กทม.2 พ.ย.- นายกสมาคมการค้าสัมพันธ์ไทยจีน พบตำรวจ สน.ปทุมวัน หลังถูกสันติบาลกล่าวหา จดแจ้งข้อมูลอันเท็จจากการสวมบัตรประชาชนเป็นคนไทยแล้วนำไปขออนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
นายอุดม จวง นายกสมาคมการค้าสัมพันธ์ไทยจีน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา จดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จหลังถูกตำรวจสันติบาล แจ้งความดำเนินคดีเนื่องจาก ตรวจพบว่า สวมบัตรประชาชนเพื่อให้ได้สัญชาติไทยโดยผิดกฎหมาย นำไปจดทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวรวมถึงจดทะเบียนการค้าจากทางราชการ
พลตำรวจตรีสุรเชษฐ หักพาล รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ผู้ต้องหารายนี้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทมีเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท การตรวจสอบของตำรวจสันติบาลพบว่า สวมบัตรเป็นคนไทยตั้งแต่ปี 2534 สมรสกับคนไทยมีบุตร 2 คน และหย่าร้างก่อนเดินทางออกไป แล้วเดินทางกลับเข้ามาอีกในปี 2542 ด้วยชื่อใหม่ และสมรสกับภรรยาคนเดิม ที่เคยหย่าร้างกัน กระทั่งปี 2551 ได้ยื่นขอเปลี่ยนแปลงสัญชาติอีก โดยให้เหตุผลกับเจ้าหน้าที่ว่าได้สมรสกับหญิงไทยและมีบุตรร่วมกัน 1 คน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติเนื่องจาก การเดินทางครั้งแรกแจ้งมีบุตร 2 คนแต่ครั้งที่สองกลับแจ้ง 1 คน ซึ่งเป็นความผิดฐานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งตำรวจแยกเป็น 2 คดี คือคดีอาญา ฐานจดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และคดีสวมบัตรประชาชน หากพบกระทำผิดจริง จะถูกเพิกถอนสัญชาติและเพิกถอนใบทะเบียนการค้าต่างๆของทางราชการไทย พร้อมผลักดันกลับประเทศ หลังจากนี้จะสอบปากคำอย่างละเอียดก่อนปล่อยตัวชั่วคราวเนื่องจากผู้ต้องหาเดินทางเข้ามอบตัวเอง.-สำนักข่าวไทย