กรุงเทพฯ 4
พ.ย.-สถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาดีขึ้น
หลังมีการปรับลดปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาลงอย่างต่อเนื่องตลอด 1
สัปดาห์ที่ผ่านมา
กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ได้มอบนโยบายให้กรมชลประทาน
วางมาตรการในการเร่งระบายน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาและน้ำในทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาออกสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด
นั้น
พ.ย. 60) ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี C.2
อ.เมืองนครสวรรค์ ลดลงอย่างต่อเนื่อง
เช้านี้วัดได้ 2,620 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำลดลงจากวานนี้(3
พ.ย. 60) 9 เซนติเมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.83
เมตร ส่งผลให้ระดับน้ำบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยาระดับน้ำลดลง 6
เซนติเมตร
ปริมาณน้ำไหลผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังคงลดลงต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
จนถึงปัจจุบันได้ปรับลดลงอีก 100 ลบ.ม./วินาที เหลือ 2,300
ลบ.ม./วินาที
ทำให้ระดับน้ำด้านท้ายเขื่อนไปจนถึงบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง นอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง
คลองบางบาล แม่น้ำน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะลดลงตามไปด้วย
ส่วนบริเวณเหนือเขื่อนเจ้าพระยา
ได้ปรับลดการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานฝั่งตะวันออก โดยคลองชัยนาท-ป่าสัก ปรับลดลงจากวันละ 150
เหลือ 140 ลบ.ม./วินาที และคลองชัยนาท-อยุธยา
ปรับลดลงจาก 39 เหลือ 34
ลบ.ม./วินาที การรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้งสองฝั่งยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการนำน้ำออกจากทุ่งพื้นที่ลุ่มต่ำ
ซึ่งเริ่มจากทุ่งบางระกำ จ.พิษณุโลก เป็นทุ่งแรก นั้น
ปัจจุบันทุ่งบางระกำมีปริมาณน้ำคงค้างในทุ่งเหลือ 456
ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำที่ระบายออกจากทุ่งสะสมตั้งแต่วันที่ 1 – 4
พ.ย. 60 รวมประมาณ 44
ล้าน ลบ.ม. ระดับน้ำในทุ่งลดลงอย่างต่อเนื่อง คาดว่าประมาณกลางเดือนธันวาคม 2560
จะคงเหลือปริมาณน้ำในทุ่งให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
เพื่อให้เกษตรกรเตรียมแปลงเพาะปลูกในช่วงฤดูแล้งต่อไป
ในส่วนของสถานการณ์น้ำในเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศ
ปัจจุบัน(4 พ.ย. 60) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งหมด
59,627 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 84 ของปริมาณน้ำรวมกันทั้งหมด
โดยเป็นปริมาณน้ำที่ใช้การได้ประมาณ 36,100 ล้าน
ลบ.ม. ทั้งนี้ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำรวมกัน 20,955
ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 84 ของปริมาณน้ำทั้งหมด
มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 14,259 ล้าน ลบ.ม.
เพียงพอที่จะสนับสนุนกิจกรรมการใช้น้ำในเขตพื้นที่ชลประทานโดยไม่ขาดแคลน-สำนักข่าวไทย