กรุงเทพฯ 7 พ.ย.60- ฟุตบอลไทยลีก 2, 3 และ 4 ปิดฉากลงอย่างเป็นทางการแล้ว ไปดูนโยบายและทิศทางการดำเนินต่อไปในฤดูกาลหน้าจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย จากรายงานของคุณรัชนิพงศ์ วรศะริน
จากกรณีการขายสโมสรของซุปเปอร์ พาวเวอร์, การยุบทีมของบีบีซียู เอฟซี การส่งใบอนุญาตการแข่งขันไม่ทันของสมุทรสงคราม เอฟซี และนครปฐม ยูไนเต็ด เหมือนเป็นสัญญาณว่า ฟุตบอลลีกของไทยกำลังจะฟองสบู่แตก จะเหลือเพียงแค่ทีมใหญ่เท่านั้น ที่อยู่รอด และทีมเล็กๆ ในระดับภูมิภาคจะตายกันหมด อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปแบบการแข่งขันใหม่ของฟุตบอลไทยลีก 3-4 ซึ่งถือเป็นลีกรากหญ้าภายใต้การดูแลของนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ประธานจัดการแข่งขัน ยืนยันว่า นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนรูปแบบ จากลีกภูมิภาคเดิมที่มี 8 โซน มาเป็นไทยลีก 3 และ 4 สโมสรมีมาตรฐานมากขึ้น
ประธานจัดที 3 และ 4 ระบุว่า การย้ายถิ่นฐานหรือการซื้อขายทีมไม่ได้เป็นเหตุให้ลีกหยุดพัฒนา เพราะว่าการทำทุกอย่างเป็นไปตามข้อกำหนดของสมาคมฟุตบอลฯ ตามใบอนุญาต เพราะหากเป็นการย้ายเพื่อสร้างแฟนคลับ การหาสปอนเซอร์ได้คล่องตัวขึ้น หรือสนามพร้อมที่ไปสู่การเป็นมืออาชีพ ถือว่าเป็นผลประโยชน์ของสโมสรนอกเหนือจากการจัดรูปแบบแข่งไทยลีก 3 และ 4 ใหม่แล้ว โครงสร้างการบริหารลีกอาชีพ ล่าสุดได้มีการตั้งบริษัทมาดูแลใหม่เป็น บริษัท ไทยลีก จำกัด เพื่อมอบสิทธิ์ประโยชน์กลับมาให้สมาคม และให้สมาคมฯ เป็นหุ้นส่วนใหญ่ เหมือนกับเจลีก ประเทศญี่ปุ่น
นอกจากทั้งการปรับรูปแบบที 3 และ 4 การขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดไทยลีก, การเดินหน้าปราบการล้มบอลอย่างจริงจัง ยังถือเป็นอีก 2 สิ่งที่แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลลีกอาชีพของไทยกำลังเดินหน้าไปสู่มาตรฐานอย่างแท้จริง.-สำนักข่าวไทย