ลาวยืนยันขายไฟ้ฟ้า 9,000 เมกะวัตต์ให้ไทย

กรุงเทพฯ 2 พ.ย.- สปป.ลาว ยืนยันขายไฟฟ้าให้ไทย 9,000 เมกกะวัตต์ ตามเอ็มโอยูที่ทำไว้ปีที่แล้ว ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทยลดลงจากการผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีใหม่ 


นายคำมะนี อินทิลาด (Dr.Khammany INTHIRATH)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ สปป.ลาว กล่าวว่า ประเทศไทยและสปป.ลาว มีความร่วมมือในการซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกัน โดยจะยังยืนตามกรอบบันทึกความร่วมมือ(MOU)ระหว่าง 2 ประเทศ ที่ลงนามในช่วงเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา จำนวน 9,000 เมกะวัตต์ จาก 9 โครงการ และแม้ว่า ความต้องการไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบันไทยจะลดลง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) จะอยู่ระหว่างทบทวนการจัดทำแผนพัฒนาพลังงาานของประเทศ(พีดีพี)ใหม่ ซึ่งมีแนวโน้มที่การใช้ไฟฟ้าจะลดลง โดยส่วนหนึ่งเกิดจากการผลิตไฟฟ้าจากเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้น เช่น การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์)

สปป.ลาว มีปัจจุบันมีการลงนามในสัญญาร่วมกับแล้ว 9 โครงการ กำลังผลิตรวม 6,000-7,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบเชิงพาณิชย์(COD) ครบภายในปี 2563 ส่วนกำลังการผลิตที่เหลือเป็นเรื่องที่ กฟผ.และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศลาว(EDL) จะต้องหารือร่วมกันต่อไป แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่กำหนดระยะเวลาว่า ไทยจะซื้อไฟฟ้าครบทั้ง 9,000 เมกะวัตต์ในปีใด


นายคำมะนี กล่าวถึงการเจรจาทวิภาคีไทยและลาวด้านพลังงานนั้น ได้มีการพิจารณาความเชื่อมโยงซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาว่า กำหนดว่าจะเดินหน้าโครงการไหนอย่างไรร่วมกันต่อไป ซึ่งแต่ละฝ่ายจะต้องไปศึกษาแผนพีดีพีของแต่ละประเทศอีกต่อไป โดยสปป.ลาว อยู่ระหว่างทบทวนแผนพีดีพีให้สอดรับกับสถานการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าของสปป.ลาวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 15 ต่อปี โดยสปป.ลาวปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้ารวมจำนวน 46 โครงการ มีกำลังผลิตรวม 6,400 เมกะวัตต์ และจะพัฒนาเพิ่มเติมอีก 50 โครงการ ซึ่งจะทำให้ในปี 2563 จะมีกำลังผลิตรวมกว่า 10,000 เมกะวัตต์ โดยการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากพลังน้ำกว่าร้อยละ 70 ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปมากที่สุดคือ จีน รองลงมาคือ ไทย และนักลงทุนจากเวียดนาม สำหรับนักลงทุนไทยส่วนใหญ่ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ,ถ่านหิน รวมถึงยังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนพลังงานลม และโซลาร์เซลล์ 

สำหรับโครงการอาเซี่ยนกริด ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือในระดับอาเซียนนั้น ประสบผลสำเร็จ และยังคงเดินหน้าโครงการนำร่องที่สปป.ลาวขายไฟฟ้าโดยเชื่อมโยงผ่านไทยไปยังประเทศมาเลเซียจำนวน 100 เมกะวัตต์ในต้นปี 2561 ซึ่งจะเป็นไปตามกรอบที่เจรจาร่วมกันไว้-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม