษาของประเทศไทยด้วยเพื่อเตรียมพร้อมเยาวชนคนรุ่นใหม่รองรับการขยายตลาดในอนาคต

ส่วนการประชุมอย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปกกับผู้นำอาเซียน ตนได้ชี้แจงให้เห็นว่าประเทศไทยได้มีการเตรียมการอย่างไรบ้างในเรื่องของความเชื่อมโยงด้านดิจิทัล เช่น การขยายเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไร้สาย การสร้างเคเบิลใต้น้ำ 25,000 กม. เพื่อรองรับการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจำเป็นต้องเชื่อมโยงกับโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี และเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นจุดศูนย์กลางในภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังมีการหารือถึงการเตรียมพร้อมรับมือสังคมผู้สูงวัยด้วย รวมถึงการผลักดันโครงการเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งได้ร่วมกับประเทศเปรูในการจัดทำยุทธศาสตร์ว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยจะมีผลบังคับใช้ในปีนี้ 

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการประชุมผู้นำเอเปก ว่า ในช่วงที่ 1 ให้ความสำคัญในการเตรียมพร้อมบุคลากร พัฒนาทุนมนุษย์ รองรับโครงสร้างดิจิตอล ซึ่งไทยได้ชี้แจงว่าปัจจุบันเราได้พัฒนาการศึกษา โดยเฉพาะอาชีวะทั้งชายและหญิงให้สามารถคิดแก้ปัญหาและสร้างสรรค์นวัตกรรม รวมถึงวิจัยและพัฒนา ซึ่งต้องปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาในทุกระดับให้สอดคล้อง รวมถึงสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่ที่ไม่อยากให้กังวลเรื่องการจัดเก็บภาษี เพราะหากรายได้ไม่มากพอก็จะได้รับการยกเว้น หากเพียงพอก็จะถูกจัดเก็บเพียงส่วนน้อย แต่สิ่งที่จะได้รับคือการเข้าถึงระบบทุน กู้เงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ได้

ส่วนการประชุมในช่วงที่ 2 พูดถึงการเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งไทยก็ได้แสดงจุดยืนในการสนับสนุนเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer พร้อมน้อมนำเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาปรับใช้กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ โดยให้สำนักงานอิเล็กทรอนิกส์เริ่มรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆ ให้มาอยู่ในที่เดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีการพูดถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวกับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ให้ปรับใช้เทคโนโลยีและเพิ่มมูลค่าในการแข่งขันจนสามารถไปสู่เวทีโลก แต่จะต้องมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภูมิภาคและทุกภาคส่วนเพื่อให้สมาชิกเอเปกเติบโตไปพร้อมกัน

นายกฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ทุกประเทศให้เกียรติตน เช่น นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รวมถึงนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย และผู้นำประเทศอื่นๆ อีก 20 ประเทศ ซึ่งทุกคนให้เกียรติทักทายพูดคุยด้วยบรรยากาศที่มีมิตรไมตรีและอบอุ่น

“ไม่มีเขา ไม่มีเรา พูดคุยกันได้ในทุกประเด็น บางประเด็นก็พูดกันในห้องประชุม บางประเด็นก็พูดนอกห้องประชุมแต่รับรองว่าไม่มีการตกลงกันในเรื่องผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ขออย่าไปเชื่อฟังคำบิดเบือนต่างๆ ในส่วนของประธานาธิบดีจีน ก็สนิทกันอยู่แล้วเพราะเป็นเอเชียด้วยกัน ในส่วนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เพิ่งเจอกันที่สหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นโอกาสดีที่การได้พบกันครั้งนี้ทำให้สนิทกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งท่านก็รับฟังในสิ่งที่ผมพูด ผมก็ฟังท่านพูด ถ้อยทีถ้อยอาศัย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไม่ใช่ผมจะไปตกลงซื้อของขายของเป็นการส่วนตัวเพราะทำไม่ได้เป็นเรื่องของกลไกข้าราชการที่จะต้องทำต่อไปว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อ ขายหรือไม่ขาย เพราะต้องแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งไทยก็ได้ดุลการค้าจากหลายประเทศ แต่เมื่อพิจารณาแล้วบางครั้งมันก็ไม่พอเพราะมูลค่าสิ่งของที่ขายออกไป เช่น พืชผลทางการเกษตรค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ต้องซื้อ เช่น เทคโนโลยี มีมูลค่าต่างกันมาก เช่น ซื้อโทรศัพท์ 1 เครื่อง จะต้องขายข้าวไปเท่าไหร่ ต้องไปดูเหตุดูผลตรงนี้และสร้างความเข้าใจกับประเทศในทุกประชาคม ไทยต้องให้ความสำคัญกับเกษตรกรและการเกษตรเพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ดังนั้น จะต้องพัฒนาไปสู่ประเทศเกษตรอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มรายได้ มีเม็ดเงินไปซื้อสิ่งของที่มีมูลค่าสูง ซึ่งต้องหาวิธีการว่าจะทำอย่างไรให้คนไทยสามารถอยู่ได้ในยุคที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ Thailand 4.0 หรือการปฏิรูปทางเศรษฐกิจครั้งที่ 4” นายกรัฐมนตรี กล่าว 

หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือทวิภาคีกับนายเหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เพื่อผลักดันกลไกความร่วมมือ การประชุม ครม.ร่วมไทย-เวียดนาม แก้ปัญหาอุปสรรคการค้า และร่วมกันแก้ปัญหา IUU แรงงานผิดกฏหมาย รวมถึงการเชื่อมโยงการคมนาคม 

วันพรุ่งนี้นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปที่ท่าอากาศยานนานาชาติดานังเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 13-14  พ.ย. 2560.- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแนวต้านน้ำหล่มสัก ผลักดันแผนแก้น้ำท่วมซ้ำซาก

เพชรบูรณ์ 22 ก.ย. – แม้ว่าน้ำที่ท่วมชุมชนและย่านการค้าในเขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ที่เพชรบูรณ์ จะลดลงแล้ว แต่ทิ้งความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะย่านการค้าเก่าแก่ที่เจอน้ำท่วม 2 รอบในช่วง 3 สัปดาห์ เรียกว่ายังไม่ทันได้ฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วมรอบแรกเสร็จ ต้องมาเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะที่หลายคนกังวลและต้องเตรียมรับมือกับพายุที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายสัปดาห์นี้ พร้อมเรียกร้องให้เร่งป้องกันและหาแนวทาง แก้ปัญหาระยะยาว ไม่ให้หล่มสักกลายเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก .-สำนักข่าวไทย

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]