กสม.เสนอทางออก ครม.-กทม. แก้ข้อพิพาทชุมชนป้อมมหากาฬ

กรุงเทพฯ 10 พ.ย.-กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ เสนอทางออก ครม. – กทม. แก้ข้อพิพาทชุมชนป้อมมหากาฬ


นางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวกรณีปัญหาข้อพิพาทระหว่างกรุงเทพมหานครกับชุมชนป้อมมหากาฬ ซึ่งยืดเยื้อมายาวนาน  โดยกรุงเทพมหานครให้ชุมชนย้ายออกภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเห็นว่าชุมชนป้อมมหากาฬเป็นการอยู่ร่วมกันของบุคคล โดยมีพื้นที่เป็นหลักแหล่ง มีรากฐานทางประวัติศาสตร์ในการอยู่ร่วมกันมายาวนาน สมาชิกในชุมชนมีความผูกพันระหว่างกัน และมีกระบวนการตัดสินใจร่วมกันอย่างมีแบบแผน จึงมีลักษณะเป็นชุมชนท้องถิ่น ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ได้บัญญัติรับรองสิทธิในการอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น  ศิลปวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ และสิทธิในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุลและยั่งยืน

นางเตือนใจ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ชุมชนได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการศึกษาภายใต้โครงการวิจัยเพื่อจัดทำแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนบ้านไม้โบราณ “ป้อมมหากาฬ” แสดงให้เห็นแนวทาง ข้อเสนอแนะของชุมชนอันเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น การอนุรักษ์อาคารบ้านไม้โบราณ ซึ่งมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม  รวมทั้งการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่ดินให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนได้อย่างไร


นางเตือนใจ กล่าวอีกว่า ตามที่รัฐธรรมนูญได้ให้การรับรองไว้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทที่ยืดเยื้อมายาวนาน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจึงมีมติที่ประชุม เห็นควรให้มีข้อเสนอแนะมาตรการ หรือแนวทางที่เหมาะสมในการป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามมาตรา 247 (1) และข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่ง ตามตรา 247 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ต่อคณะรัฐมนตรีและกรุงเทพมหานคร ดังนี้ แนวทางที่ 1 คณะรัฐมนตรีและกรุงเทพมหานคร ควรดำเนินการตามแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนบ้านไม้โบราณป้อมมหากาฬ ซึ่งเป็นความร่วมมือ ภายใต้กรอบข้อตกลงร่วม 3 ฝ่ายในการพัฒนาพื้นที่ชุมชนป้อมมหากาฬ ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2558 ระหว่างมหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพมหานคร และชาวชุมชนป้อมมหากาฬ โดยนำที่ดินจำนวน 8 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้มาก่อนบังคับใช้พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืนในท้องที่ แขวงบวรนิเวศ  เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2535 เพื่อดำเนินการปรับปรุงวางผังและปรับปรุงชุมชนใหม่ตามแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาชุมชนบ้านไม้โบราณในรูปแบบพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง หรือพิพิธภัณฑ์มีชีวิต โดยให้สมาชิกชุมชนที่มีคุณสมบัติ สามารถอยู่อาศัย หรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ภายใต้เงื่อนไขข้อบัญญัติที่กรุงเทพมหานครกำหนดขึ้น เพื่อควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์พื้นที่ให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย

นางเตือนใจ กล่าวว่า แนวทางที่ 2 กรณีมีข้อโต้แย้งทางกฎหมายเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2535  กรุงเทพมหานครสามารถเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการแก้ไข หรือตราพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ ที่จะเวนคืนเฉพาะบริเวณที่ตั้งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืนให้สอดคล้องกัน ในการดำเนินการดังกล่าวกรุงเทพมหานครควรดำเนินการโดยการมีส่วนร่วมของชาวชุมชนป้อมมหากาฬ รวมถึงมีการบูรณาการการทำงานร่วมกับกรมศิลปากร และสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์

นางเตือนใจ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 ให้สอดคล้องกับหลักการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ด้วย ซึ่งได้แก้ไขเพิ่มเติมหลักการว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์แตกต่างไปจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 หลายประการ เช่น การจ่ายค่าทดแทน ซึ่งต้องพิจารณาถึงผลกระทบต่อผู้ถูกเวนคืน รวมทั้งประโยชน์ที่ผู้ถูกเวนคืนอาจได้รับ การกำหนดให้คืนอสังหาริมทรัพย์เหลือจากการใช้ประโยชน์และเจ้าของเดิมหรือทายาทประสงค์จะได้คืนให้แก่เจ้าของเดิมหรือทายาท การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์เพื่อนำไปชดเชยให้เกิดความเป็นธรรมแก่เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกเวนคืนหลัก.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต

ราชทัณฑ์ แจงชัดเหตุ “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำ

ราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงกรณี “ผู้กำกับโจ้” เสียชีวิตในเรือนจำกลางคลองเปรม ด้าน จนท.พิสูจน์หลักฐาน เตรียมเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ธ.ก.ส. ออก “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” หนุนคนใกล้เกษียณทำเกษตร

กรุงเทพฯ 6 มี.ค.- ธ.ก.ส. เปิดตัว “สินเชื่อเกษตรวิวัฒน์” ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินทำการเกษตรคู่ขนาน รองรับการเข้าสู่ Aging Society สูงสุด 8 ล้านบาท ธ.ก.ส. จัดสินเชื่อเกษตรวิวัฒน์ ส่งเสริมการดึงคนกลับเข้าสู่ภาคการเกษตร กรอบวงเงินรวม 3.75 หมื่นล้านบาท สานฝันบุคลากรภาครัฐและเอกชนที่มีรายได้ประจำอายุ 50 – 59 ปี สร้างรายได้คู่ขนานจากการทำการเกษตร และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าเกษตรไปสู่เกษตร มูลค่าสูง วงเงินกู้สูงสุดรายละไม่เกิน 8 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยต่ำ 5 ปีแรก MRR – 2 และปีที่ 6 เป็นต้นไป เท่ากับ MRR แจ้งความประสงค์ได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ผู้มีรายได้ประจำเป็นรายเดือน สามารถวางแผนการสร้างรายได้คู่ขนานจากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรืออาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตรในวัยก่อนและหลังเกษียณ รองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เพิ่มการเกษตรที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม […]

ข่าวแนะนำ

กรมราชทัณฑ์ เปิดภาพวงจรปิด “อดีต ผกก.โจ้” เสียชีวิต

กรมราชทัณฑ์ เปิดภาพวงจรปิด ระหว่างที่อดีตผู้กำกับโจ้ ถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องแยกการควบคุมแดน5 เรือนจำกลางคลองเปรม เพื่อยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ หรือผู้ต้องขังรายใด ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย

ไทยตอนบนฝนลดลง อุณหภูมิสูงขึ้น ใต้ฝนหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนฝนลดลง อุณหภูมิสูงขึ้น ขอประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ ฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง